พบผลลัพธ์ทั้งหมด 599 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีอาญาตาม พ.ร.บ.จัดหางานฯ ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยแม้ไม่ได้ยกขึ้นในศาลล่าง
ปัญหาว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วย ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้มิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลล่าง ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ ดังนี้ เมื่อเป็นคดีความผิดตาม มาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.จัดหางานฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน จึงมีกำหนดอายุความฟ้องคดี1 ปี โจทก์ฟ้องจำเลยหลังเกิดเหตุเกิน 1 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการสอบสวนของกองปราบปรามในคดีอาญาที่เกิดขึ้นทั่วราชอาณาจักรชอบด้วยกฎหมาย
ตาม ประกาศกระทรวงมหาดไทยออกโดย อาศัยอำนาจตาม ความในมาตรา 6แห่ง พ.ร.ฎ. แบ่งส่วนราชการกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2508ข้อ 8 กำหนดให้กองปราบปรามมีเขตอำนาจรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ตาม ป.วิ.อ. และตาม บทกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับความผิดอาญาทั้งหลายทั่วราชอาณาจักร และตาม ระเบียบกรมตำรวจว่าด้วยกำหนดหน้าที่การงานในราชการกรมตำรวจ (ฉบับที่ 24) ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2519ข้อ 15(ก)7 กำหนดให้กองกำกับการ 7 ซึ่ง เป็นหน่วยงานสังกัดกองปราบปรามมีอำนาจหน้าที่สืบสวนคดีอาญาต่าง ๆ ตาม กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ฯลฯ ทั่วราชอาณาจักร ดังนั้น การสอบสวนคดีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ ซึ่ง มิได้ทำการสอบสวนโดย พนักงานสอบสวนท้องที่ที่ความผิดได้ เกิดขึ้น แต่ เป็นการสอบสวนโดย เจ้าพนักงานตำรวจแผนก 3 กองกำกับการ 7 กองปราบปราม จึงถือ ว่าเป็นการสอบสวนโดยเจ้าพนักงานซึ่ง กฎหมายให้มีอำนาจและหน้าที่ทำการสอบสวน และเป็นการสอบสวนที่ ชอบด้วย กฎหมายตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2(6)120พนักงานอัยการจึงยื่นฟ้องคดีต่อ ศาลอาญา ซึ่ง มี อำนาจรับพิจารณาพิพากษาคดีที่เกิดขึ้นนอกเขตอำนาจได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเครื่องหมายการค้าและการตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาพิจารณาความร้ายแรงและเหตุผลในการรอการลงโทษ
จำเลยตั้ง โรงงานใช้ เครื่องจักรมีกำลังรวมทั้งหมดเป็นจำนวนถึง 52.2 แรงม้า ใช้ คนงานถึง 50 คน ทำการปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นรวม 3 ราย ทำการผลิตเสื้อผ้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ถือ ได้ ว่าเป็นความผิดร้ายแรง ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยว่ากระทำการปลอมเครื่องหมายการค้ามีชื่อ สำหรับกระดุม และพลาสติกสำหรับใช้แขวน ไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ จึงริบกระดุมและพลาสติกสำหรับใช้ แขวนของกลางที่มีเครื่องหมายการค้าดังกล่าวไม่ได้ ส่วนผ้าที่ตัด เป็นตัว เสื้อแล้ว แต่ยังไม่ได้เย็บ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐาน ปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น ผ้าดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการปลอมเครื่องหมายการค้า จึงไม่อาจริบได้ และการที่โจทก์ขอให้ริบสิ่งของอื่นอีกหลายรายการของกลางนั้น เพียงเท่านี้ไม่อาจทราบว่าของกลางคืออะไรบ้างและเกี่ยวกับการกระทำความผิดอย่างไร จึงไม่อาจริบได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษคดีข่มขืนกระทำชำเราจากคำรับสารภาพที่ไม่ถือเป็นการจำนนต่อหลักฐาน
จำเลยกระทำความผิดข่มขืนกระทำชำเรา สำเร็จและหลบหนีไปแล้วเจ้าพนักงานจึงมาที่เกิดเหตุ ต่อมาจับจำเลยได้ ดังนี้ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยจำนนต่อ พยานหลักฐาน คำรับ สารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน จึงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1300/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของหุ้นส่วนในหนี้ของห้างหุ้นส่วนหลังออกจากหุ้นส่วนภายในสองปี
จำเลยที่ 5 เป็นหุ้นส่วนในห้างฯ จำเลยที่ 1 ในขณะที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ค่าซื้อตั๋วโดยสารเครื่องบินโจทก์ แม้ภายหลังจำเลยที่ 5 ได้ออกจากหุ้นส่วนไปแล้วก็ยังคงต้องรับผิดในหนี้ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนได้ออกจากหุ้นส่วนไปภายในกำหนดสองปีนับแต่เมื่อออกจากหุ้นส่วน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1051,1068
