พบผลลัพธ์ทั้งหมด 440 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3677/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: โจทก์จ้างจำเลยทำกินในที่ดินตนเอง แม้ที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวน โจทก์มีสิทธิเหนือกว่า
โจทก์บุกรุกเข้าครอบครองที่ดินพิพาทในเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้วจ้างจำเลยที่ 1 ปลูกข้าวโพด มีจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นบริวารช่วยเหลือจำเลยที่ 1 การยึดถือที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการยึดถือแทนโจทก์ โจทก์ย่อมเป็นผู้ครอบครองมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ปัญหาอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3677/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดถือแทนและการครอบครองที่ดินพิพาทในเขตป่าสงวน การมีอำนาจฟ้อง
โจทก์บุกรุกเข้าครอบครองที่ดินพิพาทในเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้วจ้าง จำเลยที่ 1 ปลูกข้าวโพด มีจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นบริวารช่วยเหลือจำเลยที่ 1 การยึดถือที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการยึดถือแทนโจทก์ โจทก์ย่อมเป็นผู้ครอบครองมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลย โจทก์มีอำนาจฟ้อง ปัญหาอำนาจฟ้อง เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยได้. (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2532)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3677/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินพิพาท: การยึดถือแทนโจทก์และการมีอำนาจฟ้อง
โจทก์บุกรุกเข้าครอบครองที่ดินพิพาทในเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้วจ้าง จำเลยที่ 1 ปลูกข้าวโพด มีจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นบริวารช่วยเหลือจำเลยที่ 1 การยึดถือที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการยึดถือแทนโจทก์ โจทก์ย่อมเป็นผู้ครอบครองมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลย โจทก์มีอำนาจฟ้อง ปัญหาอำนาจฟ้อง เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยได้.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2532)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2532)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3663/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเนื่องจากป่วย ศาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนสั่งปรับผู้ประกัน
จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยอ้างเหตุว่าป่วย และมีใบรับรองแพทย์มาแสดง หากศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่าจำเลยป่วยจริง ก็ชอบที่จะไต่สวนฟังข้อเท็จจริงเสียก่อน การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยประวิงคดี จงใจไม่มาฟังคำพิพากษาและสั่งว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกันโดยมิได้มีการไต่สวนเสียก่อนจึงเป็นการไม่ชอบแม้ผู้ประกันร่วมจะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็พิพากษาให้มีผลถึงผู้ประกันร่วมได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 247,243(2),245(1) ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3643/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนโดยปริยายประมาทเลินเล่อในการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์ ผู้รับมอบหมายและผู้มอบหมายต่างมีส่วนรับผิด
