พบผลลัพธ์ทั้งหมด 440 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3656/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาต่อการทุจริตของลูกน้อง ต้องพิสูจน์ประมาทเลินเล่อ
ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาในทางแพ่ง อันเนื่องมาจากการทุจริตของผู้ใต้บังคับบัญชานั้น หาใช่เพราะเหตุของการเป็นผู้บังคับบัญชาไม่ ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาในทางแพ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเรื่องละเมิดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ซึ่งได้แก่การกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ 5 ดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับการตำรวจภูธรมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับทางด้านการเงินของกองกำกับการตำรวจภูธร เป็นผู้ตรวจสอบแบบรายงานการเดินทางไปราชการของเจ้าพนักงานตำรวจลงนามเป็นผู้เบิกเงินในบัญชีหน้างบใบสำคัญและลงนามเป็นผู้มอบฉันทะตามที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ร่วมกันปลอมเอกสารดังกล่าวขึ้นโดยไม่ปรากฏว่ามีระเบียบให้จำเลยที่ 5ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีหนังสือหรือคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปฏิบัติราชการหรือไม่ ทั้งไม่มีระเบียบว่าก่อนลงนามอนุมัติจะต้องปฏิบัติอย่างไร การเบิกเงินแต่ละครั้งมิได้มีเฉพาะรายที่ถูกปลอมลายมือชื่อเท่านั้น หากแต่มีผู้เบิกคราวละ 20-30 ราย ลายมือชื่อผู้กำกับการตำรวจภูธรที่สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปราชการที่แท้จริงและที่ถูกปลอมก็คล้ายคลึงกัน ก่อนลงนามจำเลยที่ 5 ได้ตรวจว่ามีลายมือชื่อผู้ช่วยสมุห์บัญชี และสมุห์บัญชีลงนามรับรองความถูกต้องแล้ว ทั้งได้ตรวจว่าลายมือชื่อผู้กำกับการตำรวจภูธรผู้มีอำนาจสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปฏิบัติราชการแล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 5 ได้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิได้ประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ 5 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3602/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดความรับผิดฐานครอบครองอาวุธปืน: โจทก์ต้องพิสูจน์อาวุธปืนที่จำเลยครอบครองตรงตามฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ครอบครอง อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 55, 78 เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 คงมีแต่เพียงอาวุธปืนลูกซองยาวเท่านั้น ศาลย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7, 72 ได้ เพราะความผิดดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3602/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องพิจารณาจากอาวุธปืนที่จำเลยครอบครองจริงตามฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 55,78 เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 คงมีแต่เพียงอาวุธปืนลูกซองยาวเท่านั้นศาลย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7,72 ได้เพราะความผิดดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3579/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงเพื่อขู่ มิใช่เจตนาฆ่า ไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
เจ้าพนักงานตำรวจวิ่งไล่ตามจับจำเลยซึ่งวิ่งหนีไปในระยะห่างกันประมาณ 50 เมตร จำเลยหันกลับมาแล้วใช้ปืนยิงมาที่เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งวิ่งนำหน้า 1 นัด เมื่อพฤติการณ์ที่จำเลยยิงดังกล่าวฟังไม่ได้ว่าเป็นการยิงในลักษณะมุ่งเล็งต่อเป้าหมาย ทั้งตามบันทึกการจับกุมก็ระบุแต่เพียงว่าจำเลยยิงสกัดกั้นการติดตามของเจ้าพนักงานตำรวจ แสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะยิงเจ้าพนักงานตำรวจคนหนึ่งคนใด หากเป็นเพียงการยิงขู่เพื่อมิให้เจ้าพนักงานติดตามจับกุมเท่านั้น จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3579/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายิงเพื่อขู่ ไม่ใช่เจตนาฆ่า ไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
