คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อากาศ บำรุงชีพ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,261 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4096/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้ขอเฉลี่ยทรัพย์และการสวมสิทธิบังคับคดีเมื่อเจ้าหนี้เดิมเพิกเฉยต่อการบังคับคดี
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ ถอนการบังคับคดี เพราะเหตุที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในระยะเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดมีผลโดยตรงเฉพาะโจทก์เท่านั้นไม่กระทบถึงสิทธิของผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่ได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์โดยชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไปเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีมีหมายนัดถึงผู้ร้องทั้งสองแจ้งว่าถ้าหากประสงค์จะ สวมสิทธิบังคับคดีแทนโจทก์ให้แถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีภายใน7วันผู้ร้องทั้งสองได้แถลงแจ้งความประสงค์ในวันดังกล่าวแม้จะกระทำในเวลาภายหลังที่ศาลมีคำสั่งให้ถอนการบังคับคดีก็ย่อมมีผลให้ผู้ร้องทั้งสองสามารถดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา290วรรคแปดโดยไม่จำต้องให้ศาลมีคำสั่งอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3476/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายเฮโรอีนมีเงื่อนไขและความผิดฐานร่วมกันครอบครองและพยายามจำหน่าย
จำเลยที่ 3 ไม่ยินยอมส่งมอบเฮโรอีนของกลางให้ร้อยตำรวจเอกส.จนกว่าสามารถเบิกเงินตามตั๋วแลกเงินของร้อยตำรวจเอก ส.ที่ธนาคารก่อนและร้อยตำรวจเอก ส.ก็ยินยอมไปเบิกเงินที่ธนาคารด้วยกันเท่ากับเป็นการซื้อขายโดยมีเงื่อนไข การซื้อเฮโรอีนยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ เมื่อจำเลยทั้งสามถูกจับเสียก่อนมีการส่งมอบเฮโรอีนของกลาง การกระทำของจำเลยที่ 3 ในส่วนนี้จึงเป็นความผิดเพียงฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนของกลางเท่านั้น การที่จำเลยที่ 3 ครอบครองเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเฮโรอีนโดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 รู้เห็นมาตั้งแต่ต้นและร่วมกันกระทำความผิดกับจำเลยที่ 3 โดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเฮโรอีน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3476/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานครอบครองและพยายามจำหน่ายยาเสพติด โดยมีเจตนาซื้อขายแต่ยังไม่ส่งมอบ
จำเลยที่3ไม่ยินยอมส่งมอบเฮโรอีนของกลางให้ร้อยตำรวจเอกส. จนกว่าสามารถเบิกเงินตามตั๋วแลกเงินของร้อยตำรวจเอกส.ที่ธนาคารก่อนและร้องตำรวจเอกส. ก็ยินยอมไปเบิกเงินที่ธนาคารด้วยกันเท่ากับเป็นการซื้อขายโดยมีเงื่อนไขการซื้อเฮโรอีนยังไม่สำเร็จบริบูรณ์เมื่อจำเลยทั้งสามถูกจับเสียก่อนมีการส่งมอบเฮโรอีนของกลางการกระทำของจำเลยที่3ในส่วนนี้จึงเป็นความผิดเพียงฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนของกลางเท่านั้นการที่จำเลยที่3ครอบครองเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเฮโรอีนโดยจำเลยที่1และที่2รู้เห็นมาตั้งแต่ต้นและร่วมกันกระทำความผิดกับจำเลยที่3โดยแบ่งหน้าที่กันทำจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเฮโรอีน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2772/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวเข้าสถานพินิจฯ ถือมิใช่การลงโทษจำคุก จึงห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย25ปีแต่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกลางมีกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำ3ปีและชั้นสูง4ปีการเปลี่ยนโทษจำคุกดังกล่าวมิใช่เป็นการลงโทษจำคุกเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค2พิพากษายืนจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2763/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันเรือค้ำประกัน: สถานที่ส่งมอบเรือ, ความรับผิดตามสัญญาประกัน, จำนวนเงินที่ประกัน
ส. เจ้าของเรือของกลางทำสัญญาประกันเรือต่อโจทก์ขอรับเรือของกลางไปเก็บรักษาไว้ในระหว่างคดีโดยมีจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันส. ต่อโจทก์สัญญาประกันเรือทำขึ้นที่กรุงเทพมหานครและส.รับเรือของกลางไปจากท่าเทียบเรือกรมศุลกากรที่กรุงเทพมหานครเมื่อโจทก์เรียกให้ส่งมอบเรือของกลางส. และจำเลยจะต้องนำเรือของกลางไปส่งมอบยังที่ที่เรือของกลางจอดอยู่ในขณะทำสัญญาประกันเรือคือท่าเทียบเรือกรมศุลกากรจำเลยขอส่งมอบของกลางแก่โจทก์ที่จังหวัดภูเก็ตโดยโจทก์ไม่ยอมรับไม่ได้ สัญญาประกันเรือมีข้อตกลงว่าระหว่างที่ผู้ประกันนำเรือของกลางไปเก็บรักษาถ้าเกิดการชำรุดเสียหายหรือสูญหายไม่สามารถส่งมอบให้โจทก์ในสภาพเดิมผู้ประกันยินยอมชดใช้เงินจนเต็มราคาที่ประกันไว้คือ1,000,000บาทซึ่งเงินจำนวน1,000,000บาทดังกล่าวเป็นจำนวนเงินที่ประกันไว้มิใช่ราคาเรือของกลางเมื่อส. ผิดสัญญาประกันเรือจึงต้องใช้เงินตามที่ประกันไว้แก่โจทก์จำนวน1,000,000บาทมิใช่ใช้ตามราคาเรือของกลางจำเลยซึ่งเป็นผู้คำประกันส. โดยยอมรับผิดเช่นเดียวกับส. ผู้ประกันจึงต้องรับผิดต่อโจทก์1,000,000บาทด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2763/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันเรือ ความรับผิดตามสัญญา และการค้ำประกัน