โจทก์มอบหมายให้จำเลยดำเนินการในเรื่องการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์จากชื่อโจทก์ให้เป็นชื่อของ ส. ผู้รับโอนให้เป็นที่เรียบร้อย จำเลยจึงเป็นตัวแทนโดยปริยายของโจทก์และจำเลยได้จัดการให้มีการย้ายเครื่องโทรศัพท์แล้ว ควรจะจัดการให้มีการโอนไปพร้อมกันแต่จำเลยไม่ได้ดำเนินการในเรื่องการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์จากชื่อโจทก์เป็นชื่อ ส. ให้เป็นที่เรียบร้อยตามที่ได้รับมอบหมายถือได้ว่าจำเลยประมาทเลินเล่อ ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์
หลังจากโจทก์ได้รับเงินค่าโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์จากจำเลยและมอบหมายให้จำเลยดำเนินการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์แล้ว โจทก์ควรติดตามดูเรื่องราวว่าได้มีการโอนสิทธิการเช่าจากชื่อโจทก์เป็นชื่อของ ส. เรียบร้อยแล้วหรือไม่ แต่โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการอย่างไร นับว่าโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นพอ ๆ กับจำเลยศาลให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เพียงกึ่งหนึ่งของค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาได้
หลังจากโจทก์ได้รับเงินค่าโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์จากจำเลยและมอบหมายให้จำเลยดำเนินการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์แล้ว โจทก์ควรติดตามดูเรื่องราวว่าได้มีการโอนสิทธิการเช่าจากชื่อโจทก์เป็นชื่อของ ส. เรียบร้อยแล้วหรือไม่ แต่โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการอย่างไร นับว่าโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นพอ ๆ กับจำเลยศาลให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เพียงกึ่งหนึ่งของค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3643/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนโดยปริยาย, ประมาทเลินเล่อ, ความรับผิดทางละเมิด, ส่วนได้เสีย, ความเสียหาย
โจทก์มอบหมายให้จำเลยดำเนินการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์จากชื่อโจทก์ให้เป็นชื่อของ ส. ผู้รับโอนให้เป็นที่เรียบร้อยจำเลยจึงเป็นตัวแทนโดยปริยายของโจทก์ จำเลยได้จัดการให้มีการย้ายเครื่องโทรศัพท์แล้ว และควรจะจัดการให้มีการโอนไปพร้อมกัน แต่จำเลยไม่ได้ดำเนินการในเรื่องการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์จากชื่อโจทก์เป็นชื่อ ส.ให้เป็นที่เรียบร้อยตามที่ได้รับมอบหมาย ถือได้ว่าจำเลยประมาทเลินเล่อ จำเลยจึงต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ หลังจากโจทก์ได้รับเงินค่าโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์จากจำเลยและมอบหมายให้จำเลยดำเนินการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์แล้วโจทก์ควรติดตามดูเรื่องราวว่าได้มีการโอนสิทธิการเช่าจากชื่อโจทก์เป็นชื่อของ ส. เรียบร้อยแล้วหรือไม่ แต่โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการอย่างไร นับว่าโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นพอ ๆ กับจำเลย ศาลให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เพียงกึ่งหนึ่งของค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3643/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนประมาทเลินเล่อในการโอนสิทธิการเช่า ทำให้เกิดความเสียหาย ผู้รับมอบหมายก็มีส่วนประมาท
