คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปิ่นทิพย์ สุจริตกุล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 976 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5122/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดหย่อนภาษีโรงเรือนสำหรับเครื่องจักรกลไก ต้องติดตั้งในโรงเรือนและเป็นส่วนควบสำคัญ
เครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าที่ติดตั้ง ต้องติดตั้งในโรงเรือนและต้องเป็นส่วนควบอันสำคัญจึงจะได้รับประโยชน์ตามมาตรา 13 แห่ง พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพ.ศ. 2475 เครื่องจักรผสมคอนกรีตไม่ใช่โรงเรือน เป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น แม้จะติดตั้งเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ในการอุตสาหกรรมผลิตคอนกรีตผสมเสร็จก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษี อาคารสำนักงานแม้จะใช้เป็นที่ควบคุมการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตโดยผ่านสวิตซ์บอร์ดซึ่งติดอยู่ที่อาคารแต่การผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ ความสำคัญอยู่ที่เครื่องจักรผสมคอนกรีตฉะนั้นแม้สวิตซ์บอร์ดจะเป็นส่วนควบของโรงเรือนอันเป็นสำนักงานก็หาเป็นส่วนควบที่สำคัญเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กระสุนปืนไม่มีดินส่ง เป็น 'เครื่องกระสุนปืน' ตามกฎหมายอาวุธปืน แม้ใช้ยิงไม่ได้
กระสุนปืนเล็กกล ขนาด .223 ซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้นั้น แม้จะไม่มีดินส่งกระสุนปืนไม่อาจใช้ยิงให้กระสุนปืนลั่นได้ก็ตาม แต่ก็เป็นสิ่งสำหรับทำหรือใช้ประกอบเครื่องกระสุนปืนได้ตามความหมายของคำว่า "เครื่องกระสุนปืน" ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 4(2) ดังนั้น กระสุนปืนที่ไม่มีดินส่งกระสุนปืนจึงเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กระสุนปืนที่ใช้ไม่ได้ ถือเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมายอาวุธปืน แม้ไม่มีดินส่ง
กระสุนปืนเล็กกล ขนาด .223 ซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้นั้น แม้จะไม่มีดินส่งกระสุนปืนไม่อาจใช้ยิงให้กระสุนปืนลั่นได้ก็ตาม แต่ก็เป็นสิ่งสำหรับทำหรือใช้ประกอบเครื่องกระสุนปืนได้ตามความหมายของคำว่า "เครื่องกระสุนปืน" ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 4(2) ดังนั้น กระสุนปืนที่ไม่มีดินส่งกระสุนปืนจึงเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5084/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชนจัดหางาน: จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายเรียกเก็บค่าบริการจัดหางาน แต่ไม่สามารถดำเนินการได้
ผู้เสียหายทั้งสองถูกจำเลยหลอกลวงว่าจำเลยสามารถส่งคนไปทำงานในประเทศคูเวตได้โดยเรียกค่าบริการคนละ 30,000 บาท ผู้เสียหายทั้งสองหลงเชื่อมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลยไป ความจริงจำเลยไม่สามารถส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศได้แต่อย่างใด ในขณะที่จำเลยพูดหลอกลวงนั้นมีคนอื่นอีก 8 คนอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ แล้วจำเลยพาผู้เสียหายไปอยู่ในบ้านซึ่งจำเลยเช่าให้คนหางานพักอาศัยอยู่ประมาณ 30-40 คน พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนซึ่งหมายถึงบุคคลทั่วไปจำเลยจึงมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 วรรคแรก ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ประกอบธุรกิจจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศหรือได้ส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศมาบ้างแล้วประกอบกับทางพิจารณารับฟังได้ว่าจำเลยมิได้เจตนาจัดหางานให้แก่คนหางานแต่ประการใด จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528มาตรา 30,82.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5084/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชน – การหลอกลวงจัดหางาน – เจตนาต่อบุคคลทั่วไป
