คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สัมฤทธิ์ ไชยศิริ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 440 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2834/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: ศาลพิจารณาฝ่ายเดียวได้ตามกฎหมาย เมื่อจำเลยไม่มาศาลและพยานโจทก์ให้การเสร็จสิ้น
เมื่อจำเลยขาดนัดพิจารณา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 202 กำหนดให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว ส่วนความในมาตรา 205 นั้น หมายความเฉพาะกรณีที่จำเลยมาศาลในระหว่างการพิจารณาฝ่ายเดียวอยู่เท่านั้นเมื่อโจทก์นำพยานเข้าสืบเสร็จในวันเดียวกันโดยจำเลยไม่มาศาล ต้องถือว่าเสร็จการพิจารณาแล้ว ไม่มีทางที่จะเลื่อนคดีไปเพื่อให้จำเลยได้มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2750/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพและการรับรองความเสียหายของผู้ต้องหาเป็นหลักฐานสำคัญในการพิสูจน์ความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมชั้นสอบสวนและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพด้วยความสมัครใจ ทั้งยังรับต่อผู้เสียหายว่าได้เอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปจริงซึ่งจำเลยมิได้นำสืบปฏิเสธคำรับในข้อนี้ พยานหลักฐานโจทก์ประกอบกันรับฟังลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2750/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพและพยานหลักฐานประกอบยืนยันความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามคำรับสารภาพ
จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมชั้นสอบสวนและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพด้วยความสมัครใจ ทั้งยังรับต่อผู้เสียหายว่าได้เอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปจริงซึ่งจำเลยมิได้นำสืบปฏิเสธคำรับในข้อนี้ พยานหลักฐานโจทก์ประกอบกันรับฟังลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2750/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพโดยสมัครใจเป็นหลักฐานสำคัญในการพิสูจน์ความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมชั้นสอบสวนและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพด้วยความสมัครใจ ทั้งยังรับต่อผู้เสียหายว่าได้เอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปจริงซึ่งจำเลยมิได้นำสืบปฏิเสธคำรับในข้อนี้ พยานหลักฐานโจทก์ประกอบกันรับฟังลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวมและการครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดิน การแบ่งแยกที่ดินให้เป็นธรรมและคำนึงถึงการอยู่อาศัย
โจทก์ทั้งสามและจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินแปลงพิพาทซึ่งยังไม่ได้ตกลงแบ่งกันเป็นส่วนสัดว่าที่ดินส่วนไหนเป็นของใคร การที่จำเลยเข้าไปปลูกบ้านในที่ดินแปลงพิพาทแต่ผู้เดียวแม้จะได้กั้นรั้วในที่ดินพิพาทแยกครอบครองเป็นส่วนสัด ก็ต้องถือว่าจำเลยครอบครองที่ดินนั้นแทนเจ้าของรวมคนอื่น หาใช่ครอบครองโดยปรปักษ์ไม่ การแบ่งทรัพย์สินกรรมสิทธิ์รวมเป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 จะแบ่งส่วนใดให้เป็นของเจ้าของรวมคนใดโดยไม่ให้ขายทอดตลาดก็ได้ จำเลยปลูกบ้านอยู่อาศัยทางด้านทิศใต้ของที่ดินแปลงพิพาทซึ่งอยู่ติดทางสาธารณประโยชน์มาประมาณ 20 ปีแล้ว หากจะให้เอาที่ดินแปลงพิพาทประมูลหรือขายทอดตลาดแล้วเอาเงินแบ่งโจทก์จำเลยตามส่วนจำเลยก็อาจต้องรื้อบ้านออกไปเป็นการเดือดร้อน ศาลย่อมให้จำเลยได้ส่วนแบ่งในที่ดินพิพาททางด้านทิศใต้โดยให้ที่ดินที่โจทก์ทั้งสามจะได้รับส่วนแบ่งมีทางออกสู่ทางสาธารณประโยชน์ได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2715/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกรับเงินเพื่อช่วยเหลือในการเข้าทำงานราชการ แม้ผู้เสียหายไม่หลงเชื่อและวางแผนจับกุม ก็ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143