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1300/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของหุ้นส่วนจำกัดในหนี้ของห้างหุ้นส่วนหลังพ้นสภาพความเป็นหุ้นส่วน
จำเลยที่ 5 เป็นหุ้นส่วนในห้างฯ จำเลยที่ 1 ในขณะที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ค่าซื้อตั๋วโดยสารเครื่องบินโจทก์ แม้ภายหลังจำเลยที่ 5 ได้ออกจากหุ้นส่วนไปแล้วก็ยังคงต้องรับผิดในหนี้ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนได้ออกจากหุ้นส่วนไปภายในกำหนดสองปีนับแต่เมื่อออกจากหุ้นส่วน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1051, 1068
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งเรื่องเงินและคำดูถูก ศาลฎีกายืนโทษ
ผู้ตายกับจำเลยเคยมีสาเหตุกันเนื่องจากผู้ตายแบ่งเงินจากการขายรถจักรยานยนต์ที่ลักมาให้จำเลยน้อยและพูดจาดูถูกจำเลยเสมอ วันเกิดเหตุผู้ตายกับจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ไปด้วยกันเนื่องจากจำเลยลวงผู้ตายว่ามีผู้สนใจจะซื้อรถจักรยานยนต์ เมื่อถึงที่เกิดเหตุจำเลยใช้อาวุธปืนที่พาติดตัวไปยิงผู้ตายในลักษณะจ่อยิงด้านหลัง แล้วลากศพไปทิ้งไว้ในป่า และนำรถจักรยานยนต์ไปซ่อนไว้ ก่อนเกิดเหตุไม่ปรากฏว่าจำเลยทะเลาะกับผู้ตาย เช่นนี้แสดงว่าจำเลยได้วางแผนตระเตรียมการที่จะฆ่าผู้ตายไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงฟังได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งเรื่องทรัพย์สินและการดูถูก
ผู้ตายกับจำเลยเคยมีสาเหตุกันเนื่องจากผู้ตายแบ่งเงินจากการขายรถจักรยานยนต์ที่ลักมาให้จำเลยน้อยและพูดจาดูถูกจำเลยเสมอ วันเกิดเหตุผู้ตายกับจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ไปด้วยกันเนื่องจากจำเลยลวงผู้ตายว่ามีผู้สนใจจะซื้อรถจักรยานยนต์เมื่อถึงที่เกิดเหตุจำเลยใช้อาวุธปืนที่พาติดตัวไปยิงผู้ตายในลักษณะจ่อยิงด้านหลัง แล้วลากศพไปทิ้งไว้ในป่า และนำรถจักรยานยนต์ไปซ่อนไว้ ก่อนเกิดเหตุไม่ปรากฏว่าจำเลยทะเลาะกับผู้ตาย เช่นนี้แสดงว่าจำเลยได้วางแผนตระเตรียมการที่จะฆ่าผู้ตายไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงฟังได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งส่วนตัว มีแผนการล่วงหน้าและรับสารภาพ
ผู้ตายกับจำเลยเคยมีสาเหตุกันเนื่องจากผู้ตายแบ่งเงินจากการขายรถจักรยานยนต์ที่ลักมาให้จำเลยน้อยและพูดจาดูถูกจำเลยเสมอวันเกิดเหตุผู้ตายกับจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ไปด้วยกันเนื่องจากจำเลยลวงผู้ตายว่ามีผู้สนใจจะซื้อรถจักรยานยนต์ เมื่อถึงที่เกิดเหตุจำเลยใช้อาวุธปืนที่พาติดตัวไปยิงผู้ตายในลักษณะจ่อยิงด้านหลัง แล้วลากศพไปทิ้งไว้ในป่า และนำรถจักรยานยนต์ไปซ่อนไว้ก่อนเกิดเหตุไม่ปรากฏว่าจำเลยทะเลาะกับผู้ตาย เช่นนี้แสดงว่าจำเลยได้วางแผนตระเตรียมการที่จะฆ่าผู้ตายไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงฟังได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งเรื่องทรัพย์สินและคำพูดดูถูก มีพยานหลักฐานยืนยัน
ขณะเกิดเหตุ จำเลยกับผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางคนละคันมุ่งหน้าจะไปทางจังหวัด กำแพงเพชร โดย จำเลยลวงผู้ตายว่า มีผู้สนใจจะซื้อรถจักรยานยนต์ของกลาง เมื่อถึง บริเวณสถานที่ เกิด เหตุ จำเลยได้ ใช้ อาวุธปืนที่มีและพกพาติด ตัว ไปยิงผู้ตายในลักษณะจ่อยิงด้านหลังประชิดตัว ผู้ตาย แล้วลากศพผู้ตายไปทิ้งในป่า นำรถจักรยานยนต์ไปซ่อน ไว้ ปรากฏจากภาพถ่ายสภาพศพประกอบรายงานการชันสูตร พลิก ศพว่า มีรอยกระสุนปืนลูกซอง 1 นัดเข้าเป็นกลุ่มตรง บริเวณกลางหลังด้านขวาของผู้ตาย เป็นร่องรอยของการใช้ อาวุธปืนลูกซองยิงในระยะประชิดตัว ซึ่ง การยิงในลักษณะเช่นนี้ จำเลยจะต้อง มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับผู้ตาย ทั้งก่อนเกิดเหตุขณะที่อยู่บ้าน นาย ฉ. ก็ไม่ปรากฏว่า จำเลยมีปากเสียงทะเลาะเบาะแว้ง กับผู้ตายแต่ อย่างใดเลย เช่นนี้ จึงเชื่อ ได้ ว่าก่อนเกิดเหตุคดีนี้จำเลยได้ วางแผนตระเตรียมการที่จะฆ่าผู้ตายไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว สาเหตุเพราะผู้ตายแบ่งเงินจากการขายรถจักรยานยนต์ที่ลักมาให้จำเลยน้อยและพูดจาดูถูก จำเลยเสมอดัง ที่จำเลยให้การรับสารภาพไว้ต่อ ร้อยตำรวจโท ส. ตามบันทึกคำให้การของจำเลย คดีจึงรับฟังได้ ว่าจำเลยได้ ฆ่าผู้ตายโดย ไตร่ตรอง ไว้ก่อน.