พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,261 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2774/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดิน: การกระทำในเวลากลางวันย่อมไม่ถือเป็นการบุกรุกในเวลากลางคืน แม้ผลของการกระทำจะคงอยู่ตลอดเวลา
แม้พืชผลที่จำเลยเข้าไปปลูกในที่พิพาทเวลากลางวันจะอยู่ในที่พิพาททั้งกลางวันและกลางคืนตลอดมา ก็เป็นเพียงผลของการกระทำคือการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมในเวลากลางวันเท่านั้นจะถือว่าจำเลยกระทำความผิดฐานบุกรุกในเวลากลางคืน ตาม ป.อ.มาตรา 365(3) ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในสัญญาเช่า, กิจการร้านค้า, และการใช้ชื่อร้านค้าเป็นมรดก: สิทธิเฉพาะตัวที่ไม่ตกทอด
ส. เป็นผู้เช่าตึกแถวพิพาทโดยมิได้มีข้อตกลงที่เป็นการต่างตอบแทนชนิดพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา จึงเป็นสัญญาเฉพาะตัวของ ส.เมื่อส. ตาย สัญญาเช่าย่อมระงับไปไม่ตกทอดไปยังทายาท สิทธิในการเช่าตึกแถวพิพาทจึงมิใช่มรดกของ ส. การประกอบกิจการร้านขายยานั้นเป็นเพียงการงานอาชีพ อันเป็นกิจการเฉพาะตัวของผู้ที่ประกอบกิจการโดยแท้และย่อมไม่เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาท เมื่อผู้เริ่มประกอบกิจการตาย แล้วมีผู้ประกอบกิจการต่อมาจนถึงจำเลยและสามี ก็เป็นกิจการเฉพาะตัวของผู้ประกอบการ มิใช่การจัดการมรดก โจทก์จึงไม่มีสิทธิในกิจการร้านขายยาที่จำเลยประกอบอยู่ ไม่อาจที่จะเรียกเอาส่วนแบ่งหรือรายได้จากกิจการร้านขายยาดังกล่าว ชื่อร้านขายยาพิพาทมิได้มีการจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้ากรณีเป็นเรื่องสิทธิของบุคคลในการที่จะใช้นามอันชอบที่จะใช้ได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 18 โจทก์จึงไม่อาจฟ้องขอห้ามมิให้จำเลยซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่งของเจ้ามรดกซึ่งก็มีสิทธิใช้นามนั้นมิให้ใช้นามดังกล่าวหรือเรียกค่าเสียหายในการที่จำเลยใช้นามนั้นได้ ในเมื่อจำเลยมิได้ใช้ไปในทางที่เสื่อมเสียต่อนามนั้นและมิได้ห้ามหรือขัดขวางมิให้โจทก์ใช้นามนั้นแต่ประการใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2747/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
งดบังคับคดีลูกหนี้ร่วม: พิจารณาทรัพย์สินจำนองร่วม และสิทธิจำเลยที่ 1 ที่มีคำสั่งงดบังคับคดีแล้ว
จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์เป็นคดีใหม่ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มิได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีใหม่ด้วย จึงมิใช่กรณีที่จะงดการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 แต่การบังคับคดีเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาสำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จะต้องบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่จำนองก่อน หากไม่พอชำระหนี้จึงจะบังคับเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เมื่อยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าราคาทรัพย์สินจำนองพอชำระหนี้หรือไม่ และทรัพย์สินที่จำนองส่วนมากเป็นทรัพย์สินที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จำนองร่วมกับจำเลยที่ 1 จึงไม่อาจแบ่งแยกบังคับทรัพย์สินที่จำนองร่วมกันโดยไม่กระทบต่อสิทธิของจำเลยที่ 1 ซึ่งถึงที่สุดไปแล้วตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 กรณีเป็นเรื่องจำเป็นและสมควรที่จะให้งดการบังคับคดีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ไว้ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2747/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีลูกหนี้ร่วม: พิจารณาความจำเป็นเมื่อบังคับคดีทรัพย์สินจำนองร่วมกระทบสิทธิลูกหนี้ที่ศาลสั่งงดบังคับคดีไว้แล้ว
จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์เป็นคดีใหม่ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มิได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีใหม่ด้วย จึงมิใช่กรณีที่จะงดการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 แต่การบังคับคดีเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาสำหรับจำเลยที่ 2ที่ 3 และที่ 4 จะต้องบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่จำนองก่อน หากไม่พอชำระหนี้จึงจะบังคับเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เมื่อยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าราคาทรัพย์สินจำนองพอชำระหนี้หรือไม่และทรัพย์สินที่จำนองส่วนมากเป็นทรัพย์สินที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4จำนองร่วมกับจำเลยที่ 1 จึงไม่อาจแบ่งแยกบังคับทรัพย์สินที่จำนองร่วมกันโดยไม่กระทบต่อสิทธิของจำเลยที่ 1 ซึ่งถึงที่สุดไปแล้วตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 กรณีเป็นเรื่องจำเป็นและสมควรที่จะให้งดการบังคับคดีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ไว้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2720/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายทราบวันนัดแล้ว แต่จำเลยไม่มาศาล ศาลไม่ถือเป็นการขาดนัด และไม่สามารถขอพิจารณาคดีใหม่ได้
ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์จนหมดพยานแล้วเลื่อนไปนัดสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยทราบนัดแล้ว ถึงวันนัดฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดมาศาลศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานและหรือไม่มีพยานมาสืบ จึงพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี กรณีดังกล่าวถือว่าทนายจำเลยเป็นตัวแทนของจำเลย แม้จะฟังว่าทนายจำเลยมิได้แจ้งวันนัดให้จำเลยทราบก็ตามแต่เมื่อทนายจำเลยทราบวันนัดตามกฎหมาย ก็ต้องถือว่าจำเลยทราบวันนัดด้วยแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่าคดีเสร็จสำนวนโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ มิใช่กรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วได้พิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีนั้นไปฝ่ายเดียว จำเลยจึงไม่อาจนำบทบัญญัติเรื่องขาดนัดพิจารณามาใช้เพื่อขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2681/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเรียกหนี้หลังเลิกบริษัท, การตั้งผู้ชำระบัญชีเมื่อกรรมการขัดแย้ง, และอำนาจศาลในการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี
เมื่อบริษัทเลิกกันแล้ว หน้าที่นำความไปจดทะเบียนเป็นของผู้ชำระบัญชีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1254 แต่บริษัท น. ยังไม่มีผู้ชำระบัญชี ทั้งโจทก์และจำเลยซึ่งเป็นกรรมการของบริษัท น.ยังโต้แย้งกันอยู่ในเรื่องการชำระบัญชี กรรมการของบริษัทย่อมยังไม่เข้าเป็นผู้ชำระบัญชีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1251 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยซึ่งไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้ชำระบัญชีได้ไปจดทะเบียนเลิกบริษัท น. เมื่อบริษัทเลิกกันแล้วแต่ยังไม่มีการชำระบัญชี จึงถือเป็นกรณีที่ผู้ชำระบัญชียังไม่ได้จัดการให้เงินหรือสิทธิเรียกร้องในหนี้ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยจะต้องชำระให้แก่บริษัทเป็นของผู้ถือหุ้นคนใดโจทก์ในฐานะส่วนตัวที่เป็นผู้ถือหุ้นและไม่ใช่เป็นผู้ชำระบัญชีจึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกให้จำเลยชำระหนี้ในส่วนนี้ได้ แม้โจทก์จะมีคำขอให้ตั้งโจทก์เป็นผู้ชำระบัญชีบริษัท น.แต่เมื่อศาลเห็นว่าโจทก์ไม่สมควรจะเป็นผู้ชำระบัญชี เพราะโจทก์กับจำเลยซึ่งเป็นกรรมการบริษัท น. ต่างไม่ไว้วางใจกันและไม่อาจเป็นผู้ชำระบัญชีร่วมกัน และเป็นกรณีที่ยังไม่มีผู้ชำระบัญชีศาลก็มีอำนาจตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งเป็นคนกลางเป็นผู้ชำระบัญชีได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1251 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีฎีกาเกี่ยวกับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา เมื่อศาลฎีกาพิพากษาคดีแล้ว
โจทก์ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ในการขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนศาลพิพากษา เมื่อปรากฏว่าศาลฎีกาได้พิจารณาเนื้อหาแห่งคดีและทำคำพิพากษาเสร็จแล้ว ทำให้ปัญหาในเรื่องการขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนศาลพิพากษาตามฎีกาของโจทก์ไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยอีกต่อไปศาลฎีกาให้จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา หลังศาลฎีกาตัดสินคดีเนื้อหาแล้ว
โจทก์ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ในการขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนศาลพิพากษา เมื่อปรากฏว่าศาลฎีกาได้พิจารณาเนื้อหาแห่งคดีและทำคำพิพากษาเสร็จแล้ว ทำให้ปัญหาในเรื่องการขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนศาลพิพากษาตามฎีกาของโจทก์ไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยอีกต่อไป ศาลฎีกาให้จำหน่ายคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2621/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนและแต่งตั้งผู้จัดการมรดก, สิทธิหน้าที่ของผู้จัดการมรดก, และการส่งมอบเอกสารบัญชีทรัพย์มรดก
