พบผลลัพธ์ทั้งหมด 345 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิซื้อคืนที่ดินของผู้เช่าเดิม แม้กฎหมายคุ้มครองถูกยกเลิก สิทธิยังคงอยู่ตามราคาเดิม
ขณะที่ผู้ให้เช่าโอนขายนาพิพาทให้จำเลยพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ยังมีผลใช้บังคับอยู่ โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่านาพิพาทย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัตินี้ จึงมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยได้แม้ต่อมาพระราชบัญญัติดังกล่าวถูกยกเลิกโดยมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ก็ไม่อาจลบล้างสิทธิของโจทก์ที่มีอยู่ก่อน กรณีดังกล่าวแม้คณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลจะให้โจทก์มีสิทธิซื้อที่ดินคืนจากจำเลยตามราคาที่คณะกรรมการกำหนดก็ไม่มีผลลบล้างสิทธิของโจทก์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ. 2517 มาตรา 41 ที่จะซื้อนาพิพาทคืนในราคาที่ผู้ให้เช่าขายให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิซื้อคืนที่นาของผู้เช่าเมื่อเจ้าของขายให้ผู้อื่น แม้กฎหมายเดิมถูกยกเลิก สิทธิเดิมยังคงมีผล
ขณะที่ผู้ให้เช่าโอนขายนาพิพาทให้จำเลยพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ยังมีผลใช้บังคับอยู่ โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่านาพิพาทย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัตินี้ จึงมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยได้แม้ต่อมาพระราชบัญญัติดังกล่าวถูกยกเลิกโดยมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ก็ไม่อาจลบล้างสิทธิของโจทก์ที่มีอยู่ก่อน
กรณีดังกล่าวแม้คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลจะให้โจทก์มีสิทธิซื้อที่ดินคืนจากจำเลยตามราคาที่คณะกรรมการกำหนดก็ไม่มีผลลบล้างสิทธิของโจทก์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 41 ที่จะซื้อนาพิพาทคืนในราคาที่ผู้ให้เช่าขายให้แก่จำเลย.
กรณีดังกล่าวแม้คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลจะให้โจทก์มีสิทธิซื้อที่ดินคืนจากจำเลยตามราคาที่คณะกรรมการกำหนดก็ไม่มีผลลบล้างสิทธิของโจทก์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 41 ที่จะซื้อนาพิพาทคืนในราคาที่ผู้ให้เช่าขายให้แก่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิซื้อคืนที่นาของผู้เช่าเมื่อเจ้าของขายให้ผู้อื่น แม้กฎหมายเดิมถูกยกเลิก สิทธิเดิมยังคงมีผล
ขณะที่ผู้ให้เช่าโอนขายนาพิพาทให้จำเลยพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ยังมีผลใช้บังคับอยู่ โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่านาพิพาทย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัตินี้ จึงมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยได้แม้ต่อมาพระราชบัญญัติดังกล่าวถูกยกเลิกโดยมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ก็ไม่อาจลบล้างสิทธิของโจทก์ที่มีอยู่ก่อน
กรณีดังกล่าวแม้คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลจะให้โจทก์มีสิทธิซื้อที่ดินคืนจากจำเลยตามราคาที่คณะกรรมการกำหนดก็ไม่มีผลลบล้างสิทธิของโจทก์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 41 ที่จะซื้อนาพิพาทคืนในราคาที่ผู้ให้เช่าขายให้แก่จำเลย
กรณีดังกล่าวแม้คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลจะให้โจทก์มีสิทธิซื้อที่ดินคืนจากจำเลยตามราคาที่คณะกรรมการกำหนดก็ไม่มีผลลบล้างสิทธิของโจทก์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 41 ที่จะซื้อนาพิพาทคืนในราคาที่ผู้ให้เช่าขายให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดต่อความเสียหายจากการตอกเสาเข็ม แม้จะเลือกวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อข้างเคียง
จำเลยจ้าง น. ตอกเสาเข็มเพื่อสร้างอาคารชุดโดยจำเลยเลือกจ้างให้ผู้รับจ้างฝังเสาเข็มโดยวิธีตอกเพราะเห็นว่าเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าวิธีเจาะทั้ง ๆ ที่ตระหนักดีว่าการตอกเสาเข็มจะทำให้ที่ดินข้างเคียงถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อันเป็นเหตุให้อาคารโจทก์และผู้อื่นในบริเวณใกล้เคียงเสียหาย แต่จำเลยก็ไม่สนใจ ถือได้ว่าจำเลยผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำจึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าวต่อโจทก์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172.