เจ้าพนักงานตำรวจวิ่งไล่ตามจับจำเลยซึ่งวิ่งหนีไปในระยะห่างกันประมาณ 50 เมตร จำเลยหันกลับมาแล้วใช้ปืนยิงมาที่เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งวิ่งนำหน้า 1 นัด เมื่อพฤติการณ์ที่จำเลยยิงดังกล่าวฟังไม่ได้ว่าเป็นการยิงในลักษณะมุ่งเล็งต่อเป้าหมาย ทั้งตามบันทึกการจับกุมก็ระบุแต่เพียงว่าจำเลยยิงสกัดกั้นการติดตามของเจ้าพนักงานตำรวจ แสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะยิงเจ้าพนักงานตำรวจคนหนึ่งคนใด หากเป็นเพียงการยิงขู่เพื่อมิให้เจ้าพนักงานติดตามจับกุมเท่านั้น จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3558/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำแนกความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือทารุณโหดร้าย และการกำหนดโทษที่เหมาะสม
การฆ่าโดยทรมานนั้นจะต้องมีการกระทำอื่นนอกจากการกระทำให้ตายในลักษณะที่จะทำให้ผู้ตายได้รับความลำบากจนสาหัสก่อนตายส่วนการที่ผู้ตายทั้งสองถูกทำร้ายมีบาดแผลทั้งถูกยิงถูกฟันตีหลายแห่งเกิดจากการกระทำของจำเลยที่ปราศจากความยับยั้งเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดโดยปัจจุบันทันด่วน และแม้จำเลยที่ 4ใช้ไม้กระดานพาดที่คอ ส. ผู้ตาย แล้วพวกของจำเลยขึ้นไปยืนบนปลายไม้เพื่อกดศีรษะให้จมน้ำ ก็เป็นการกระทำเพื่อจะให้ ส.ถึงแก่ความตายโดยฉับพลันเท่านั้น มิใช่เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3504/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จในคดีขับไล่: ข้อความที่ไม่กระทบผลคดี ไม่เป็นความผิด
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากตึกแถวที่เช่าเนื่องจากครบกำหนดอายุสัญญาเช่าแล้ว เมื่อจำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์จริงแม้จำเลยจะเบิกความว่าลายมือชื่อผู้เช่าในสัญญาเช่าที่โจทก์นำมาฟ้องไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยและสัญญาเช่าปลอม ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใดเพราะสัญญาเช่าจะปลอมหรือไม่จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะอยู่อาศัยในตึกแถวที่เช่าอีกต่อไป ข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลดังกล่าวจึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี แม้จะเป็นความเท็จจำเลยก็ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3349/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางและความรับผิดของผู้ให้ยืมเมื่อรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิด
เมื่ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด และศาลสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ริบของกลางแต่เมื่อคู่ความมิได้อุทธรณ์และคดีถึงที่สุดแล้ว การขอคืนของกลางดังกล่าวย่อมตกอยู่ในบังคับแห่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36และในชั้นขอคืนของกลาง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ผู้ร้องจึงไม่อาจขอคืนของกลางได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3334/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อมูลเท็จเจ้าหน้าที่ที่ดิน: ฟ้องไม่เคลือบคลุมแม้ไม่ระบุสถานะเจ้าพนักงาน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้แจ้งให้ ถ. เจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอผู้ทำหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนต่าง ๆ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารคำขอออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์และเอกสารบันทึกถ้อยคำซึ่งเป็นเอกสารราชการและมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้หายไป แม้มิได้บรรยายว่า ถ.เป็นเจ้าพนักงานที่ดินก็ย่อมเข้าใจได้ว่าถ.เป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 แล้ว ฟ้องโจทก์หาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมหรือขาดองค์ประกอบความผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3334/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของคำฟ้องอาญา: การระบุตำแหน่งเจ้าหน้าที่ที่ดินในการแจ้งความเท็จ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้แจ้งให้ ถ. เจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอผู้ทำหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนต่าง ๆ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารคำขอออกใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์และเอกสารบันทึกถ้อยคำซึ่งเป็นเอกสารราชการและมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้หายไป แม้มิได้บรรยายว่า ถ.เป็นเจ้าพนักงานที่ดิน ก็ย่อมเข้าใจได้ว่า ถ. เป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 แล้ว ฟ้องโจทก์หาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมหรือขาดองค์ประกอบความผิดไม่.