คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อรรถวิทย์ วรรธนวินิจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 345 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3413/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของโรงแรมต่อความเสียหายของรถยนต์ที่จอดในลานจอดรถ: ลักษณะการฝากทรัพย์ตามมาตรา 674-675
โจทก์เข้าพักในโรงแรมของจำเลยและนำรถยนต์ไปจอดในบริเวณลานจอดรถของโรงแรม รถยนต์โจทก์หายไป ต่อมาโจทก์ได้รับรถยนต์คืนในสภาพชำรุดเสียหาย จึงฟ้องในข้อหาฝากทรัพย์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายโดยบรรยายฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะเป็นเจ้าสำนัก โรงแรมหรือโฮเต็ล เช่นนี้เป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะเป็นเจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674, 675 ซึ่งเป็นบทกฎหมายในลักษณะฝากทรัพย์นั่นเอง มิใช่การฝากทรัพย์ตามมาตรา 657 แต่อย่างเดียวดังที่จำเลยให้การปฏิเสธไว้ ศาลจึงวินิจฉัยให้จำเลยรับผิดตามฟ้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3413/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของโรงแรมต่อทรัพย์สินของผู้เข้าพัก: การจอดรถในโรงแรมและสภาพชำรุดเสียหาย
โจทก์เข้าพักในโรงแรมของจำเลยและนำรถยนต์ไปจอดในบริเวณลานจอดรถของโรงแรม รถยนต์โจทก์หายไป ต่อมาโจทก์ได้รับรถยนต์คืนในสภาพชำรุดเสียหาย จึงฟ้องในข้อหาฝากทรัพย์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายโดยบรรยายฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะเป็นเจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล เช่นนี้เป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะเป็นเจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674,675 ซึ่งเป็นบทกฎหมายในลักษณะฝากทรัพย์นั่นเอง มิใช่การฝากทรัพย์ตามมาตรา 657 แต่อย่างเดียวดังที่จำเลยให้การปฏิเสธไว้ ศาลจึงวินิจฉัยให้จำเลยรับผิดตามฟ้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3296/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพนักงานรัฐอนุมัติเบิกเกินบัญชีโดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ธนาคาร
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นพนักงานของโจทก์ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยรับฝากเงินส่วนการเงินของโจทก์ ได้ลงนามตรวจลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย รับรองยอด บัญชีและสั่งให้ผ่านจำนวนเงินตามเช็ค ดังนี้แม้โจทก์จะไม่ได้กล่าวถึงหน้าที่ของจำเลยก็ถือได้ว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏถึงหน้าที่ของจำเลยพอสมควรเท่าที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องโจทก์ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย จำเลยอนุมัติให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด อ. ลูกค้าของโจทก์เบิกเงินเกินบัญชี โดยฝ่าฝืนคำสั่งของ ก. ผู้จัดการธนาคารโจทก์ทำให้ยอดหนี้ค้างชำระของลูกค้าสูงขึ้น และมูลค่าของหลักประกันทั้งสิ้นที่ลูกค้าให้ไว้แก่โจทก์มีไม่ถึงจำนวนหนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502มาตรา 11 เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐฯ แล้วการกระทำนั้นย่อมไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3296/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดของพนักงานรัฐที่อนุมัติเงินเกินบัญชีโดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายต่อธนาคาร
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นพนักงานของโจทก์ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ. 2502 มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยรับฝากเงินส่วนการเงินของโจทก์ ได้ลงนามตรวจลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย รับรองยอดบัญชีและสั่งให้ผ่านจำนวนเงินตามเช็ค ดังนี้แม้โจทก์จะไม่ได้กล่าวถึงหน้าที่ของจำเลย ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏถึงหน้าที่ของจำเลยพอสมควรเท่าที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีฟ้องโจทก์ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยอนุมัติให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด อ. ลูกค้าของโจทก์เบิกเงินเกินบัญชี โดยฝ่าฝืนคำสั่งของ ก. ผู้จัดการธนาคารโจทก์ ทำให้ยอดหนี้ค้างชำระของลูกค้าสูงขึ้น และมูลค่าของหลักประกันทั้งสิ้นที่ลูกค้าให้ไว้แก่โจทก์มีไม่ถึงจำนวนหนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา11
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ฯ แล้ว การกระทำนั้นย่อมไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3177/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่า โดยการนำตัวผู้กระทำผิดไปชี้เป้าและให้ความช่วยเหลือ
