พบผลลัพธ์ทั้งหมด 976 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาษีการค้าแร่: สินค้าที่ผ่านการถลุงและผสมแล้ว ไม่ต้องเสียภาษีการค้าในฐานะแร่
ตามบัญชีอัตราภาษีการค้าท้ายประมวลรัษฎากรในประเภทการค้าที่ 1 ที่กำหนดให้ผู้ส่งออกเป็นผู้เสียภาษีการค้าดังที่ระบุไว้ในชนิด 8(ก) นั้น กำหนดเฉพาะสินค้าที่ยังมีสภาพเป็นแร่อยู่และยังระบุข้อยกเว้นไว้ชัดว่าไม่ให้รวมถึงวัตถุประดิษฐ์จากแร่อันต้องเสียภาษีตามอัตราในชนิด 1 อีกด้วย โจทก์ส่งออกสินค้าพิพาทซึ่งเป็นโลหะผสมที่ผ่านการถลุงมาจากแร่และยังมีการผสมระหว่างดีบุก กับตะกั่วอีกชั้นหนึ่งจึงมิใช่เป็นแร่โลหะหรือสินแร่โลหะตามความหมายในบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 1 ชนิด 8(ก) โจทก์จึงไม่ต้องเสียภาษีการค้าสำหรับสินค้าพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2301/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักค่าใช้จ่ายทางภาษีสำหรับธุรกิจเช่าซื้อ: หลักเกณฑ์การคำนวณและสิทธิของผู้เสียภาษีตามกฎหมาย
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 11)พ.ศ. 2502 มาตรา 8(33) ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น สำหรับกรณีการให้เช่าซื้อสังหาริมทรัพย์ เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร ยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 90 เว้นแต่ผู้มีเงินได้แสดงหลักฐานและพิสูจน์ได้ว่ามีค่าใช้จ่ายมากกว่านั้นก็ยอมให้หักค่าใช้จ่ายให้ตามความจำเป็นและสมควร แต่ถ้าหลักฐานที่นำมาพิสูจน์นั้นมีรายจ่ายที่หักได้ตามกฎหมายน้อยกว่าอัตราค่าใช้จ่ายที่กำหนดไว้ข้างต้นก็ให้ถือว่ามีค่าใช้จ่ายเพียงเท่าหลักฐานที่นำมาพิสูจน์ ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่สามารถแสดงหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าโจทก์มีค่าใช้จ่ายเท่าใด จึงต้องหักค่าใช้จ่ายให้โจทก์เป็นการเหมาได้ร้อยละ 90 ตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2301/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักค่าใช้จ่ายทางภาษีสำหรับธุรกิจให้เช่าซื้อ: หลักเกณฑ์การหักเหมาจ่ายและผลของการไม่แสดงหลักฐาน
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 11)พ.ศ. 2502 มาตรา 8(33) ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น สำหรับกรณีการให้เช่าซื้อสังหาริมทรัพย์เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8)แห่งประมวลรัษฎากร ยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ90 เว้นแต่ผู้มีเงินได้แสดงหลักฐานและพิสูจน์ได้ว่ามีค่าใช้จ่ายมากกว่านั้นก็ยอมให้หักค่าใช้จ่ายให้ตามความจำเป็นและสมควร แต่ถ้าหลักฐานที่นำมาพิสูจน์นั้นมีรายจ่ายที่หักได้ตามกฎหมายน้อยกว่าอัตราค่าใช้จ่ายที่กำหนดไว้ข้างต้นก็ให้ถือว่ามีค่าใช้จ่ายเพียงเท่าหลักฐานที่นำมาพิสูจน์ ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่สามารถแสดงหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าโจทก์มีค่าใช้จ่ายเท่าใด จึงต้องหักค่าใช้จ่ายให้โจทก์เป็นการเหมาได้ร้อยละ 90 ตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2301/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีไม่สามารถแสดงหลักฐานค่าใช้จ่ายได้ ศาลอนุญาตหักตามอัตราเหมาจ่ายตามกฎหมาย
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 11 ) พ.ศ. 2502 มาตรา 8(33) ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น สำหรับกรณีการให้เช่าซื้อสังหาริมทรัพย์เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8)แห่งประมวลรัษฎากร ยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 90 เว้นแต่ผู้มีเงินได้แสดงหลักฐานและพิสูจน์ได้ว่ามีค่าใช้จ่ายมากกว่านั้นก็ยอมให้หักค่าใช้จ่ายให้ตามความจำเป็นและสมควร แต่ถ้าหลักฐานที่นำมาพิสูจน์นั้นมีรายจ่ายที่หักได้ตามกฎหมายน้อยกว่าอัตราค่าใช้จ่ายที่กำหนดไว้ข้างต้นก็ให้ถือว่ามีค่าใช้จ่ายเพียงเท่าหลักฐานที่นำมาพิสูจน์ ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่สามารถแสดงหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าโจทก์มีค่าใช้จ่ายเท่าใด จึงต้องหักค่าใช้จ่ายให้โจทก์เป็นการเหมาได้ร้อยละ 90 ตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมคำขอเครื่องหมายการค้า: ไม่คืนได้แม้เพิกถอนทะเบียน