ผู้เสียหายทั้งสองถูกจำเลยหลอกลวงว่าจำเลยสามารถส่งคนไปทำงานในประเทศคูเวตได้โดยเรียกค่าบริการคนละ 30,000 บาท ผู้เสียหายทั้งสองหลงเชื่อมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลยไป ความจริงจำเลยไม่สามารถส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศได้แต่อย่างใด ในขณะที่จำเลยพูดหลอกลวงนั้นมีคนอื่นอีก 8 คนอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ แล้วจำเลยพาผู้เสียหายไปอยู่ในบ้านซึ่งจำเลยเช่าให้คนหางานพักอาศัยอยู่ประมาณ 30-40 คน พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนซึ่งหมายถึงบุคคลทั่วไปจำเลยจึงมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 วรรคแรก
ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ประกอบธุรกิจจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศหรือได้ส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศมาบ้างแล้วประกอบกับทางพิจารณารับฟังได้ว่าจำเลยมิได้เจตนาจัดหางานให้แก่คนหางานแต่ประการใด จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528มาตรา 30, 82.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5063/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบรถเพื่อตีชำระหนี้ ตกลงราคากันไม่ได้ จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถไว้เป็นประกัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้รับมอบรถแทรกเตอร์ จำนวน 1 คันไปจากโจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์นำรถแทรกเตอร์ มามอบให้จำเลยเพื่อตีราคาชำระหนี้ แต่โจทก์จำเลยตกลงราคากันไม่ได้ จำเลยจึงยึดหน่วงรถไว้เป็นหลักประกัน ดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์ได้นำรถแทรกเตอร์ ไปมอบให้แก่จำเลยเพียงคันเดียวและครั้งเดียว จำเลยเข้าใจดีแล้วว่ารถแทรกเตอร์ คันที่ได้รับมอบจากโจทก์เป็นรถคันพิพาทและได้ให้การต่อสู้คดีอย่างถูกต้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์นำรถพิพาทไปตีชำระหนี้เงินกู้แก่จำเลย แต่ตกลงราคารถกันไม่ได้ ดังนี้ จำเลยต้องคืนรถพิพาทให้โจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถไว้เป็นประกัน เพราะไม่มีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวด้วยรถคันพิพาทที่จำเลยครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 241
โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยส่งมอบรถพิพาทคืนให้โจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์นำรถพิพาทมาตีชำระหนี้แก่จำเลย ดังนี้ จำเลยจะฎีกาว่าเป็นเรื่องหักกลบลบหนี้ไม่ได้ เพราะการหักกลบลบหนี้กับเรื่องนำทรัพย์มาตีชำระหนี้เป็นคนละเรื่องกัน เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้เรื่องการหักกลบลบหนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นนี้ให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5063/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบรถเพื่อตีราคาชำระหนี้ ตกลงราคากันไม่ได้ จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถไว้เป็นประกัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้รับมอบรถแทรกเตอร์ จำนวน 1 คันไปจากโจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์นำรถแทรกเตอร์ มามอบให้จำเลยเพื่อตีราคาชำระหนี้ แต่โจทก์จำเลยตกลงราคากันไม่ได้ จำเลยจึงยึดหน่วงรถไว้เป็นหลักประกัน ดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์ได้นำรถแทรกเตอร์ ไปมอบให้แก่จำเลยเพียงคันเดียวและครั้งเดียว