ส.เจ้าของเรือของกลางทำสัญญาประกันเรือต่อโจทก์ขอรับเรือของกลางไปเก็บรักษาไว้ในระหว่างคดี โดยมีจำเลยเป็นผู้ค้ำประกัน ส.ต่อโจทก์สัญญาประกันเรือทำขึ้นที่กรุงเทพมหานคร และ ส.รับเรือของกลางไปจากท่าเทียบเรือกรมศุลกากรที่กรุงเทพมหานคร เมื่อโจทก์เรียกให้ส่งมอบเรือของกลาง ส.และจำเลยจะต้องนำเรือของกลางไปส่งมอบยังที่ที่เรือของกลางจอดอยู่ในขณะทำสัญญาประกันเรือคือท่าเทียบเรือกรมศุลกากร จำเลยจะขอส่งมอบเรือของกลางแก่โจทก์ที่จังหวัดภูเก็ตโดยโจทก์ไม่ยอมรับไม่ได้
สัญญาประกันเรือมีข้อตกลงว่า ระหว่างที่ผู้ประกันนำเรือของกลางไปเก็บรักษา ถ้าเกิดการชำรุดเสียหายหรือสูญหายไม่สามารถส่งมอบให้โจทก์ในสภาพเดิม ผู้ประกันยินยอมชดใช้เงินจนเต็มราคาที่ประกันไว้คือ 1,000,000 บาทซึ่งเงินจำนวน 1,000,000 บาท ดังกล่าวเป็นจำนวนเงินที่ประกันไว้ มิใช่ราคาเรือของกลาง เมื่อ ส.ผิดสัญญาประกันเรือจึงต้องใช้เงินตามที่ประกันไว้แก่โจทก์จำนวน 1,000,000 บาท มิใช่ใช้ตามราคาเรือของกลาง จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันส.โดยยอมรับผิดเช่นเดียวกับ ส.ผู้ประกันจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ 1,000,000 บาทด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2759/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรส: สันนิษฐานว่าทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสเป็นสินสมรส จำเลยมีภาระพิสูจน์หักล้าง
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนดย่อมได้รับการสันนิษฐานว่าผู้มีชื่อในโฉนดเป็นเจ้าของที่ดินนั้นจำเลยอ้างว่าจำเลยถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินแทนบุคคลอื่นจำเลยย่อมมีภาระการพิสูจน์ จำเลยซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทมาระหว่างสมรสกับโจทก์โจทก์ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1474วรรคสองจำเลยกล่าวอ้างว่าที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างมิใช่สินสมรสย่อมมีภาระการพิสูจน์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2759/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรส: การสันนิษฐานตามกฎหมายและการพิสูจน์กรรมสิทธิ์ที่แท้จริง
ที่พิพาทเป็นที่ดินมีโฉนดย่อมได้รับการสันนิษฐานว่าผู้มีชื่อในโฉนดเป็นเจ้าของที่ดินเมื่อจำเลยซึ่งมีชื่อในที่พิพาทอ้างว่าถือกรรมสิทธิ์แทนม. จำเลยย่อมมีภาระการพิสูจน์ทั้งโจทก์ยังได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1474วรรคสองที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าที่พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยอีกด้วยแม้ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อนก็ไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงภารการพิสูจน์ของจำเลยข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยถือกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแทนม.เมื่อที่พิพาทเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้มาระหว่างเป็นคู่สมรสกับโจทก์จึงเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1474

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2759/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์กรรมสิทธิ์ในที่ดินระหว่างสมรส: ข้อสันนิษฐานว่าเป็นสินสมรส และภาระการพิสูจน์ของจำเลย
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนดย่อมได้รับการสันนิษฐานว่าผู้มีชื่อในโฉนดเป็นเจ้าของที่ดินนั้นจำเลยอ้างว่าจำเลยถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินแทนบุคคลอื่นจำเลยย่อมมีภาระการพิสูจน์ จำเลยซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทมาระหว่างสมรสกับโจทก์โจทก์ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1474วรรคสองจำเลยกล่าวอ้างว่าที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างมิใช่สินสมรสย่อมมีภาระการพิสูจน์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2759/2539 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินและสินสมรส: ภาระการพิสูจน์ของจำเลย
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด ย่อมได้รับการสันนิษฐานว่าผู้มีชื่อในโฉนดเป็นเจ้าของที่ดินนั้น จำเลยอ้างว่าจำเลยถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินแทนบุคคลอื่น จำเลยย่อมมีภาระการพิสูจน์
จำเลยซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทมาระหว่างสมรสกับโจทก์โจทก์ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. มาตรา 1474 วรรคสองจำเลยกล่าวอ้างว่าที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างมิใช่สินสมรสย่อมมีภาระการพิสูจน์
of 127