คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อรรถวิทย์ วรรธนวินิจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 345 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พิกัดอัตราศุลกากรน้ำมันปาล์ม: การพิจารณาจากกระบวนการผลิต (เท็กซ์เจอเรชั่น) เพื่อจัดประเภทอากรที่ถูกต้อง
น้ำมันปาล์ม ที่โจทก์นำเข้าได้ผ่านกระบวนการเท็กซ์เจอเรชั่น คือ นำเข้าเครื่องลดอุณหภูมิลงอย่างฉับพลันแล้วมีเครื่องคล้ายใบมีดปาด น้ำมันปาล์ม ให้สัมผัสผิว ท่อซึ่งเย็นจัดอันเป็นวิธีการปรับโครงสร้างน้ำมันปาล์ม ให้มีเนื้อละเอียด เนียน และสม่ำเสมอเป็นผลิตภัณฑ์ไขมันที่มีคุณภาพดี ซึ่งเป็นกรรมวิธีที่ มาก กว่าการเติมก๊าซไฮโดรเจนดังที่ระบุไว้ในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่15.12 ค. จึงเป็นสินค้าที่จัดอยู่ในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ 15.13 โจทก์ต้องเสียอากรร้อยละ 60 ของราคาสินค้าหรือกิโลกรัมละ 15 บาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 275/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้างและผู้รับประกันภัยต่อการกระทำของลูกจ้างและผู้ขับขี่ที่ได้รับความยินยอม
จำเลยที่ 3 เป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุได้ให้จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นลูกจ้างขับรถคันดังกล่าว แม้จำเลยที่ 3 จะนำรถไปประกอบการขนส่งในนามของจำเลยที่ 2 ซึ่งมีใบอนุญาตประกอบการขนส่งก็ตามยังถือได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 การที่จำเลยที่ 3 ใช้ให้จำเลยที่ 1 ลูกจ้างขับรถคันเกิดเหตุไปบรรทุกหินซึ่งเป็นกิจการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 ในระหว่างทาง แม้จำเลยที่ 1 จะรับจ้างบุคคลอื่นนำคนป่วยไปส่งโรงพยาบาลตามลำพังโดยไม่ได้ขออนุญาตจำเลยที่ 3 เสียก่อนก็ตาม แต่เมื่อการรับจ้างนั้นอยู่ในระหว่างที่จำเลยที่ 1 กระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำไป จำเลยที่ 3 ได้เช่าซื้อรถคันพิพาทจากบริษัท ช. แต่ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ กรรมสิทธิ์ในรถจึงยังเป็นของบริษัท ช. เมื่อบริษัท ช. ประกันภัยรถคันพิพาทไว้กับจำเลยที่ 4 ตกลงกันว่าจำเลยที่ 4 จะถือบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากบริษัทช. ผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง ซึ่งหมายความว่านอกจากรับผิดในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยทำละเมิดต่อผู้อื่นแล้ว จำเลยที่ 4 ยังยอมรับผิดในกรณีที่ผู้อื่นเป็นผู้ทำละเมิดโดยผู้นั้นได้ขับขี่รถคันที่จำเลยที่ 4 รับประกันภัยไว้โดยความยินยอมของผู้เอาประกันภัย จำเลยที่ 4 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 275/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ครอบครองรถยนต์และผู้รับประกันภัยต่อละเมิดจากผู้ขับขี่
จำเลยที่ ๓ เป็นผู้ครอบครองรถยนต์ คันเกิดเหตุได้ ให้จำเลยที่ ๑ ซึ่ง เป็นลูกจ้างขับรถคันดังกล่าว แม้จำเลยที่ ๓ จะนำรถไปประกอบการขนส่งในนามของจำเลยที่ ๒ ซึ่ง มีใบอนุญาตประกอบการขนส่งก็ตาม ยังถือได้ว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๓
การที่จำเลยที่ ๓ ใช้ ให้จำเลยที่ ๑ ลูกจ้างขับรถคันเกิดเหตุไปบรรทุกหินซึ่ง เป็นกิจการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๓ ในระหว่างทางแม้จำเลยที่ ๑ จะรับจ้างบุคคลอื่นนำคนป่วยไปส่งโรงพยาบาลตามลำพังโดย ไม่ได้ขออนุญาตจำเลยที่ ๓ เสียก่อนก็ตามแต่ เมื่อการรับจ้างนั้นอยู่ในระหว่างที่จำเลยที่ ๑ กระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๓ จึงต้อง ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ ๑ ได้ กระทำไป
จำเลยที่ ๓ ได้ เช่าซื้อ รถคันพิพาทจากบริษัท ช. แต่ ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ กรรมสิทธิ์ในรถจึงยังเป็นของบริษัท ช. เมื่อบริษัท ช. ประกันภัยรถคันพิพาทไว้กับจำเลยที่ ๔ ตกลงกันว่าจำเลยที่ ๔ จะถือ บุคคลใด ซึ่ง ขับขี่รถยนต์ โดย ได้รับความยินยอมจากบริษัท ช. ผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเองซึ่ง หมายความว่า นอกจากรับผิดในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยทำละเมิดต่อ ผู้อื่นแล้ว จำเลยที่ ๔ ยังยอมรับผิดในกรณีที่ผู้อื่นเป็นผู้ทำละเมิดโดย ผู้นั้นได้ ขับขี่รถคันที่จำเลยที่ ๔ รับประกันภัยไว้โดย ความยินยอมของผู้เอาประกันภัยจำเลยที่ ๔ จึงต้อง ร่วมรับผิดด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 275/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำละเมิดของลูกจ้าง และความรับผิดของบริษัทประกันภัยต่ออุบัติเหตุทางรถยนต์
จำเลยที่ 3 เป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุ ได้ให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างขับรถคันดังกล่าว แม้จำเลยที่ 3 จะนำรถไปประกอบการขนส่งในนามของจำเลยที่ 2 ซึ่งมีใบอนุญาตประกอบการขนส่งก็ตาม ก็ยังถือได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3
การที่จำเลยที่ 3 ใช้ให้จำเลยที่ 1 ลูกจ้างขับรถคันเกิดเหตุไปบรรทุกหินซึ่งเป็นกิจการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3ในระหว่างทางแม้จำเลยที่ 1 จะรับจ้างบุคคลอื่นนำคนป่วยไปส่งโรงพยาบาลตามลำพังโดยไม่ได้ขออนุญาตจำเลยที่ 3 เสียก่อนก็ตาม แต่เมื่อการรับจ้างนั้นอยู่ในระหว่างที่จำเลยที่ 1กระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำไป
จำเลยที่ 3 ได้เช่าซื้อรถคันพิพาทจากบริษัท ช. แต่ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบกรรมสิทธิ์ในรถจึงยังเป็นของบริษัท ช.เมื่อบริษัท ช. ประกันภัยรถคันพิพาทไว้กับจำเลยที่ 4 โดยตกลงกันว่าการคุ้มครองผู้ขับขี่ จำเลยที่ 4 จะถือบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากบริษัท ช.ผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกัภนัยเอง ซึ่งหมายความว่านอกจากรับผิดในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยทำละเมิดต่อผู้อื่นแล้ว จำเลยที่ 4 ยังยอมรับผิดในกรณีที่ผู้อื่นเป็นผู้ทำละเมิดโดยผู้นั้นได้ขับขี่รถคันที่จำเลยที่ 4 รับประกันภัยไว้โดยความยินยอมของผู้เอาประกันภัย จำเลยที่ 4 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 275/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ครอบครองรถยนต์และบริษัทประกันภัยต่อความเสียหายจากละเมิดของลูกจ้างผู้ขับขี่
จำเลยที่ 3 เป็นผู้ครอบครองรถยนต์ คันเกิดเหตุได้ ให้จำเลยที่ 1 ซึ่ง เป็นลูกจ้างขับรถคันดังกล่าว แม้จำเลยที่ 3 จะนำรถไปประกอบการขนส่งในนามของจำเลยที่ 2 ซึ่ง มีใบอนุญาตประกอบการขนส่งก็ตาม ยังถือได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 การที่จำเลยที่ 3 ใช้ ให้จำเลยที่ 1 ลูกจ้างขับรถคันเกิดเหตุไปบรรทุกหินซึ่ง เป็นกิจการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 ในระหว่างทางแม้จำเลยที่ 1 จะรับจ้างบุคคลอื่นนำคนป่วยไปส่งโรงพยาบาลตามลำพังโดย ไม่ได้ขออนุญาตจำเลยที่ 3 เสียก่อนก็ตามแต่ เมื่อการรับจ้างนั้นอยู่ในระหว่างที่จำเลยที่ 1 กระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 จึงต้อง ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้ กระทำไป จำเลยที่ 3 ได้ เช่าซื้อ รถคันพิพาทจากบริษัท ช. แต่ ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ กรรมสิทธิ์ในรถจึงยังเป็นของบริษัท ช. เมื่อบริษัท ช. ประกันภัยรถคันพิพาทไว้กับจำเลยที่ 4 ตกลงกันว่าจำเลยที่ 4 จะถือ บุคคลใด ซึ่ง ขับขี่รถยนต์ โดย ได้รับความยินยอมจากบริษัท ช. ผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเองซึ่ง หมายความว่า นอกจากรับผิดในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยทำละเมิดต่อ ผู้อื่นแล้ว จำเลยที่ 4 ยังยอมรับผิดในกรณีที่ผู้อื่นเป็นผู้ทำละเมิดโดย ผู้นั้นได้ ขับขี่รถคันที่จำเลยที่ 4 รับประกันภัยไว้โดย ความยินยอมของผู้เอาประกันภัยจำเลยที่ 4 จึงต้อง ร่วมรับผิดด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างทำนบและการฟ้องร้องความเสียหายจากน้ำท่วม: จำเลยไม่มีเจตนาและเหตุปัจจัยทางธรรมชาติเป็นสาเหตุ
สาเหตุน้ำท่วมนาของโจทก์เนื่องมาจากฝนตกเร็วกว่าปกติและมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าปีก่อน ๆ ซึ่งจำเลยไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ การที่จำเลยก่อสร้างซ่อมแซมทำนบที่กั้นลำห้วยสาธารณะเพื่อกักน้ำไว้เลี้ยงสัตว์น้ำให้ราษฎรจับเป็นอาหารในฤดูแล้ง จำเลยไม่มีเจตนาทำให้เกิดอุทกภัยหรือทำให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหาย จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228 และ 359