จำเลยเข้าใจดีแล้วว่ารถแทรกเตอร์ คันที่ได้รับมอบจากโจทก์เป็นรถคันพิพาทและได้ให้การต่อสู้คดีอย่างถูกต้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม โจทก์นำรถพิพาทไปตีชำระหนี้เงินกู้แก่จำเลย แต่ตกลงราคารถกันไม่ได้ ดังนี้ จำเลยต้องคืนรถพิพาทให้โจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถไว้เป็นประกัน เพราะไม่มีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวด้วยรถคันพิพาทที่จำเลยครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 241 โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยส่งมอบรถพิพาทคืนให้โจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์นำรถพิพาทมาตีชำระหนี้แก่จำเลย ดังนี้ จำเลยจะฎีกาว่าเป็นเรื่องหักกลบลบหนี้ไม่ได้ เพราะการหักกลบลบหนี้กับเรื่องนำทรัพย์มาตีชำระหนี้เป็นคนละเรื่องกัน เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้เรื่องการหักกลบลบหนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นนี้ให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4940/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดความรับผิดของผู้รับประกันภัยตามกรมธรรม์ กรณีอุบัติเหตุเดียวกัน ชดใช้ค่าเสียหายเต็มตามวงเงินประกันภัยแล้ว
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ด้วยความประมาท เป็นเหตุให้เกิดชนกันขึ้น จำเลยที่ 4 ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ด้วย
ตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 4ระบุวงเงินค่าเสียหายเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคลภายนอกไว้ว่าไม่เกิน 100,000 บาท ต่อหนึ่งครั้ง จึงหมายความว่า จำเลยที่ 4จำกัดความรับผิดในค่าเสียหายต่อบุคคลภายนอกไม่ว่าคนเดียวหรือหลายคนในอุบัติเหตุครั้งเดียวกันไว้ไม่เกิน 100,000 บาทเท่านั้นและหากจำเลยที่ 4 ได้ชำระค่าเสียหายให้โจทก์ในอีกคดีซึ่งได้ฟ้องในอุบัติเหตุครั้งเดียวกันกับคดีนี้เต็มจำนวน 100,000 บาทตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยแล้ว จำเลยที่ 4 ก็ไม่ต้องชำระค่าเสียหายให้โจทก์ในคดีนี้อีก การชำระค่าเสียหายตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าวเป็นการชำระหนี้โดยสุจริตและถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยที่ 4 ไม่ต้องเฉลี่ยเงินค่าเสียหายให้โจทก์คดีนี้
จำเลยที่ 4 อ้างสำนวนคดีแพ่งของศาลชั้นต้นพร้อมทั้งสรรพเอกสารเป็นพยานในคดีนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามข้อเท็จจริงในสำนวนคดีดังกล่าว จึงไม่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกสำนวน แต่ข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 4 ได้ชำระค่าเสียหายตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ในคดีอื่นเกิดขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีนี้แล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่ชอบที่จะนำมาพิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 4 ไปเลย แต่ควรกำหนดเป็นเงื่อนไขในความรับผิดของจำเลยที่ 4 เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4940/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดความรับผิดของผู้รับประกันภัยตามกรมธรรม์ กรณีอุบัติเหตุเดียวกัน และการชำระหนี้โดยสุจริต
