พบผลลัพธ์ทั้งหมด 440 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3022/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือทรัพย์สินและการครอบครองปรปักษ์ กรณีเจ้าของทรัพย์สินฟ้องขับไล่
ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยอ้างแต่เพียงว่า จำเลยได้ครอบครองทรัพย์พิพาทอย่างเป็นเจ้าของมาตั้งแต่วันที่โจทก์ยกทรัพย์พิพาทให้จำเลยไม่ได้อ้างว่าจำเลยเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือ การที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองทรัพย์พิพาททั้งหมด ต่อมาโจทก์จำเลยทะเลาะกันจำเลยไล่โจทก์ออกจากบ้านซึ่งเป็นทรัพย์พิพาทชิ้น หนึ่ง พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือทรัพย์พิพาทจำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทโดยการครอบครองนั้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่ จำเลยไม่มีสิทธินำทรัพย์นั้นไปจำหน่ายจ่ายโอนได้ คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยนำทรัพย์พิพาทไปตีใช้หนี้ให้แก่บิดาจำเลยไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทโจทก์จึงฟ้องให้จำเลยออกไปจากบ้านพิพาทและส่งมอบทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3022/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือและการครอบครองทรัพย์สินหลังหย่าและการแบ่งสินสมรส ศาลฎีกามิรับวินิจฉัยประเด็นใหม่ที่ไม่ได้ยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์
ในชั้น อุทธรณ์ จำเลยอ้างแต่ เพียงว่า จำเลยได้ ครอบครองทรัพย์พิพาทอย่างเป็นเจ้าของมาตั้งแต่ วันที่โจทก์ยกทรัพย์พิพาทให้จำเลยไม่ได้อ้างว่าจำเลยเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือ การที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยเป็นฝ่ายครอบครองทรัพย์พิพาททั้งหมด ต่อมาโจทก์จำเลยทะเลาะกัน จำเลยไล่โจทก์ออกจากบ้านซึ่ง เป็นทรัพย์พิพาทชิ้น หนึ่ง พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ ว่าจำเลยเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือทรัพย์พิพาท จำเลยจึงได้ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทโดย การครอบครองนั้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่ จำเลยไม่มีสิทธินำทรัพย์นั้นไปจำหน่ายจ่ายโอนได้ คำพิพากษาตาม สัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยนำทรัพย์พิพาทไปตีใช้ หนี้ให้แก่บิดาจำเลยไม่ผูกพันโจทก์ซึ่ง เป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาท โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยออกไปจากบ้านพิพาทและส่งมอบทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์ได้ .
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3022/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือทรัพย์สินหลังหย่าและการครอบครองทรัพย์สินโดยมิชอบ
ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยอ้างแต่เพียงว่า จำเลยได้ ครอบครองทรัพย์พิพาทอย่างเป็นเจ้าของมาตั้งแต่วันที่โจทก์ยกทรัพย์พิพาทให้จำเลย ไม่ได้อ้างว่าจำเลยเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือ การที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยเป็นฝ่ายครอบครองทรัพย์พิพาททั้งหมด ต่อมาโจทก์จำเลยทะเลาะกัน จำเลยไล่โจทก์ออกจากบ้านซึ่งเป็นทรัพย์พิพาทชิ้นหนึ่ง พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือทรัพย์พิพาท จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทโดยการครอบครองนั้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่ จำเลยไม่มีสิทธินำทรัพย์นั้นไปจำหน่ายจ่ายโอนได้ คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยนำทรัพย์พิพาทไปตีใช้หนี้ให้แก่บิดาจำเลยไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาท โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยออกไปจากบ้านพิพาทและส่งมอบทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์ได้
เมื่อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่ จำเลยไม่มีสิทธินำทรัพย์นั้นไปจำหน่ายจ่ายโอนได้ คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยนำทรัพย์พิพาทไปตีใช้หนี้ให้แก่บิดาจำเลยไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาท โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยออกไปจากบ้านพิพาทและส่งมอบทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2505/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทำประโยชน์ที่ดิน ส.ค.1 และผลของการสละการครอบครองต่อสิทธิในที่ดิน
