พบผลลัพธ์ทั้งหมด 440 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเอกสารราชการเพื่อประโยชน์ตนเอง ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265
จำเลยยอมรับต่อเจ้าพนักงานตำรวจที่กองกำลังพล กรมตำรวจว่าจำเลยเป็นผู้แก้ไขตำแหน่งและเลขประจำตำแหน่งในบันทึกการขอบรรจุข้าราชการตำรวจที่ผู้บังคับบัญชาของจำเลยเสนอแต่งตั้งให้จำเลยดำรงตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่นเป็นตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลชนะสงครามแม้คำรับดังกล่าวจะเป็นคำบอกเล่าก็ตาม แต่ก็เป็นคำบอกเล่าที่ทำให้ตนเองเสียประโยชน์ จึงรับฟังได้ จำเลยปลอมเอกสารบันทึกการขอบรรจุข้าราชการตำรวจอันเป็นเอกสารราชการขณะเอกสารดังกล่าวถูกส่งไปตามสายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลถึงอธิบดีกรมตำรวจและยังคงค้างอยู่ที่กองกำลังพล กรมตำรวจย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กองกำลังพลกรมตำรวจ ที่จะเสนอเอกสารดังกล่าวไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจอยู่แล้ว จำเลยจึงมิใช่เป็นผู้ใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่กองกำลังพล กรมตำรวจ โดยวิธีแนบเรื่องไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจดังโจทก์ฟ้อง จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเอกสารราชการเพื่อประโยชน์ตนเอง ถือเป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
จำเลยยอมรับต่อเจ้าพนักงานตำรวจที่กองกำลังพล กรมตำรวจว่าจำเลยเป็นผู้แก้ไขตำแหน่งและเลขประจำตำแหน่งในบันทึกการขอ บรรจุ ข้าราชการตำรวจที่ผู้บังคับบัญชาของจำเลยจะรอเสนอแต่งตั้งให้จำเลยดำรงตำแหน่งของสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่นเป็นตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาล ชนะสงคราม ดังนี้ เป็นคำบอกเล่าที่ทำให้ตนเองเสียประโยชน์ จึงรับฟังได้.
จำเลยปลอมเอกสารบันทึกการขอ บรรจุ ข้าราชการตำรวจอันเป็นเอกสารราชการขณะเอกสารดังกล่าวถูกส่งไปตามสายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลถึงอธิบดีกรมตำรวจและยังคงค้างอยู่ที่กองกำลังพล กรมตำรวจ ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กองกำลังพล ที่จะเสนอเอกสารดังกล่าวไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจ จำเลยมิใช่เป็นผู้ใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่กองกำลังพลโดยวิธีแนบเรื่องไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจ จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 268.
จำเลยปลอมเอกสารบันทึกการขอ บรรจุ ข้าราชการตำรวจอันเป็นเอกสารราชการขณะเอกสารดังกล่าวถูกส่งไปตามสายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลถึงอธิบดีกรมตำรวจและยังคงค้างอยู่ที่กองกำลังพล กรมตำรวจ ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กองกำลังพล ที่จะเสนอเอกสารดังกล่าวไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจ จำเลยมิใช่เป็นผู้ใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่กองกำลังพลโดยวิธีแนบเรื่องไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจ จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 268.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเอกสารราชการและการใช้เอกสารโดยเจ้าหน้าที่ – การรับฟังพยานบอกเล่าที่ทำให้ตนเองเสียประโยชน์
จำเลยยอมรับต่อเจ้าพนักงานตำรวจที่กองกำลังพล กรมตำรวจว่าจำเลยเป็นผู้แก้ไขตำแหน่งและเลขประจำตำแหน่งในบันทึกการขอบรรจุข้าราชการตำรวจที่ผู้บังคับบัญชาของจำเลยเสนอแต่งตั้งให้จำเลยดำรงตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น เป็นตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม แม้คำรับดังกล่าวจะเป็นคำบอกเล่าก็ตาม แต่ก็เป็นคำบอกเล่าที่ทำให้ตนเองเสียประโยชน์ จึงรับฟังได้
จำเลยปลอมเอกสารบันทึกการขอบรรจุข้าราชการตำรวจอันเป็นเอกสารราชการขณะเอกสารดังกล่าวถูกส่งไปตามสายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลถึงอธิบดีกรมตำรวจและยังคงค้างอยู่ที่กองกำลังพล กรมตำรวจ ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าที่กองกำลังพล กรมตำรวจ ที่จะเสนอเอกสารดังกล่าวไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจอยู่แล้ว จำเลยจึงมิใช่เป็นผู้ใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่กองกำลังพล กรมตำรวจ โดยวิธีแนบเรื่องไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจดังโจทก์ฟ้อง จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
จำเลยปลอมเอกสารบันทึกการขอบรรจุข้าราชการตำรวจอันเป็นเอกสารราชการขณะเอกสารดังกล่าวถูกส่งไปตามสายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลถึงอธิบดีกรมตำรวจและยังคงค้างอยู่ที่กองกำลังพล กรมตำรวจ ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าที่กองกำลังพล กรมตำรวจ ที่จะเสนอเอกสารดังกล่าวไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจอยู่แล้ว จำเลยจึงมิใช่เป็นผู้ใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่กองกำลังพล กรมตำรวจ โดยวิธีแนบเรื่องไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจดังโจทก์ฟ้อง จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734-1735/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเป็นโจทก์ร่วม: การพิสูจน์ความเสียหายและการจัดการแทนผู้เสียหาย
