คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ถาวร ตันตราภรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 599 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับเขตที่ดิน: ผลผูกพันตามข้อตกลงและการรังวัดตามที่ตกลง
โจทก์กับจำเลยแถลงร่วมกันต่อศาลชั้นต้น โดยตกลงให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินไปดำเนินการรังวัดปักหลักเขตตามข้อตกลงอีกครั้งหนึ่ง และโจทก์จำเลยยินยอมให้ถือเอาผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินในครั้งหลังเป็นยุติดังนี้ เป็นการแสดงเจตนาให้ระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับผลการรังวัดปักหลักเขตครั้งที่แล้ว เมื่อการรังวัดปักหลักเขตของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินมีผลเป็นประการใด คู่ความทั้งสองฝ่ายย่อมต้องผูกพันตามข้อตกลงที่ได้แถลงต่อศาล.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2008/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิครอบครองที่ดินเพื่อชำระหนี้: สิทธิของเจ้าหนี้เมื่อลูกหนี้เสียชีวิต
การที่ อ. ได้ทำหนังสือเจตนาสละสิทธิครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินไว้ล่วงหน้าว่า เมื่ออ. ตายแล้ว ให้ที่พิพาทเป็นสิทธิแก่จำเลยเจ้าหนี้แทนการชำระหนี้เมื่อจำเลยยินยอมตามนี้โดยได้ครอบครองเพื่อตนตั้งแต่ อ. ตายก็เป็นสิทธิที่คู่กรณีกระทำได้โดยชอบ ไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรคสองและวรรคสุดท้ายการครอบครองที่ดินของ อ.จึงเป็นอันสิ้นสุดลงเมื่ออ. ตายนับแต่นั้นมาจำเลยหาได้ครอบครองที่พิพาทแทน อ. หรือโจทก์ผู้เป็นทายาท อ. ไม่ จำเลยจึงไม่ตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ยึดถือแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 ไม่จำต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการครอบครองไปยังโจทก์ จำเลยย่อมได้สิทธิครอบครองที่พิพาทโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเอาที่พิพาทคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2008/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิครอบครองที่ดินหลังตายเพื่อชำระหนี้: สิทธิจำเลยชอบด้วยกฎหมาย
การที่ อ. ได้ทำหนังสือเจตนาสละสิทธิครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินไว้ล่วงหน้าว่า เมื่อ อ. ตายแล้ว ให้ที่พิพาทเป็นสิทธิแก่จำเลยเจ้าหนี้แทนการชำระหนี้ เมื่อจำเลยยินยอมตามนี้โดยได้ครอบครองเพื่อตนตั้งแต่ อ. ตาย ก็เป็นสิทธิที่คู่กรณีกระทำได้โดยชอบ ไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรคสองและวรรคสุดท้ายการครอบครองที่ดินของ อ. จึงเป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อ อ. ตาย นับแต่นั้นมาจำเลยหาได้ครอบครองที่พิพาทแทน อ. หรือโจทก์ผู้เป็นทายาท อ. ไม่ จำเลยจึงไม่ตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ยึดถือแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 ไม่จำต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการครอบครองไปยังโจทก์ จำเลยย่อมได้สิทธิครอบครองที่พิพาท โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเอาที่พิพาทคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องจำเลยห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเป็นบุคคลอื่น
การที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่ง เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดออกเช็ค โดย มีจำเลยที่ 2 ซึ่ง เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและประทับตราของจำเลยที่ 1แม้ข้อเท็จจริงตาม ทางพิจารณาจะได้ความว่า ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย มิใช่จำเลยที่ 2 ก็เป็นเพียงข้อแตกต่างในรายละเอียดของการบรรยายฟ้องอันเกี่ยวกับตัว ผู้ทำการแทนนิติบุคคลเท่านั้น มิใช่ข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของรายละเอียดผู้ลงนามในเช็ค – ไม่กระทบความผิดฐานออกเช็ค
การที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่ง เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดออกเช็ค โดย มีจำเลยที่ 2 ซึ่ง เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและประทับตราของจำเลยที่ 1แม้ข้อเท็จจริงตาม ทางพิจารณาจะได้ความว่า ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย มิใช่จำเลยที่ 2 ก็เป็นเพียงข้อแตกต่างในรายละเอียดของการบรรยายฟ้องอันเกี่ยวกับตัว ผู้ทำการแทนนิติบุคคลเท่านั้น มิใช่ข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความแตกต่างระหว่างผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คกับผู้ทำการแทนทางกฎหมาย ไม่กระทบความผิดฐานออกเช็ค
การที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลออกเช็คโดยมีจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและประทับตราของจำเลยที่ 1 แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะได้ความว่าผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายมิใช่จำเลยที่ 2 ก็เป็นเพียงข้อแตกต่างในรายละเอียดของการบรรยายฟ้องอันเกี่ยวกับตัวผู้ทำการแทนนิติบุคคลเท่านั้น มิใช่ข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1677/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงคำฟ้องหลังวันชี้สองสถาน: พินัยกรรมปลอม vs. ความไม่เป็นไปตามรูปแบบ