โจทก์มอบหมายให้จำเลยดำเนินการในเรื่องการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์จากชื่อโจทก์ให้เป็นชื่อของ ส. ผู้รับโอนให้เป็นที่เรียบร้อย จำเลยจึงเป็นตัวแทนโดยปริยายของโจทก์และจำเลยได้จัดการให้มีการย้ายเครื่องโทรศัพท์แล้ว ควรจะจัดการให้มีการโอนไปพร้อมกันแต่จำเลยไม่ได้ดำเนินการในเรื่องการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์จากชื่อโจทก์เป็นชื่อ ส. ให้เป็นที่เรียบร้อยตามที่ได้รับมอบหมายถือได้ว่าจำเลยประมาทเลินเล่อ ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ หลังจากโจทก์ได้รับเงินค่าโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์จากจำเลยและมอบหมายให้จำเลยดำเนินการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์แล้ว โจทก์ควรติดตามดูเรื่องราวว่าได้มีการโอนสิทธิการเช่าจากชื่อโจทก์เป็นชื่อของ ส. เรียบร้อยแล้วหรือไม่ แต่โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการอย่างไร นับว่าโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นพอ ๆ กับจำเลยศาลให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เพียงกึ่งหนึ่งของค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3529/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้เช่าโทรศัพท์ต่อค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ แม้มีการโอนสิทธิการเช่า
แบบคำขอบริการโทรศัพท์ที่จำเลยยื่นต่อ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เพื่อขอติดตั้งเครื่องโทรศัพท์ที่บ้านของจำเลยในนามจำเลย ได้ระบุเงื่อนไขที่ผู้เช่าโทรศัพท์จะพึงปฏิบัติไว้ในข้อ 1 ว่า ผู้เช่าโทรศัพท์จะรับผิดชอบในการที่จะชำระค่าเช่าและค่าใช้บริการโทรศัพท์ทุกประเภทต่อ องค์การโทรศัพท์ฯตามระเบียบและข้อบังคับของ องค์การโทรศัพท์ฯ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันและที่จะประกาศใช้ต่อไปในอนาคต ข้อ 11 ว่า ค่าเช่าและค่าใช้บริการโทรศัพท์ที่ผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบนั้น ให้รวมถึงค่าใช้บริการในการพูดโทรศัพท์ทางไกลนอกเขตโทรศัพท์นครหลวง และค่าบริการในการพูดโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศซึ่ง องค์การโทรศัพท์ฯ จะได้เรียกเก็บตามอัตราการใช้โทรศัพท์ทางไกลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และจะได้ออกบิลเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการโทรศัพท์ดังกล่าวพร้อมกับค่าเช่าโทรศัพท์ประจำเดือน จำเลยผู้เช่าโทรศัพท์จึงต้องรับผิดชำระค่าบริการในการพูดโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศที่มีผู้พูด จาก เครื่องโทรศัพท์ที่จำเลยเป็นผู้เช่าตามเงื่อนไขดังกล่าว ทั้งนี้ ไม่ว่าจำเลยจะเป็นผู้พูดเองหรือไม่ก็ตาม แม้ระเบียบปฏิบัติงานของ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย จะได้กำหนดในเรื่องการโอนโทรศัพท์ว่า ผู้ขอรับโอนต้องชำระหนี้สินให้เสร็จสิ้นก่อนการโอน หากมีหนี้สินผูกพัน ผู้ขอรับโอนจะต้องรับผิดในหนี้สินนั้นด้วยก็ตาม เมื่อจำเลยได้โอนขายโทรศัพท์ที่ขอติดตั้งในนามจำเลยให้แก่ ท. ผู้ขอรับโอนเป็นการภายในโดยโจทก์หรือ องค์การโทรศัพท์ฯ ไม่ทราบหรือได้รู้เห็นยินยอมในการโอนและไม่ได้ความว่าขณะโอน ท. ได้ยอมรับผิดในหนี้สินที่ผูกพันโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวด้วย จำเลยจึงยังต้องรับผิดในหนี้สินที่ผูกพันกับโทรศัพท์หมายเลขนั้นที่เกิดขึ้นก่อนมีการโอนอยู่หนี้สินนั้นหาได้โอนไปยัง ท. ด้วยไม่ ข้อบังคับเกี่ยวกับการเก็บเงินค่าใช้บริการของโจทก์ที่กำหนดว่าโจทก์จะส่งใบแจ้งหนี้การใช้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศให้ผู้ใช้บริการทราบเดือนละ 1 ครั้ง โดยทางไปรษณีย์ซึ่งผู้ใช้บริการจะต้องนำใบแจ้งหนี้ไปชำระค่าบริการให้แก่โจทก์ภายในเวลาที่ระบุในใบแจ้งหนี้ ไม่ใช่หมายความว่า โจทก์ส่งใบแจ้งหนี้ไปให้ องค์การโทรศัพท์ฯ ช่วยเรียกเก็บเงินค่าพูดโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากผู้ใช้บริการ โจทก์ส่งใบแจ้งหนี้และหนังสือเตือนไปยังจำเลยที่บ้านตั้งแต่เดือนมกราคม 2526 โดยกำหนดให้ชำระค่าบริการภายในวันที่ 18 มีนาคม 2526 หากไม่ชำระภายในกำหนดจะระงับการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศไว้จนกว่าจะได้นำเงินมาชำระให้ครบถ้วน เมื่อปรากฏว่าโจทก์สามารถตรวจสอบทราบตั้งแต่เดือนเมษายน2526 แล้วว่า ผู้ใช้บริการไม่ชำระหนี้ การที่โจทก์ได้ปล่อยให้มีการใช้บริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศจนถึงเดือนกรกฎาคม 2526ถือว่าโจทก์เป็นผู้ผิดในความเสียหายอันเกิดขึ้นแก่ตน จำเลยจึงควรต้องรับผิดชำระหนี้ค่าใช้บริการดังกล่าวแก่โจทก์เฉพาะในเดือนมกราคม ถึงเมษายน 2526 เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3529/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้เช่าโทรศัพท์ต่อค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ แม้จะโอนสิทธิการเช่าไปแล้ว และความประมาทเลินเล่อของโจทก์
แบบคำขอบริการโทรศัพท์ที่จำเลยยื่นต่อ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เพื่อขอติดตั้งเครื่องโทรศัพท์ที่บ้านของจำเลยในนามจำเลย ได้ระบุเงื่อนไขที่ผู้เช่าโทรศัพท์จะพึงปฏิบัติไว้ในข้อ 1 ว่า ผู้เช่าโทรศัพท์จะรับผิดชอบในการที่จะชำระค่าเช่าและค่าใช้บริการโทรศัพท์ทุกประเภทต่อ องค์การโทรศัพท์ฯตามระเบียบและข้อบังคับของ องค์การโทรศัพท์ฯ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันและที่จะประกาศใช้ต่อไปในอนาคต ข้อ 11 ว่า ค่าเช่าและค่าใช้บริการโทรศัพท์ที่ผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบนั้น ให้รวมถึงค่าใช้บริการในการพูดโทรศัพท์ทางไกลนอกเขตโทรศัพท์นครหลวง และค่าบริการในการพูดโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศซึ่ง องค์การโทรศัพท์ฯ จะได้เรียกเก็บตามอัตราการใช้โทรศัพท์ทางไกลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และจะได้ออกบิลเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการโทรศัพท์ดังกล่าวพร้อมกับค่าเช่าโทรศัพท์ประจำเดือน จำเลยผู้เช่าโทรศัพท์จึงต้องรับผิดชำระค่าบริการในการพูดโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศที่มีผู้พูด จาก เครื่องโทรศัพท์ที่จำเลยเป็นผู้เช่าตามเงื่อนไขดังกล่าว ทั้งนี้ ไม่ว่าจำเลยจะเป็นผู้พูดเองหรือไม่ก็ตาม
แม้ระเบียบปฏิบัติงานของ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย จะได้กำหนดในเรื่องการโอนโทรศัพท์ว่า ผู้ขอรับโอนต้องชำระหนี้สินให้เสร็จสิ้นก่อนการโอน หากมีหนี้สินผูกพัน ผู้ขอรับโอนจะต้องรับผิดในหนี้สินนั้นด้วยก็ตาม เมื่อจำเลยได้โอนขายโทรศัพท์ที่ขอติดตั้งในนามจำเลยให้แก่ ท. ผู้ขอรับโอนเป็นการภายในโดยโจทก์หรือ องค์การโทรศัพท์ฯ ไม่ทราบหรือได้รู้เห็นยินยอมในการโอนและไม่ได้ความว่าขณะโอน ท. ได้ยอมรับผิดในหนี้สินที่ผูกพันโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวด้วย จำเลยจึงยังต้องรับผิดในหนี้สินที่ผูกพันกับโทรศัพท์หมายเลขนั้นที่เกิดขึ้นก่อนมีการโอนอยู่หนี้สินนั้นหาได้โอนไปยัง ท. ด้วยไม่
ข้อบังคับเกี่ยวกับการเก็บเงินค่าใช้บริการของโจทก์ที่กำหนดว่าโจทก์จะส่งใบแจ้งหนี้การใช้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศให้ผู้ใช้บริการทราบเดือนละ 1 ครั้ง โดยทางไปรษณีย์ซึ่งผู้ใช้บริการจะต้องนำใบแจ้งหนี้ไปชำระค่าบริการให้แก่โจทก์ภายในเวลาที่ระบุในใบแจ้งหนี้ ไม่ใช่หมายความว่า โจทก์ส่งใบแจ้งหนี้ไปให้ องค์การโทรศัพท์ฯ ช่วยเรียกเก็บเงินค่าพูดโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากผู้ใช้บริการ โจทก์ส่งใบแจ้งหนี้และหนังสือเตือนไปยังจำเลยที่บ้านตั้งแต่เดือนมกราคม 