พบผลลัพธ์ทั้งหมด 440 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 748/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกติดจำนอง: ทายาทรับภาระหนี้จำนองตามส่วนรับมรดก, ไม่สามารถบังคับให้ทายาทลูกหนี้ไถ่ถอนได้
เมื่อที่ดินแปลงหนึ่งของทรัพย์มรดกติดจำนองประกันหนี้ของ น. ทายาทคนหนึ่งอยู่ ทายาทผู้รับมรดกจึงต้องรับภาระในหนี้จำนองโดยรับโอนที่ดินนั้นมาโดยติดจำนองถ้ามีการบังคับจำนองโดย น. ไม่ชำระหนี้แล้ว ทายาทผู้รับมรดกคงรับผิดแต่เฉพาะทรัพย์มรดกที่ตนรับโอนมา หรือหากตนต้องชำระหนี้จำนองไปเท่าใดก็ชอบที่จะได้รับเงินใช้คืนจาก น. ได้ตามสิทธิที่ได้รับโอนมาจากเจ้ามรดก ทายาทไม่มีสิทธิบังคับให้ น. ทำการไถ่ถอนจำนองหรือยกข้ออ้างในการที่ น. ไม่ทำการไถ่ถอนจำนองมาเป็นเหตุขัดข้องมิให้มีการแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาท.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 748/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำนองในทรัพย์มรดก: ทายาทรับโอนพร้อมภาระหนี้ แต่มีสิทธิเรียกร้องคืนจากผู้ก่อหนี้
เมื่อที่ดินแปลงหนึ่งของทรัพย์มรดกติด จำนองประกันหนี้ของ น.ทายาทคนหนึ่งอยู่ ทายาทผู้รับมรดกจึงต้อง รับภาระในหนี้จำนองโดย รับโอนที่ดินนั้นมาโดย ติด จำนอง ถ้า มีการบังคับจำนองโดย น.ไม่ชำระหนี้แล้ว ทายาทผู้รับมรดกคงรับผิดแต่ เฉพาะ ทรัพย์มรดกที่ตน รับโอนมา หรือหากตน ต้อง ชำระหนี้จำนองไปเท่าใดก็ชอบที่จะได้รับเงินใช้ คืนจาก น. ได้ ตาม สิทธิที่ได้รับ โอนมาจากเจ้ามรดกทายาทไม่มีสิทธิบังคับให้ น. ทำการไถ่ถอนจำนองหรือยกข้ออ้างในการที่ น. ไม่ทำการไถ่ถอนจำนองมาเป็นเหตุขัดข้องมิให้มีการแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกเฉยต่อคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์ ถือเป็นการทิ้งฟ้อง
ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์โจทก์แล้วสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลย โจทก์ไม่ได้นำส่งเองโดยเพียงแต่เสียค่าธรรมเนียมและค่าป่วยการในการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่เจ้าพนักงานเดินหมายเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล เมื่อส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยไม่ได้ โจทก์ก็มิได้แถลงต่อศาลภายในกำหนดจนเจ้าหน้าที่ทำรายงานเสนอศาลเมื่อเวลาล่วงเลยไปถึง ๒๔ วันแล้ว ถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่แถลงให้ดำเนินการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยภายในเวลาที่ศาลกำหนดโดยโจทก์ทราบคำสั่งโดยชอบแล้วเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์
กำหนดเวลาที่ให้โจทก์แถลงเรื่องการส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน ๗ วัน นั้น ศาลให้นับตั้งแต่วันส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้หาใช่นับตั้งแต่วันที่โจทก์ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นไม่ และเมื่อศาลกำหนดให้โจทก์เป็นผู้นำส่งสำเนาอุทธรณ์แล้วโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องคอยติดตามทราบผลการส่งหมายจากเจ้าหน้าที่ศาลเอง เจ้าหน้าที่ศาลหามีหน้าที่ต้องแจ้งผลการส่งหมายให้โจทก์ทราบก่อนไม่.(ที่มาส่งเสริม)
กำหนดเวลาที่ให้โจทก์แถลงเรื่องการส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน ๗ วัน นั้น ศาลให้นับตั้งแต่วันส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้หาใช่นับตั้งแต่วันที่โจทก์ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นไม่ และเมื่อศาลกำหนดให้โจทก์เป็นผู้นำส่งสำเนาอุทธรณ์แล้วโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องคอยติดตามทราบผลการส่งหมายจากเจ้าหน้าที่ศาลเอง เจ้าหน้าที่ศาลหามีหน้าที่ต้องแจ้งผลการส่งหมายให้โจทก์ทราบก่อนไม่.(ที่มาส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกเฉยต่อคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์ ถือเป็นการทิ้งฟ้อง
ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์โจทก์แล้วสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลย โจทก์ไม่ได้นำส่งเองโดยเพียงแต่เสียค่าธรรมเนียมและค่าป่วยการในการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่เจ้าพนักงานเดินหมายเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล เมื่อส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยไม่ได้ โจทก์ก็มิได้แถลงต่อศาลภายในกำหนดจนเจ้าหน้าที่ทำรายงานเสนอศาลเมื่อเวลาล่วงเลยไปถึง 24 วันแล้ว ถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่แถลงให้ดำเนินการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยภายในเวลาที่ศาลกำหนดโดยโจทก์ทราบคำสั่งโดยชอบแล้วเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์
กำหนดเวลาที่ให้โจทก์แถลงเรื่องการส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน 7 วัน นั้น ศาลให้นับตั้งแต่วันส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้หาใช่นับตั้งแต่วันที่โจทก์ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นไม่ และเมื่อศาลกำหนดให้โจทก์เป็นผู้นำส่งสำเนาอุทธรณ์แล้วโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องคอยติดตามทราบผลการส่งหมายจากเจ้าหน้าที่ศาลเอง เจ้าหน้าที่ศาลหามีหน้าที่ต้องแจ้งผลการส่งหมายให้โจทก์ทราบก่อนไม่.(ที่มาส่งเสริม)
กำหนดเวลาที่ให้โจทก์แถลงเรื่องการส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน 7 วัน นั้น ศาลให้นับตั้งแต่วันส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้หาใช่นับตั้งแต่วันที่โจทก์ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นไม่ และเมื่อศาลกำหนดให้โจทก์เป็นผู้นำส่งสำเนาอุทธรณ์แล้วโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องคอยติดตามทราบผลการส่งหมายจากเจ้าหน้าที่ศาลเอง เจ้าหน้าที่ศาลหามีหน้าที่ต้องแจ้งผลการส่งหมายให้โจทก์ทราบก่อนไม่.(ที่มาส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์เอง & ผลของการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล & การทิ้งฟ้อง
ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์โจทก์แล้วสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลย โจทก์ไม่ได้นำส่งเองโดยเพียงแต่เสียค่าธรรมเนียมและค่าป่วยการในการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่เจ้าพนักงานเดินหมายเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล เมื่อส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยไม่ได้โจทก์ก็มิได้แถลงต่อศาลภายในกำหนดจนเจ้าหน้าที่ทำรายงานเสนอศาลเมื่อเวลาล่วงเลยไปถึง 24 วันแล้ว ถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่แถลงให้ดำเนินการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยภายในเวลาที่ศาลกำหนดโดยโจทก์ทราบคำสั่งโดยชอบแล้ว เป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ กำหนดเวลาที่ศาลให้โจทก์แถลงภายใน 7 วันนับแต่วันส่งสำเนาอุทธรณ์ไม่ได้นั้น ให้นับตั้งแต่วันส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้หาใช่วันที่โจทก์ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นไม่ และเมื่อศาลกำหนดให้โจทก์เป็นผู้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องคอยติดตามทราบผลการส่งหมายจากเจ้าหน้าที่ศาลเอง เจ้าหน้าที่ศาลหามีหน้าที่ต้องแจ้งผลการส่งหมายให้โจทก์ทราบก่อนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งนัดสืบพยานที่ไม่เป็นไปตามกำหนดระยะเวลาในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ศาลชั้นต้นแจ้งวัดนัดสืบพยานให้โจทก์ทราบล่วงหน้าเพียง ๒ วันขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา๑๘๔ วรรคแรก ซึ่งบัญญัติให้ศาลต้องออกหมายกำหนดวันสืบพยานให้คู่ความทราบล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า ๓ วัน การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและดำเนินคดีต่อไปในวันดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วันนัดสืบพยานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้การพิจารณาคดีไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดสืบพยานให้โจทก์ทราบล่วงหน้าเพียง 2 วัน ขัดต่อบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 184 วรรคแรกซึ่งบัญญัติให้ศาลต้องออกหมายกำหนดวันสืบพยานให้คู่ความทราบล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 3 วัน การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและดำเนินคดีต่อไปในวันดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งนัดสืบพยานไม่ถูกต้องตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ส่งผลให้การดำเนินคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดสืบพยานให้โจทก์ทราบล่วงหน้าเพียง2 วัน ขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา184 วรรคแรก ซึ่งบัญญัติให้ศาลต้องออกหมายกำหนดวันสืบพยานให้คู่ความทราบล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 3 วัน การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและดำเนินคดีต่อไปในวันดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดวันสืบพยานต้องแจ้งล่วงหน้า 3 วัน การไม่อนุญาตเลื่อนคดีเมื่อแจ้งไม่ทันเป็นการไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นแจ้งวัดนัดสืบพยานให้โจทก์ทราบล่วงหน้าเพียง 2 วันขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา184 วรรคแรก ซึ่งบัญญัติให้ศาลต้องออกหมายกำหนดวันสืบพยานให้คู่ความทราบล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 3 วัน การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและดำเนินคดีต่อไปในวันดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดความรับผิดผู้ขนส่งทางทะเล: การยกเว้นความรับผิดต้องชัดเจนและมีผลผูกพัน
มูลคดีตามฟ้องเกิดขึ้นในประเทศไทย ต้องบังคับกันตามกฎหมายแห่งประเทศไทย ไม่อาจนำพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทางทะเลค.ศ. 1936 ของประเทศสหรัฐอเมริกามาใช้บังคับเพื่อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 วรรคสอง บัญญัติว่ารับขนของทางทะเล ท่านให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการนั้น แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเลใช้บังคับและไม่ปรากฏว่ามีประเพณีการขนส่งทางทะเลที่ถือปฏิบัติอยู่จึงต้องนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะรับขนในหมวดรับขนของ อันเป็นกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งมาปรับแก่คดี การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ขนส่งได้ออกใบตราส่งกำหนดเงื่อนไขไว้ด้านหลังว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดสำหรับความสูญหายหรือเสียหายของสินค้าเกินไปกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4(5) แห่งพระราชบัญญัติรับขนของทางทะเล ค.ศ. 1936 ของประเทศสหรัฐอเมริกา ก็เท่ากับเป็นการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 625 แม้จะมีตราประทับชื่อของบริษัทผู้ส่งและมีการลงลายมือชื่อไว้ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าผู้ลงลายมือชื่อเป็นใคร มีอำนาจกระทำแทนบริษัทผู้ส่งอย่างไรหรือไม่อีกทั้งไม่มีข้อความระบุว่าลงลายมือชื่อเพื่อจุดหมายใด อาจเป็นการลงลายมือชื่อรับคู่ฉบับหรือสำเนาเอกสารก็ได้ เช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าผู้ส่งได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวจึงไม่มีผลใช้ยันผู้ส่ง และบริษัทผู้รับตราส่งซึ่งได้รับสิทธิมาจากผู้ส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 ตลอดจนโจทก์ผู้รับประกันภัยซึ่งรับช่วงสิทธิของผู้รับตราส่งมาอีกทอดหนึ่ง