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ด้วยความประมาท เป็นเหตุให้เกิดชนกันขึ้น จำเลยที่ 4 ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ด้วย ตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 4ระบุวงเงินค่าเสียหายเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคลภายนอกไว้ว่าไม่เกิน 100,000 บาท ต่อหนึ่งครั้ง จึงหมายความว่า จำเลยที่ 4จำกัดความรับผิดในค่าเสียหายต่อบุคคลภายนอกไม่ว่าคนเดียวหรือหลายคนในอุบัติเหตุครั้งเดียวกันไว้ไม่เกิน 100,000 บาทเท่านั้นและหากจำเลยที่ 4 ได้ชำระค่าเสียหายให้โจทก์ในอีกคดีซึ่งได้ฟ้องในอุบัติเหตุครั้งเดียวกันกับคดีนี้เต็มจำนวน 100,000 บาทตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยแล้ว จำเลยที่ 4 ก็ไม่ต้องชำระค่าเสียหายให้โจทก์ในคดีนี้อีก การชำระค่าเสียหายตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าวเป็นการชำระหนี้โดยสุจริตและถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยที่ 4 ไม่ต้องเฉลี่ยเงินค่าเสียหายให้โจทก์คดีนี้ จำเลยที่ 4 อ้างสำนวนคดีแพ่งของศาลชั้นต้นพร้อมทั้งสรรพเอกสารเป็นพยานในคดีนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามข้อเท็จจริงในสำนวนคดีดังกล่าว จึงไม่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกสำนวน แต่ข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 4 ได้ชำระค่าเสียหายตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ในคดีอื่นเกิดขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีนี้แล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่ชอบที่จะนำมาพิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 4 ไปเลย แต่ควรกำหนดเป็นเงื่อนไขในความรับผิดของจำเลยที่ 4 เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4925/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีการค้า: ค่าใช้จ่ายของบริษัทต่างประเทศที่ปรึกษาโรงแรม ถือเป็นเงินได้จากการรับทำงาน
การที่บริษัท พ.ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศได้จัดส่งคนงานเข้ามาในประเทศไทยเพื่อให้คำปรึกษาแนะนำแก่โจทก์ในการประกอบกิจการโรงแรมของโจทก์เท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการเข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทย โจทก์ผู้จ่ายเงินได้ตามมาตรา 40(2) ให้แก่บริษัทดังกล่าวจึงมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณที่จ่าย และนำส่งตามประมวลรัษฎากร มาตรา 70(1) โจทก์ทำสัญญาจ้างบริษัท ฮ.ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศเป็นผู้ให้คำปรึกษาแก่โจทก์ในด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับกิจการโรงแรมของโจทก์ การที่บริษัทดังกล่าวปฏิบัติงานให้โจทก์ตามสัญญานั้น บริษัทดังกล่าวจะต้องมีค่าใช้จ่ายของตนเองเพื่อทำงานให้บรรลุผลตามสัญญา ดังนั้น ค่าใช้จ่ายเบิกชดเชย ค่าการตลาด กับค่าส่งเสริมการตลาดที่โจทก์จ่ายให้แก่บริษัทดังกล่าว จึงเป็นเงินได้จากการที่บริษัทดังกล่าวรับทำงานให้โจทก์ ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 40(2) หาใช่เป็นค่าใช้จ่ายของโจทก์ซึ่งบริษัทดังกล่าวทดรองจ่ายไปก่อนแล้วโจทก์จะจ่ายคืนให้ในภายหลังไม่ โจทก์ผู้จ่ายเงินได้ให้แก่บริษัทดังกล่าวจึงมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งตามประมวลรัษฎากร มาตรา 3 เตรส การที่โจทก์จ้างบริษัท ฮ.ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ เข้ามาดำเนินกิจการโรงแรมของโจทก์ก็เพื่อให้กิจการโรงแรมของโจทก์เป็นไปด้วยดี ดังนั้นเงินที่โจทก์จ่ายให้แก่บริษัทดังกล่าว ก็เพื่อผลสำเร็จแห่งการงานที่บริษัทดังกล่าวจะบริหารโรงแรมให้โจทก์ จึงถือเป็นเงินค่าจ้างทำของ แม้โจทก์จะเรียกเงินที่จ่ายนั้นว่าเป็น ค่าการตลาด ค่าธรรมเนียม หรือเงินจ่ายคืนสำหรับค่าใช้จ่ายที่บริษัทดังกล่าวได้ทดรองจ่ายแทนโจทก์ไปก็ตามแต่แท้จริงแล้วล้วนเป็นเงินค่าจ้างทำของทั้งสิ้น บริษัท ฮ.จึงต้องเสียภาษีการค้าตามประเภทการค้า 4 ชนิด 1(ฉ) โจทก์ผู้จ่ายเงินค่าจ้างทำของให้แก่บริษัท ฮ. จึงมีหน้าที่ต้องหักภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล แล้วนำส่งตามประมวลรัษฎากรมาตรา 78 สัตตรสประกอบด้วยมาตรา 78 ปัณรส วรรคสอง
of 98