พบผลลัพธ์ทั้งหมด 440 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3308/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเวนคืนที่ดิน: ดอกเบี้ยเมื่อจำเลยไม่วางเงินตามประกาศ คปต. แม้โจทก์ไม่ยอมรับราคา
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 67 กำหนดเกี่ยวกับการชำระค่าทดแทนการเวนคืนที่ดินกรณีเจ้าของที่ดินไม่ยอมรับราคาที่เจ้าหน้าที่เวนคืนของจำเลยเสนอไว้ว่าให้นำเงินไปวางต่อศาล เมื่อปรากฏว่าเจ้าหน้าที่เวนคืนของจำเลยมิได้นำเงินดังกล่าวไปวางต่อศาล และการที่เจ้าของที่ดินไม่ยอมรับราคาที่เสนอก็เพราะเห็นว่าเป็นราคาที่ไม่เป็นธรรมอันเป็นมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ซึ่งถือไม่ได้ว่าเจ้าของที่ดินตกเป็นผู้ผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ดังนั้น จำเลยจึงต้องเสียดอกเบี้ยในต้นเงินค่าทดแทนแก่โจทก์ นับแต่วันที่เข้าครอบครองที่ดินของโจทก์ ตามมาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3230/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความ: วันหยุดราชการเป็นที่รู้กันทั่วไป ศาลรู้ได้เองไม่ต้องนำสืบ
ข้อเท็จจริงที่ว่า วันใดเป็นวันหยุดราชการหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไป และศาลรู้ได้เองโดยคู่ความไม่ต้องนำสืบ เมื่อวันครบกำหนดอายุความเป็นวันอาทิตย์โจทก์ฟ้องในวันรุ่งขึ้น อันเป็นวันแรกที่เปิดทำการได้ แม้โจทก์จะมิได้นำสืบว่าวันดังกล่าวเป็นวันอาทิตย์ คดีโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3230/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดี: ศาลรู้ได้เองวันหยุดราชการ ไม่ต้องนำสืบ
ข้อเท็จจริงที่ว่า วันใดเป็นวันหยุดราชการหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไป และศาลรู้ได้เองโดยคู่ความไม่ต้องนำสืบ เมื่อวันครบกำหนดอายุความเป็นวันอาทิตย์โจทก์ฟ้องในวันรุ่งขึ้น อันเป็นวันแรกที่เปิดทำการได้ แม้โจทก์จะมิได้นำสืบว่าวันดังกล่าวเป็นวันอาทิตย์ คดีโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3228/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนผู้จัดการมรดก: ศาลมีอำนาจพิจารณาเหตุสมควร แม้มีข้อผิดสัญญา
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 บัญญัติให้ผู้มีส่วนได้เสียร้องขอให้ศาลเพิกถอนผู้จัดการมรดกไว้ 2 ประการคือผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุอย่างอื่นที่สมควร ดังนั้น หากจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกผิดสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ในฐานะทายาทของผู้ตาย ก็เป็นเหตุที่โจทก์จะร้องขอต่อศาลตามมาตราดังกล่าวได้ แต่การที่ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนตามคำร้องขอของโจทก์หรือไม่ย่อมอยู่ในอำนาจของศาลที่จะพิจารณาว่ามีเหตุสมควรหรือไม่ หาใช่เมื่อจำเลยผิดสัญญาแล้วศาลจะต้องสั่งเพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกเสมอไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3228/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนผู้จัดการมรดก: เหตุผล, ดุลยพินิจศาล, และผลกระทบต่อทายาทอื่น
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 บัญญัติให้ผู้มีส่วนได้เสียร้องขอให้ศาลเพิกถอนผู้จัดการมรดกไว้ 2 ประการคือผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุอย่างอื่นที่สมควร ดังนั้น หากจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกผิดสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ในฐานะทายาทของผู้ตาย ก็เป็นเหตุที่โจทก์จะร้องขอต่อศาลตามมาตราดังกล่าวได้ แต่การที่ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนตามคำร้องขอของโจทก์หรือไม่ ย่อมอยู่ในอำนาจของศาลที่จะพิจารณาว่ามีเหตุสมควรหรือไม่ การเพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกหาได้มีผลเฉพาะต่อโจทก์จำเลยไม่ แต่ยังมีผลกระทบถึงผลประโยชน์ของบรรดาทายาทอื่นซึ่งมิได้เป็นคู่ความด้วย หาใช่เมื่อจำเลยผิดสัญญาแล้วศาลจะต้องสั่งเพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกเสมอไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3228/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนผู้จัดการมรดก: ศาลมีอำนาจพิจารณาเหตุสมควร แม้ผู้จัดการมรดกผิดสัญญา
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 บัญญัติให้ผู้มีส่วนได้เสียร้องขอให้ศาลเพิกถอนผู้จัดการมรดกไว้ 2 ประการคือผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุอย่างอื่นที่สมควร ดังนั้น หากจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกผิดสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ในฐานะทายาทของผู้ตาย ก็เป็นเหตุที่โจทก์จะร้องขอต่อศาลตามมาตราดังกล่าวได้ แต่การที่ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนตามคำร้องขอของโจทก์หรือไม่ย่อมอยู่ในอำนาจของศาลที่จะพิจารณาว่ามีเหตุสมควรหรือไม่ หาใช่เมื่อจำเลยผิดสัญญาแล้วศาลจะต้องสั่งเพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกเสมอไปไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3181/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจโนตารีปับลิกรับรองนิติบุคคล: หนังสือมอบอำนาจเป็นหลักฐานสำคัญยืนยันสถานะ