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดต่อความเสียหายจากการเลือกวิธีตอกเสาเข็มที่ก่อผลกระทบต่ออาคารข้างเคียง แม้จะประหยัดกว่าวิธีอื่น
จำเลยจ้าง น.ตอกเสาเข็มเพื่อสร้างอาคารชุดโดยจำเลยเลือกจ้างให้ผู้รับจ้างฝังเสาเข็มโดยวิธีตอกเพราะเห็นว่าเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าวิธีเจาะทั้ง ๆ ที่ตระหนักดีว่าการตอกเสาเข็มจะทำให้ที่ดินข้างเคียงถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อันเป็นเหตุให้อาคารโจทก์และผู้อื่นในบริเวณใกล้เคียงเสียหาย แต่จำเลยก็ไม่สนใจ ถือได้ว่าจำเลยผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำจึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าวต่อโจทก์ โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดต่อความเสียหายจากการตอกเสาเข็ม แม้จะเลือกวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อข้างเคียง
จำเลยจ้าง น. ตอกเสาเข็มเพื่อสร้างอาคารชุดโดยจำเลยเลือกจ้างให้ผู้รับจ้างฝังเสาเข็มโดยวิธีตอกเพราะเห็นว่าเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าวิธีเจาะทั้ง ๆ ที่ตระหนักดีว่าการตอกเสาเข็มจะทำให้ที่ดินข้างเคียงถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อันเป็นเหตุให้อาคารโจทก์และผู้อื่นในบริเวณใกล้เคียงเสียหาย แต่จำเลยก็ไม่สนใจ ถือได้ว่าจำเลยผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำจึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าวต่อโจทก์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เสียหายอย่างไร โดยแยกเป็นรายการและคำนวณค่าซ่อมรวมไว้ ซึ่งสามัญชนทั่ว ๆ ไปพอจะเข้าใจถึงสภาพของความเสียหายและค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้คดี ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่โจทก์จะได้นำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 934/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากความเจ็บป่วยของทนาย และการพิจารณาความเกี่ยวข้องของการยื่นบัญชีพยาน
คำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยมีใบรับรองแพทย์แสดงว่าทนายจำเลยป่วย ทนายโจทก์ไม่ได้คัดค้านว่าทนายจำเลยไม่ได้ป่วยจริง แต่กลับแถลงว่าทนายจำเลยขอเลื่อนเพื่อหาโอกาสระบุพยานจำเลยเพราะจำเลยไม่ได้ระบุบัญชีพยานไว้ เช่นนี้หาเป็นเหตุที่จะมาเป็นข้อพิจารณาว่าควรอนุญาตให้เลื่อนคดีหรือไม่ เนื่องจากการยื่นบัญชีระบุพยานต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 ที่ออกตามความในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528มาตรา 20 เมื่อทนายจำเลยขอเลื่อนคดีครั้งแรก จึงควรอนุญาตให้เลื่อนคดีได้ จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกคำพิพากษาของศาลที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท อย่างคดีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ราคาประเมินภาษีศุลกากรต้องเป็นราคาแท้จริง หักดอกเบี้ยเงินเชื่อได้
ราคาที่ถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษีศุลกากรต้องเป็นราคาอันแท้จริงมิใช่ราคาที่ซื้อเงินเชื่อซึ่งรวมดอกเบี้ยด้วยการหักดอกเบี้ยที่เกิดจากการซื้อเงินเชื่อออกก่อนแล้วจึงเสียภาษี จึงเป็นการเสียภาษีที่ถูกต้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์โคผู้อื่น โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของแต่ไม่มีตัวตนจริง มีพยานหลักฐานยืนยันความผิด
ด. พบโค 9 ตัว กำลังกินข้าวอยู่ในนาของตน จึงไล่ต้อนมาไว้ที่บ้านเพื่อจะเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของโค ต่อมาจำเลยกับ ศ.และพวกมาที่บ้านด.อ้างว่าโคเป็นของศ.พ่อตาของด.ไม่เชื่อ ได้พา ศ.ไปพบผู้ใหญ่บ้านศ. ทำบันทึกรับโคไป แล้วพวกของจำเลยไล่ต้อนโคทั้ง 9 ตัวไปโดยจำเลยขี่รถจักรยานยนต์ตามไป ปรากฏว่าโคเป็นของผู้เสียหาย ดังนี้ ฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335(7) วรรคแรก,83.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การกับการยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลไม่รับฟังข้อต่อสู้เพราะไม่มีประเด็น
จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยมาศาลและขออ้างตนเองเบิกความเป็นพยานได้ แต่จำเลยจะเบิกความในประเด็นที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความไม่ได้ เพราะเมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลชั้นต้นไม่ได้อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การจึงไม่มีประเด็น และในเรื่องอายุความเมื่อไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความเป็นมูลยกฟ้องไม่ได้.