ตาม ฟ้องโจทก์อ้างว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นโมฆะ เพราะผู้ทำพินัยกรรมมิได้ลงชื่อต่อหน้าพยาน และพยานมิได้ลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น ทั้งในวันชี้สองสถาน โจทก์ก็ได้ แถลงรับว่าเจ้ามรดกได้ ทำพินัยกรรมฉบับพิพาทไว้จริง แต่ ตกเป็นโมฆะเพราะทำขึ้นโดย ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การที่โจทก์ยกขึ้นอ้างใหม่ในคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องภายหลังวันชี้สองสถานว่า พินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นพินัยกรรมปลอม จึงมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยชอบที่ศาลจะยกคำร้องของโจทก์เสีย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1677/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องเปลี่ยนแปลงเหตุโมฆะพินัยกรรมหลังชี้สองสถาน ศาลไม่รับ เพราะไม่ใช่ปัญหาความสงบเรียบร้อย
ตาม ฟ้องโจทก์อ้างว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นโมฆะ เพราะผู้ทำพินัยกรรมมิได้ลงชื่อต่อหน้าพยาน และพยานมิได้ลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น ทั้งในวันชี้สองสถาน โจทก์ก็ได้ แถลงรับว่าเจ้ามรดกได้ ทำพินัยกรรมฉบับพิพาทไว้จริง แต่ ตกเป็นโมฆะเพราะทำขึ้นโดย ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การที่โจทก์ยกขึ้นอ้างใหม่ในคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องภายหลังวันชี้สองสถานว่า พินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นพินัยกรรมปลอม จึงมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยชอบที่ศาลจะยกคำร้องของโจทก์เสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1677/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงคำฟ้องหลังชี้สองสถาน และการอ้างเหตุโมฆะ/ปลอมแปลงพินัยกรรมที่ไม่ใช่ปัญหาความสงบเรียบร้อย
ตามฟ้องโจทก์อ้างว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นโมฆะ เพราะผู้ทำพินัยกรรมมิได้ลงชื่อต่อหน้าพยาน และพยานมิได้ลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น ทั้งในวันชี้สองสถานโจทก์ก็ได้แถลงรับว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมฉบับพิพาทไว้จริงแต่ตกเป็นโมฆะเพราะทำขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การที่โจทก์ยกขึ้นอ้างใหม่ในคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องภายหลังวันชี้สองสถานว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นพินัยกรรมปลอม จึงมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ชอบที่ศาลจะยกคำร้องของโจทก์เสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1597/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ ฆ่าผู้อื่น และทำร้ายร่างกายเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิด
จำเลยทั้งสามร่วมกันไปกระทำผิดโดยจำเลยที่ 2 เข้าทำร้าย บ.ซึ่งอยู่ที่บริเวณหลังบ้านที่เกิดเหตุได้รับอันตรายสาหัส และจำเลยที่ 1 ที่ 3 ร่วมเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย แล้วร่วมกันฆ่า ส.กับ ธ. และทำร้าย ป. ได้รับอันตรายแก่กาย แล้วได้รื้อค้นหาทรัพย์ที่โต๊ะของผู้เสียหาย ทั้งนี้เนื่องจากจำเลยทั้งสามประสงค์ต่อทรัพย์ แต่จำเลยทั้งสามไม่สามารถเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปได้เนื่องจาก ป. ได้หลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุและร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านทันท่วงที ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันพยายามกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยแบ่งหน้าที่กันทำ เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ที่ 3 ได้ร่วมกันฆ่าผู้อื่นและทำร้ายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้จำเลยที่ 2 จะไม่ได้เข้าไปในบ้านของผู้เสียหายด้วยกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ก็ถือได้ว่าเป็นตัวการร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 จำเลยทั้งสามจึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามปล้นทรัพย์โดยมีและใช้มีดและปืนเป็นอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่นอีกบทหนึ่งด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคห้า,80 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ศาลฎีกาพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(6),83อีกบทหนึ่งด้วย เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทต้องลงโทษตามมาตรา 289 อันเป็นบทหนักซึ่งต้องระวางโทษประหารชีวิตเพียงสถานเดียว แต่เนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 โดยให้จำคุกตลอดชีวิต โจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ให้หนักขึ้นแต่อย่างใด และเมื่อศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนี้ ศาลฎีกาย่อมไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ให้หนักไปกว่าที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 2 ได้
of 60