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกับพวกร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังและทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และบรรยายต่อมาว่าจนบัดนี้ผู้เสียหายอาจถึง แก่ความตายไปแล้ว กับที่ผู้ร้องกล่าวอ้างในคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ว่าไม่ทราบว่าผู้เสียหายเป็นตาย ร้ายดีอย่างไร โดย ไม่ได้ความว่าผู้เสียหายถูก ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บและไม่ได้ยืนยันว่าผู้เสียหายถึง แก่ความตายไปแล้วจริง จึงมิใช่กรณีที่ผู้เสียหายถูก ทำร้ายถึง ตาย หรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2)แม้ผู้ร้องจะเป็นมารดาของผู้เสียหาย ก็ไม่อาจเข้ามาจัดการแทนผู้เสียหายโดย การขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์โดยไม่มีมูลและประวิงคดี ศาลมีอำนาจสั่งวางเงินประกันเพื่อคุ้มครองโจทก์
เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้ ผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะเป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์ต้องมีมูล หากไม่มีมูลและมีเจตนาประวิงคดี ศาลมีอำนาจสั่งวางเงินประกันเพื่อคุ้มครองโจทก์
เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อ ศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้
ผู้ที่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะ เป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่
ผู้ที่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะ เป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์ประวิงคดี และการพิสูจน์กรรมสิทธิ์ในบ้าน
เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อ ศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้ ผู้ที่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะ เป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707-1708/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิซื้อที่ดินเช่าเมื่อเจ้าของจะขาย: ผลผูกพันตามสัญญาเช่า
โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินบางส่วนจากจำเลยโดย หนังสือสัญญาเช่าข้อหนึ่งระบุว่าหากจำเลยต้องการจะขายที่ดินซึ่ง รวมถึง ที่ดินที่โจทก์เช่า อยู่แล้ว จำเลยจะต้อง ขายที่ดินเฉพาะ ส่วนที่เช่า ให้โจทก์ในราคาเท่ากับที่เสนอขายให้บุคคลอื่น ต่อมาผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่า จะขายที่ดินของจำเลยให้แก่ผู้มีชื่อ ในราคา 4,500,000 บาท หากโจทก์สนใจขอให้ติดต่อ ด่วนเมื่อโจทก์ได้ แสดงเจตนาตอบรับจะซื้อที่ดินตาม ราคาที่จำเลยเสนอขายตาม ส่วนของที่ดินแล้ว จำเลยก็ต้อง ขายที่ดินให้แก่โจทก์ในราคาดังกล่าว จำเลยจะอ้างว่าข้อความตาม สัญญาเช่ายังไม่มีผลใช้ บังคับตราบใด ที่จำเลยยังมิได้ขายที่ดินให้แก่บุคคลอื่นมิได้ เพราะมิฉะนั้นสัญญาเช่าดังกล่าวก็จะไม่มีผลในเมื่อจำเลยขายที่ดินทั้งแปลงให้บุคคลอื่นไปแล้ว จำเลยก็ย่อมไม่มีที่ดินมาขายให้โจทก์ตามสัญญาได้ อีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องมีข้อคัดค้านคำพิพากษาที่ชัดเจนตามมาตรา 208 วรรคสอง
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่อ้างเหตุว่า ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี เนื่องจากทนายจำเลยต้องเดินทางไปงานศพของปู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำเลยไม่ได้ดัดแปลงต่อเติมอาคารที่เช่าและไม่ได้ให้ใครเช่าช่วง เพียงแต่ให้พี่สาวเป็นผู้ดูแลกิจการแทน จำเลยคืนหนังสือสัญญาเช่าแก่โจทก์เพราะถูกโจทก์หลอกลวงว่าจะต่อสัญญาเช่าให้ ส่วนค่าเช่าจำเลยชำระให้โจทก์ทุกเดือนนอกจากเดือนสุดท้ายโจทก์ไม่ยอมรับอ้างว่าให้ต่อสัญญาเสร็จเสียก่อนคำพิพากษาที่ให้จำเลยแพ้คดียังคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริง ซึ่งถ้าหากศาลได้เห็นพยานหลักฐานของจำเลยแล้วคงไม่มีคำพิพากษาเช่นนั้นดังนี้ ถือได้ว่าคำร้องดังกล่าวของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุคัดค้านคำพิพากษาอย่างชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่อ้างเหตุว่า ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยต้องเดินทางไปงานศพของปู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำเลยไม่ได้ดัดแปลงต่อเติมอาคารที่เช่าและไม่ได้ให้ใครเช่าช่วง เพียงแต่ให้พี่สาวเป็นผู้ดูแลกิจการแทน จำเลยคืนหนังสือสัญญาเช่าแก่โจทก์เพราะถูกโจทก์หลอกลวงว่าจะต่อสัญญาเช่าให้ส่วนต่าช่าจำเลยชำระให้โจทก์ทุกเดือน นอกจากเดือนสุดท้ายโจทก์ไม่ยอมรับอ้างว่าให้ต่อสัญญาเสร็จเสียก่อน คำพิพากษาที่ให้จำเลยแพ้คดียังคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริง ซึ่งถ้าหากศาลได้เห็นพยานหลักฐานของจำเลยแล้วคงไม่มีคำพิพากษาเช่นนั้น ดังนี้ ถือได้ว่าคำร้องดังกล่าวของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านตัดสินของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 แล้ว.(ที่มา-ส่งเสริม)