2526 โดยกำหนดให้ชำระค่าบริการภายในวันที่ 18 มีนาคม 2526 หากไม่ชำระภายในกำหนดจะระงับการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศไว้จนกว่าจะได้นำเงินมาชำระให้ครบถ้วน เมื่อปรากฏว่าโจทก์สามารถตรวจสอบทราบตั้งแต่เดือนเมษายน2526 แล้วว่า ผู้ใช้บริการไม่ชำระหนี้ การที่โจทก์ได้ปล่อยให้มีการใช้บริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศจนถึงเดือนกรกฎาคม 2526ถือว่าโจทก์เป็นผู้ผิดในความเสียหายอันเกิดขึ้นแก่ตน จำเลยจึงควรต้องรับผิดชำระหนี้ค่าใช้บริการดังกล่าวแก่โจทก์เฉพาะในเดือนมกราคม ถึงเมษายน 2526 เท่านั้น
แม้ระเบียบปฏิบัติงานของ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย จะได้กำหนดในเรื่องการโอนโทรศัพท์ว่า ผู้ขอรับโอนต้องชำระหนี้สินให้เสร็จสิ้นก่อนการโอน หากมีหนี้สินผูกพัน ผู้ขอรับโอนจะต้องรับผิดในหนี้สินนั้นด้วยก็ตาม เมื่อจำเลยได้โอนขายโทรศัพท์ที่ขอติดตั้งในนามจำเลยให้แก่ ท. ผู้ขอรับโอนเป็นการภายในโดยโจทก์หรือ องค์การโทรศัพท์ฯ ไม่ทราบหรือได้รู้เห็นยินยอมในการโอนและไม่ได้ความว่าขณะโอน ท. ได้ยอมรับผิดในหนี้สินที่ผูกพันโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวด้วย จำเลยจึงยังต้องรับผิดในหนี้สินที่ผูกพันกับโทรศัพท์หมายเลขนั้นที่เกิดขึ้นก่อนมีการโอนอยู่หนี้สินนั้นหาได้โอนไปยัง ท. ด้วยไม่
ข้อบังคับเกี่ยวกับการเก็บเงินค่าใช้บริการของโจทก์ที่กำหนดว่าโจทก์จะส่งใบแจ้งหนี้การใช้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศให้ผู้ใช้บริการทราบเดือนละ 1 ครั้ง โดยทางไปรษณีย์ซึ่งผู้ใช้บริการจะต้องนำใบแจ้งหนี้ไปชำระค่าบริการให้แก่โจทก์ภายในเวลาที่ระบุในใบแจ้งหนี้ ไม่ใช่หมายความว่า โจทก์ส่งใบแจ้งหนี้ไปให้ องค์การโทรศัพท์ฯ ช่วยเรียกเก็บเงินค่าพูดโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากผู้ใช้บริการ โจทก์ส่งใบแจ้งหนี้และหนังสือเตือนไปยังจำเลยที่บ้านตั้งแต่เดือนมกราคม 2526 โดยกำหนดให้ชำระค่าบริการภายในวันที่ 18 มีนาคม 2526 หากไม่ชำระภายในกำหนดจะระงับการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศไว้จนกว่าจะได้นำเงินมาชำระให้ครบถ้วน เมื่อปรากฏว่าโจทก์สามารถตรวจสอบทราบตั้งแต่เดือนเมษายน2526 แล้วว่า ผู้ใช้บริการไม่ชำระหนี้ การที่โจทก์ได้ปล่อยให้มีการใช้บริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศจนถึงเดือนกรกฎาคม 2526ถือว่าโจทก์เป็นผู้ผิดในความเสียหายอันเกิดขึ้นแก่ตน จำเลยจึงควรต้องรับผิดชำระหนี้ค่าใช้บริการดังกล่าวแก่โจทก์เฉพาะในเดือนมกราคม ถึงเมษายน 2526 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3521/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างก่อสร้าง: การคิดค่าจ้างงานที่ทำเสร็จแล้วเมื่อสัญญาไม่สมบูรณ์
จำเลยจ้างโจทก์ก่อสร้างตึกแถว 2 ชั้น จำนวน 4 คูหา โดยโจทก์จำเลยตกลงกันให้ชั้นลอยมีความยาวห้องละ 8 เมตรกำหนดค่าจ้างงานงวดที่ 2 คือหล่อเสาและเทพื้นชั้นลอยเป็นเงิน120,000 บาท เมื่อได้เลิกสัญญากัน เพราะโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาส่วนการงานอันโจทก์ได้กระทำให้โจทก์มีสิทธิได้รับชดใช้คืนแต่งานงวดที่ 2 ดังกล่าวโจทก์จำเลยมีหลักการคิดค่าจ้างแตกต่างกันคือ โจทก์คิดค่าจ้างหล่อเสาและเทพื้นชั้นลอยมีความยาวเพียงห้องละ 5 เมตร แต่จำเลยคิดค่าจ้างหล่อเสาและเทพื้นชั้นลอยมีความยาวห้องละ 8 เมตร ดังนั้นการคิดราคาชั้นลอยที่โจทก์ได้กระทำไปจึงไม่อาจกระทำได้ ต้องคิดค่าชั้นลอยที่โจทก์ก่อสร้างขาดไปนั้นเป็นเงินเท่าใดแล้วนำไปหักออกจากเงินค่าจ้างงานงวดที่ 2 จำนวน 120,000 บาทเหลือเท่าใดจึงจะเป็นค่าจ้างสำหรับงานที่ได้กระทำไปแล้วในงวดนั้น