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสร้างทำนบกักน้ำเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยแก่ผู้อื่น แม้จะมีการเสียหายเกิดขึ้นจากสภาพอากาศ
สาเหตุน้ำท่วมนาของโจทก์เนื่องมาจากฝนตกเร็วกว่าปกติและมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าปีก่อนๆ การที่จำเลยก่อสร้างซ่อมแซมทำนบที่กั้นลำห้วยสาธารณะ เพื่อกักน้ำไว้เลี้ยงสัตว์น้ำให้ราษฎรจับเป็นอาหารในฤดูแล้ง ไม่มีเจตนาทำให้เกิดอุทกภัยหรือทำให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหาย ดังนี้ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228 และ 359.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ไม่มีการร่วมประเวณี แต่การกระทำละเมิดอำนาจปกครองถือเป็นความผิด
จำเลยพาผู้เสียหายอายุ 14 ปี เศษไปร่วมหลับนอนโดยบิดามารดาของผู้เสียหายไม่ทราบ เป็นการกระทำอันละเมิดต่ออำนาจปกครองของบิดามารดา แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจไปด้วยและจำเลยจะมิได้ร่วมประเวณี เพียงแต่นอนกอดผู้เสียหายเท่านั้นก็ตาม การกระทำของจำเลยดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร แม้ไม่มีการร่วมประเวณี แต่การพาไปพักค้างคืนและกอดถือเป็นการละเมิดอำนาจปกครอง
จำเลยพาผู้เสียหายอายุ 14 ปีเศษไปร่วมหลับนอนโดยบิดามารดาของผู้เสียหายไม่ทราบ เป็นการกระทำอันละเมิดต่ออำนาจปกครองของบิดามารดา แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจไปด้วยและจำเลยจะมิได้ร่วมประเวณีเพียงแต่นอนกอดผู้เสียหายเท่านั้นก็ตาม การกระทำของจำเลยดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6378/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลคดีครอบครองปรปักษ์: ศาลคำนวณผิดพลาด ต้องคืนเงินส่วนเกิน
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ครอบครองที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยโดยสงบ เปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง ขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินแก่โจทก์ เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์คือ ราคาที่ดินซึ่งโจทก์ก็เสียมาถูกต้องแล้ว แม้ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยเหตุที่ว่าที่ดินตามฟ้องยังไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ โจทก์จึงขอบังคับให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์มิได้ก็ไม่ทำให้คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้กลายเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับโดยไม่คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกิน 200 บาทแก่โจทก์ จึงมิใช่เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นเรียกเก็บค่าขึ้นศาลเกินอัตราที่บัญญัติไว้ในตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โจทก์ฟ้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ราคาที่ดิน ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง โดยสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับการที่โจทก์อุทธรณ์เฉพาะในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมว่าเมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องโต้แย้งสิทธิแต่เป็นการใช้สิทธิทางศาลศาลก็ชอบที่จะเรียกค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ขอให้คืนค่าฤชาธรรมเนียมส่วนที่เกินเป็นการอุทธรณ์ว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าวมีผลเป็นการเรียกเก็บค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ราคาที่ดินอันเป็นการกำหนดหรือคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถือได้ว่าโจทก์ได้อุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว และในกรณีอุทธรณ์ว่า ค่าฤชาธรรมเนียมมิได้กำหนดหรือคำนวณให้ถูกต้องตามกฎหมายเช่นนี้ แม้จะมิได้อุทธรณ์ในเนื้อหาโดยตรงของคดีด้วย ก็ไม่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 168
of 35