การที่จำเลยเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหายโดยอ้างว่าจะนำไปให้เจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือให้ จ. เข้ารับราชการโดยไม่ต้องสอบคัดเลือกนั้นแม้ผู้เสียหายจะไม่หลงเชื่อคำกล่าวอ้างของจำเลย และไม่มีเจตนาจะมอบเงินให้แก่จำเลย โดยได้ไปแจ้งความแล้วนำเงินของเจ้าพนักงานตำรวจมาหลอกให้จำเลยรับไว้เป็นหลักฐานในการจับกุมก็ตาม การกระทำของจำเลยก็ครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2715/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกรับเงินเพื่อช่วยเหลือในการเข้าทำงานราชการ แม้ผู้เสียหายไม่หลงเชื่อ ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143
การที่จำเลยเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหายโดยอ้างว่าจะนำไปให้เจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือให้ จ. เข้ารับราชการโดยไม่ต้องสอบคัดเลือกนั้น แม้ผู้เสียหายจะไม่หลงเชื่อคำกล่าวอ้างของจำเลยและไม่มีเจตนาจะมอบเงินให้แก่จำเลย โดยได้ไปแจ้งความแล้วนำเงินของเจ้าพนักงานตำรวจมาหลอกให้จำเลยรับไว้เป็นหลักฐานในการจับกุมก็ตาม การกระทำของจำเลยก็ครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2715/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกรับเงินเพื่อช่วยเหลือในการเข้าทำงานราชการ แม้ผู้เสียหายไม่หลงเชื่อและวางแผนจับกุม ก็ยังเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143
การที่จำเลยเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหายโดยอ้างว่าจะนำไปให้เจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือให้ จ. เข้ารับราชการโดยไม่ต้องสอบคัดเลือกนั้นแม้ผู้เสียหายจะไม่หลงเชื่อคำกล่าวอ้างของจำเลย และไม่มีเจตนาจะมอบเงินให้แก่จำเลย โดยได้ไปแจ้งความแล้วนำเงินของเจ้าพนักงานตำรวจมาหลอกให้จำเลยรับไว้เป็นหลักฐานในการจับกุมก็ตาม การกระทำของจำเลยก็ครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2704/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนองคงอยู่แม้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ผู้รับจำนองไม่เสียสิทธิบังคับจำนอง
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างรายนี้แก่โจทก์ และได้มีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินนั้นเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา เสร็จแล้วจะส่งคืนให้ผู้ร้องยึดถือไว้ต่อไปเช่นนี้ ผู้ร้องซึ่งได้ยึดถือโฉนดที่ดินไว้ในฐานะผู้รับจำนองจะปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบโดยอ้างสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินนั้นไว้หาได้ไม่ ทั้งนี้เพราะศาลเพียงแต่มีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินเป็นการชั่วคราวเท่านั้น หาใช่จะเอาโฉนดที่ดินนั้นไปจากการยึดถือครอบครองของผู้ร้องเสียเลยทีเดียวไม่
แม้ที่ดินดังกล่าวจะโอนกรรมสิทธิ์ไปยังโจทก์ สิทธิของผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองก็คงยังมีอยู่ตามเดิม ส่วนวิธีการที่จะบังคับจำนองเอากับที่ดินแปลงนี้ย่อมเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่เป็นการเสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้ร้องแต่อย่างใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2704/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้รับจำนองเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยจำนอง สิทธิยังคงมีอยู่ตามกฎหมาย
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1336 เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างรายนี้แก่โจทก์ และได้มีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินนั้นเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา เสร็จแล้วจะส่งคืนให้ผู้ร้องยึดถือไว้ต่อไป เช่นนี้ผู้ร้องซึ่งได้ยึดถือโฉนดที่ดินไว้ในฐานะผู้รับจำนองจะปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบโดยอ้างสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินนั้นไว้หาได้ไม่ทั้งนี้เพราะศาลเพียงแต่มีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินเป็นการชั่วคราวเท่านั้น หาใช่จะเอาโฉนดที่ดินนั้นไปจากการยึดถือครอบครองของผู้ร้องเสียเลยทีเดียวไม่ แม้ที่ดินดังกล่าวจะโอนกรรมสิทธิ์ไปยังโจทก์ สิทธิของผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองก็คงยังมีอยู่ตามเดิม ส่วนวิธีการที่จะบังคับจำนองเอากับที่ดินแปลงนี้ย่อมเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่เป็นการเสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้ร้องแต่อย่างใด
of 44