สิทธิในการดำเนินคดีทางศาลเป็นสิทธิโดยชอบของบุคคลตามกฎหมายในเมื่อสิทธิของตนถูกโต้แย้งหรือมีกรณีจะต้องใช้สิทธิทางศาลการที่พินัยกรรมมีข้อกำหนดห้ามทายาทผู้ได้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมฟ้องคดีต่อศาลเกี่ยวกับทรัพย์ตามพินัยกรรม มิฉะนั้นให้ถือว่าผู้นั้นถูกตัดออกจากกองทรัพย์สินนั้น เช่นนี้ ข้อกำหนดในพินัยกรรมดังกล่าวจึงไม่มีผลบังคับ การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจึงไม่เป็นการกระทำที่ต้องถูกตัดมิให้รับมรดก การฟ้องขอถอนผู้จัดการมรดกและขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกใหม่นั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 มิได้กำหนดไว้โดยเฉพาะว่าจะต้องร้องเข้ามาในคดีเดิม ดังนั้น โจทก์จึงอาจฟ้องเป็นคดีใหม่หรือร้องเข้ามาในคดีเดิมก็ได้ จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล จึงมีหน้าที่จะต้องดำเนินการแบ่งปันทรัพย์มรดกแก่ทายาท แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปี ยังไม่มีการแบ่งปันมรดกให้ทายาทเลย อีกทั้งยังได้จำหน่ายทรัพย์มรดกบางส่วนไปโดยมิได้ประชุมปรึกษาทายาท รวมทั้งไม่มีบัญชีแสดงให้ทายาททราบถึงการที่ได้จัดการไป และหลังจากที่ได้เป็นผู้จัดการมรดกแล้วถึง 4 ปีเศษจึงได้ยื่นบัญชีทรัพย์มรดก แสดงว่าจำเลยไม่นำพาต่อหน้าที่ของผู้จัดการมรดกตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1729 และ 1732 จึงมีเหตุสมควรที่จะเพิกถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดก จำเลยมิใช่ทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรม จึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียข้อคัดค้านของจำเลยที่จะไม่ให้ผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดกจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง เจ้ามรดกทำพินัยกรรมระบุให้โจทก์ทั้งสองและผู้ร้องสอดทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน เมื่อโจทก์ที่ 1 ถอนฟ้อง ส่วนผู้ร้องสอดที่ 1 ถูกโต้แย้งว่า ได้นำทรัพย์มรดกส่วนหนึ่งไปจำหน่าย ถือได้ว่าผู้ร้องสอดที่ 1 มีข้อที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก กรณีเห็นได้ว่าผู้ร้องสอดที่ 1 ไม่อาจเข้าร่วมจัดการเพื่อประโยชน์ของกองมรดกโดยไม่มีข้อขัดแย้งได้ ตามพฤติการณ์จึงไม่อาจตั้งผู้ร้องสอดที่ 1ร่วมเป็นผู้จัดการมรดกกับโจทก์ที่ 2 และผู้ร้องสอดที่ 2 ได้ จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล ต่อมาศาลมีคำสั่งถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งโจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกแทน ดังนี้ ศาลย่อมมีอำนาจบังคับให้จำเลยส่งมอบบัญชีทรัพย์มรดกที่จำเลยทำขึ้นในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกให้ผู้จัดการมรดกคนใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2621/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดก: ข้อขัดแย้งของผู้จัดการมรดกและการส่งมอบบัญชี
เจ้ามรดกทำพินัยกรรมระบุให้โจทก์ทั้งสองและผู้ร้องสอดทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน เมื่อโจทก์ที่ 1 ถอนฟ้อง ส่วนผู้ร้องสอดที่ 1 ถูกโต้แย้งว่า ได้นำทรัพย์มรดกส่วนหนึ่งไปจำหน่าย ถือได้ว่าผู้ร้องสอดที่ 1 มีข้อที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก กรณีเห็นได้ว่าผู้ร้องสอดที่ 1 ไม่อาจเข้าร่วมจัดการเพื่อประโยชน์ของกองมรดกโดยไม่มีข้อขัดแย้งได้ ตามพฤติการณ์จึงไม่อาจตั้งผู้ร้องสอดที่ 1 ร่วมเป็นผู้จัดการมรดกกับโจทก์ที่ 2 และผู้ร้องสอดที่ 2 ได้
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล ต่อมาศาลมีคำสั่งถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งโจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกแทน ดังนี้ ศาลย่อมมีอำนาจบังคับให้จำเลยส่งมอบบัญชีทรัพย์มรดกที่จำเลยทำขึ้นในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกให้ผู้จัดการมรดกคนใหม่ได้
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล ต่อมาศาลมีคำสั่งถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งโจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกแทน ดังนี้ ศาลย่อมมีอำนาจบังคับให้จำเลยส่งมอบบัญชีทรัพย์มรดกที่จำเลยทำขึ้นในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกให้ผู้จัดการมรดกคนใหม่ได้