จำเลยที่ 1 มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน แล้วร่วมกับจำเลยที่ 2 พาคนร้ายสองคนไปชี้บ้านผู้ตายแล้วกลับไป ครั้นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายทั้งสองแล้ว คนร้ายวิ่งกลับไปทางบ้านจำเลยที่ 1 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นบ้านก็พบคนร้ายคนหนึ่งหลบซ่อนอยู่ในห้องนอนของจำเลยที่ 1 พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 และลูกระเบิดมือในเวลากระชั้นชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายทั้งสองนั้นหรือเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายทั้งสองในการกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3177/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานสนับสนุนการฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นจากการชี้เป้าและให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำผิด
จำเลยที่ 1 มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน แล้วร่วมกับจำเลยที่ 2 พาคนร้ายสองคนไปชี้บ้านผู้ตายแล้วกลับไป ครั้นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายทั้งสองแล้ว คนร้ายวิ่งกลับไปทางบ้านจำเลยที่ 1 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นบ้านก็พบคนร้ายคนหนึ่งหลบซ่อนอยู่ในห้องนอนของจำเลยที่ 1 พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 และลูกระเบิดมือในเวลากระชั้นชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายทั้งสองนั้นหรือเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายทั้งสองในการกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2707/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานละเว้นการจับกุม โดยอ้างว่าผู้ต้องหาเป็นสายลับเพื่อรวบรวมหลักฐานการพนัน ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 200
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจปล่อยตัวนาย ข. ที่เข้าไปคว้าเงินของผู้เสียหายภายในร้าน โดยไม่ส่งตัวไปให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีเพราะจำเลยเห็นว่า นาย ข. เป็นสายลับตำรวจเข้าไปยึดเงินดังกล่าวเพื่อเป็นหลักฐานในการเล่นการพนันนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าใจและใช้ดุลพินิจว่านาย ข. ไม่ได้กระทำผิดฐานชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยจึงไม่มีเจตนาจะช่วยเหลือนาย ข. มิให้ต้องรับโทษ ยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2707/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานตำรวจปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยด้วยเหตุผลด้านดุลพินิจ ไม่ถือว่าช่วยเหลือผู้กระทำผิด
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจปล่อยตัวนาย ข. ที่เข้าไปคว้าเงินของผู้เสียหายภายในร้าน โดยไม่ส่งตัวไปให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีเพราะจำเลยเห็นว่า นาย ข. เป็นสายลับตำรวจเข้าไปยึดเงินดังกล่าวเพื่อเป็นหลักฐานในการเล่นการพนันนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าใจและใช้ดุลพินิจว่านาย ข. ไม่ได้กระทำผิดฐานชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยจึงไม่มีเจตนาจะช่วยเหลือนาย ข. มิให้ต้องรับโทษ ยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมของผู้เยาว์ในความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย ก็ยังเป็นความผิดตามกฎหมาย
ผู้เสียหายอายุ 15 ปี สมัครใจไปอยู่กับจำเลยที่ 1 และยินยอมร่วมประเวณีกับจำเลยที่ 1 โดยสมัครใจ จำเลยไม่มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีภริยาอยู่แล้วไม่คิดจะอยู่กินฉัน สามีภริยากับผู้เสียหายอย่างจริงจัง จำเลยที่ 1จึงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็ม ใจไปด้วย ตาม ป.อ. มาตรา 319 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 318 โดยอ้างว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย แต่การที่จำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารจะโดยลักษณะที่ผู้เยาว์เต็ม ใจไปด้วยหรือไม่เต็ม ใจไปด้วย ป.อ. ก็บัญญัติเป็นความผิดอยู่แล้ว ศาลย่อมลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ป.อ. มาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่าได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เยาว์ยินยอม ศาลลงโทษตามมาตรา 319 ได้
ผู้เสียหายอายุ 15 ปี สมัครใจไปอยู่กับจำเลยที่ 1 และยินยอมร่วมประเวณีกับจำเลยที่ 1 โดยสมัครใจ จำเลยไม่มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีภริยาอยู่แล้วไม่คิดจะอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้เสียหายอย่างจริงจังจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ตาม ป.อ. มาตรา 319
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 318 โดยอ้างว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย แต่การที่จำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารจะโดยลักษณะที่ผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยหรือไม่เต็มใจไปด้วย ป.อ. ก็บัญญัติเป็นความผิดอยู่แล้ว ศาลย่อมลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ป.อ. มาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่าได้.
of 35