จำเลยได้ครอบครองทำกินในที่ดิน ส.ค.1 ของ ล. ผู้เป็นมารดามากว่า 20 ปี แล้วจำเลยได้ขายที่ดินดังกล่าวบางส่วนให้แก่โจทก์และโจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินนั้นต่อมาเป็นเวลา6-7 ปี โดย ล. ซึ่งทราบเรื่องการซื้อขายแล้ว มิได้โต้แย้งคัดค้านแต่ประการใด เท่ากับ ล. สละการครอบครองที่ดินให้แก่จำเลย เมื่อจำเลยนำที่ดินไปขายให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยย่อมไม่มีสิทธิเข้าไปรบกวนการครอบครองของโจทก์ ที่ดินที่ซื้อขายเพียง ส.ค.1 ไม่อาจโอนกันได้โดยการแสดงเจตนาทำนิติกรรมและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศาลจะบังคับให้โอนทางทะเบียนหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2505/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทำประโยชน์ที่ดิน ส.ค.1 การซื้อขายที่ดินมือเปล่า และการสละการครอบครอง
จำเลยครอบครองทำกินในที่ดิน ส.ค.1 ของมารดามากว่า 20 ปีแล้วจำเลยได้ขายที่ดินบางส่วนให้แก่โจทก์ โจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินนั้นต่อมาเป็นเวลา 6-7 ปี โดยมารดาจำเลยทราบเรื่องแล้วมิได้โต้แย้งคัดค้าน เท่ากับสละการครอบครองให้แก่จำเลยเมื่อจำเลยขายที่ดินให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยย่อมไม่มีสิทธิเข้าไปรบกวนการครอบครองของโจทก์ ที่ดินที่ซื้อขายมีเพียง ส.ค.1 ไม่อาจโอนกันได้โดยการแสดงเจตนาทำนิติกรรมและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ศาลจะบังคับให้โอนทางทะเบียนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายไม่มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์หากไม่ได้รับมอบอำนาจ การชำระหนี้จึงไม่ผูกพันโจทก์
ทนายโจทก์ไม่มีอำนาจรับเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยนอกศาลแทนโจทก์โดยไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้รับเงินนั้นแทนการที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าว การชำระหนี้ของจำเลยย่อมไม่ผูกพันโจทก์ โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ให้ทนายโจทก์โดยไม่ได้รับมอบอำนาจ ไม่ถือเป็นการชำระหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ทนายโจทก์ซึ่งไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้รับเงินแทนไม่มีอำนาจรับเงินที่จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษานอกศาลแทนโจทก์การที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าว การชำระหนี้ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 315 ย่อมไม่ผูกพันโจทก์โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยทนายความนอกศาลไม่ผูกพันโจทก์หากไม่ได้รับมอบอำนาจ
ทนายโจทก์ไม่มีอำนาจรับเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยนอกศาลแทนโจทก์โดยไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้รับเงินนั้นแทนการที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าว การชำระหนี้ของจำเลยย่อมไม่ผูกพันโจทก์ โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยทนายความไม่มีอำนาจ การชำระหนี้ไม่ผูกพันโจทก์
การที่ทนายโจทก์ได้ รับ ชำระหนี้จากจำเลยนอกศาลโดย ไม่ปรากฏ หลักฐานว่าโจทก์ได้ มอบอำนาจให้ทนายโจทก์รับเงินนั้นแทน ย่อมไม่ผูกพันโจทก์ เพราะทนายโจทก์ในฐานะ ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินนอกศาลแทนโจทก์ซึ่ง เป็นตัวความ การที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์ เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจระงับหนี้ได้เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าวของทนายโจทก์ การชำระหนี้ของจำเลย จึงไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 315 ดังนี้ ถือ ไม่ ได้ว่าจำเลยได้ ชำระหนี้แก่โจทก์ตาม กฎหมายแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2206/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดชอบของผู้แต่งทนาย ความบกพร่องในการติดตามคดี และเหตุสมควรขอพิจารณาใหม่
การที่จำเลยได้ แต่งตั้ง ทนายความ แต่ ทนายความของจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การและไม่มาศาลในวันสืบพยานโจทก์ เป็นความบกพร่อง ของจำเลยเองที่ไม่หาผู้ที่รับมอบหมายที่เชื่อถือ ได้ และไม่สนใจ ติดตามเรื่องที่ตน ถูก ฟ้อง ดังนี้ ไม่ใช่เหตุสมควรที่จะขอให้ พิจารณาใหม่ ตามป.วิ.พ. มาตรา 209.