อำนาจของโนตารีปับลิกมิใช่เพียงแต่การรับรองลายมือชื่อของผู้ทำเอกสารว่าได้มีการลงลายมือชื่อต่อหน้าตนเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงอำนาจที่จะรับรองการกระทำคือหนังสือมอบอำนาจด้วย เมื่อข้อเท็จจริงในหนังสือมอบอำนาจมีข้อความชัดแจ้งว่าโจทก์เป็นบริษัทจำกัด จึงต้องฟังไปตามนั้น หาจำเป็นจะต้องมีหนังสือจากนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทมาแสดงไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3103/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้หวงห้ามมีปริมาณน้อยไม่ถือเป็นต้นหรือท่อน ศาลยกเว้นโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ในกรณีมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองเป็นต้นหรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกันเกินยี่สิบต้นหรือท่อนตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคสอง (2)นั้น ขนาดของไม้ต้นหรือท่อนจะต้องมีขนาดใหญ่พอควร พอที่จะถือว่าเป็นไม้ต้นหรือไม้ท่อนได้ เมื่อคดีได้ความว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันมีไม้มะพลับหรือไม้พลับจำนวน 11 ท่อน ปริมาตร 1.08 ลูกบาศก์เมตรไม้โมกมันจำนวน 52 ท่อน ปริมาตร 0.99 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตแม้จำนวนไม้ที่จำเลยทั้งห้ามีไว้ในครอบครองจะมีจำนวนรวมกันถึง63 ท่อน แต่ไม้ทั้งหมดมีปริมาตรรวมกันเพียง 2.07 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น แสดงว่าไม้หวงห้ามดังกล่าวเป็นเศษไม้เล็กไม้น้อย อันมีลักษณะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่มีลักษณะเป็นต้นหรือท่อนตามความหมายของพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคสอง(2) จึงไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งห้าตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ จำเลยทั้งห้าคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคแรกเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3103/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้หวงห้ามมีปริมาณน้อย ไม่ถือเป็นต้นหรือท่อน ไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ในกรณีมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองเป็นต้นหรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกันเกินยี่สิบต้นหรือท่อนตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคสอง (2)นั้น ขนาดของไม้ต้นหรือท่อนจะต้องมีขนาดใหญ่พอควร พอที่จะถือว่าเป็นไม้ต้นหรือไม้ท่อนได้ เมื่อคดีได้ความว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันมีไม้มะพลับหรือไม้พลับจำนวน 11 ท่อน ปริมาตร 1.08 ลูกบาศก์เมตรไม้โมกมันจำนวน 52 ท่อน ปริมาตร 0.99 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตแม้จำนวนไม้ที่จำเลยทั้งห้ามีไว้ในครอบครองจะมีจำนวนรวมกันถึง63 ท่อน แต่ไม้ทั้งหมดมีปริมาตรรวมกันเพียง 2.07 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น แสดงว่าไม้หวงห้ามดังกล่าวเป็นเศษไม้เล็กไม้น้อย อันมีลักษณะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่มีลักษณะเป็นต้นหรือท่อนตามความหมายของพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคสอง(2) จึงไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งห้าตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ จำเลยทั้งห้าคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคแรกเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3103/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้หวงห้ามมีจำนวนมากแต่ปริมาตรน้อย ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 69 วรรคสอง
ในกรณีมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองเป็นต้นหรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวมกันเกินยี่สิบต้นหรือท่อนตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคสอง (2)นั้น ขนาดของไม้ต้นหรือท่อนจะต้องมีขนาดใหญ่พอควร พอที่จะถือว่าเป็นไม้ต้นหรือไม้ท่อนได้ เมื่อจำเลยทั้งห้าร่วมกันมีไม้มะพลับหรือไม้พลับจำนวน11ท่อนปริมาตร1.08ลูกบาศก์เมตรไม้โมกมันจำนวน 52 ท่อน ปริมาตร 0.99 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แม้จำนวนไม้ที่จำเลยทั้งห้ามีไว้ในครอบครองจะมีจำนวนรวมกันถึง 63 ท่อนแต่ไม้ทั้งหมดมีปริมาตรรวมกันเพียง 2.07 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้นแสดงว่าไม้หวงห้ามดังกล่าว เป็นเศษไม้เล็กไม้น้อยอันมีลักษณะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่มีลักษณะเป็นต้นหรือท่อนตามความหมายของมาตรา 69 วรรคสอง (2) จึงไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งห้าตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ จำเลยทั้งห้าคงมีความผิดตามมาตรา 69 วรรคแรก เท่านั้น