โจทก์ยื่นคำขอต่ออายุเครื่องหมายการค้าและคำขอจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความที่ได้จดทะเบียนแล้ว พร้อมทั้งชำระค่าธรรมเนียมการที่นายทะเบียนไม่ต่ออายุและจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความให้ตามคำขอดังกล่าวเพราะได้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิขอเงินค่าธรรมเนียมที่ชำระไปคืนจากจำเลย เพราะตามกฎกระทรวงฉบับที่ 6(พ.ศ. 2521) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 ข้อ (9) และ (12) ค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นค่าธรรมเนียมในการที่ยื่นคำขอ ทั้งไม่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องคืนแก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมคำขอเครื่องหมายการค้า ไม่คืน แม้ไม่อนุมัติ เหตุเป็นค่าบริการยื่นคำขอ ไม่ใช่ค่าจดทะเบียน
โจทก์ยื่นคำขอต่ออายุเครื่องหมายการค้าและคำขอจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความที่ได้จดทะเบียนแล้ว พร้อมทั้งชำระค่าธรรมเนียม การที่นายทะเบียนไม่ต่ออายุและจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความให้ตามคำขอดังกล่าวเพราะได้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิขอเงินค่าธรรมเนียมที่ชำระไปคืนจากจำเลย เพราะตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 6(พ.ศ. 2521) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 ข้อ (9) และ (12)ค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นค่าธรรมเนียมในการที่ยื่นคำขอ ทั้งไม่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องคืนแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอเครื่องหมายการค้า ไม่ต้องคืน แม้จะถูกเพิกถอน
โจทก์ยื่นคำขอต่ออายุเครื่องหมายการค้าและคำขอจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความที่ได้จดทะเบียนแล้ว พร้อมทั้งชำระค่าธรรมเนียมการที่นายทะเบียนไม่ต่ออายุและจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความให้ตามคำขอดังกล่าวเพราะได้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิขอเงินค่าธรรมเนียมที่ชำระไปคืนจากจำเลย เพราะตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2521) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 ข้อ (9) และ (12) ค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นค่าธรรมเนียมในการที่ยื่นคำขอ ทั้งไม่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องคืนแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2219/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดลิขสิทธิ์ภาพวาดจากการทำซ้ำเพื่อจำหน่าย แม้จะขายภาพต้นฉบับไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าขายลิขสิทธิ์ไปด้วย
โจทก์ร่วมขายภาพวาดสีน้ำมันขนาด 12 นิ้วฟุตคูณ 15 นิ้วฟุตอันเป็นงานจิตรกรรมซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วม ราคาเพียงภาพละ 300 บาท ให้ อ. และ ม. ดังนี้ เชื่อได้ว่าโจทก์ร่วมขายภาพดังกล่าวเป็นภาพ ๆ ไป หาได้ขายลิขสิทธิ์ในภายให้ไปด้วยไม่ ถ้าโจทก์ร่วมอนุญาตให้นำภาพดังกล่าวไปพิมพ์ได้ก็จะต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือไว้เมื่อจำเลยที่ 1ที่ 2 ได้ทำซ้ำซึ่งภาพวาดนั้นเป็นบัตรอวยพร ปีใหม่ออกจำหน่ายแก่ประชาชนโดยมิได้รับอนุญาตจากโจทก์ร่วม จึงเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2148/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คชำระหนี้การพนัน: มูลหนี้ไม่สมบูรณ์ ทำให้ขาดอำนาจฟ้องตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วมเพื่อชำระหนี้การพนันมูลหนี้ตามเช็คย่อมไม่สมบูรณ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 855 โจทก์ร่วมย่อมไม่มีสิทธินำคดีไปร้องทุกข์และไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานให้ถ้อยคำเกินหน้าที่ ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ระวังแนวเขตสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน จำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายให้ไประวังแนวเขตที่พิพาทเมื่อได้ความว่าที่พิพาทไม่ได้เป็นที่สาธารณประโยชน์หรือทางราชการสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ดังนี้การที่จำเลยที่ 1ให้ถ้อยคำถึงที่พิพาทจึงไม่เกี่ยวและเกินไปจากหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)