พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2594/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่านา: สิทธิผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา และความรับผิดของผู้รับโอนกรรมสิทธิ์
โจทก์ทำนาของจำเลย ค่าพันธุ์ข้าวปลูกโจทก์จำเลยออกกันคนละกึ่งส่วนค่าใช้จ่ายอย่างอื่นโจทก์เป็นผู้ออก ผลประโยชน์ที่ได้จากการทำนาแบ่งกันคนละครึ่ง โจทก์จะทำนาได้มากน้อยเท่าใดแล้วแต่ความสามารถของโจทก์ จำเลยมิได้กำหนดกฎเกณฑ์หรือสั่งการและควบคุมโจทก์ ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยดังกล่าวไม่อยู่ในฐานะนายจ้างลูกจ้าง
การที่จำเลยยอมให้โจทก์ใช้นาพิพาทของจำเลยเพื่อทำนาโดยจำเลยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นข้าวอันเป็นผลผลิตจากการทำนา เช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 แล้ว แม้การเช่าจะมิได้กำหนดเวลากันไว้ก็ตาม ก็ถือว่าการเช่านารายนี้มีกำหนดเวลา 6 ปีตามมาตรา 5 แห่งกฎหมายดังกล่าว จำเลยจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องให้โจทก์เช่าจนครบ 6 ปี
แม้ว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการควบคุมการเช่านาจะยังไม่ถึงที่สุดเมื่อสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยยังไม่สิ้นสุด และจำเลยขัดขวางมิให้โจทก์เข้าทำนาตามสิทธิ์ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์จะอ้างว่าตนเข้าครอบครองนาพิพาทระหว่างรอคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์หาได้ไม่
เดิมโจทก์เช่านาพิพาทกับจำเลยคนหนึ่ง ต่อมาจำเลยคนนั้นโอนนาพิพาทไปให้จำเลยอีกคนหนึ่ง จำเลยผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของจำเลยคนก่อนที่มีต่อโจทก์ผู้เช่านา ตามมาตรา 29 แห่งกฎหมายดังกล่าว จำเลยผู้รับโอนจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
แม้จำเลยคนหนึ่งจะไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งให้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมร่วมกับจำเลยอีกคนหนึ่งผู้ซึ่งจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
การที่จำเลยยอมให้โจทก์ใช้นาพิพาทของจำเลยเพื่อทำนาโดยจำเลยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นข้าวอันเป็นผลผลิตจากการทำนา เช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 แล้ว แม้การเช่าจะมิได้กำหนดเวลากันไว้ก็ตาม ก็ถือว่าการเช่านารายนี้มีกำหนดเวลา 6 ปีตามมาตรา 5 แห่งกฎหมายดังกล่าว จำเลยจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องให้โจทก์เช่าจนครบ 6 ปี
แม้ว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการควบคุมการเช่านาจะยังไม่ถึงที่สุดเมื่อสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยยังไม่สิ้นสุด และจำเลยขัดขวางมิให้โจทก์เข้าทำนาตามสิทธิ์ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์จะอ้างว่าตนเข้าครอบครองนาพิพาทระหว่างรอคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์หาได้ไม่
เดิมโจทก์เช่านาพิพาทกับจำเลยคนหนึ่ง ต่อมาจำเลยคนนั้นโอนนาพิพาทไปให้จำเลยอีกคนหนึ่ง จำเลยผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของจำเลยคนก่อนที่มีต่อโจทก์ผู้เช่านา ตามมาตรา 29 แห่งกฎหมายดังกล่าว จำเลยผู้รับโอนจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
แม้จำเลยคนหนึ่งจะไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งให้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมร่วมกับจำเลยอีกคนหนึ่งผู้ซึ่งจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2298/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับสัญญาเช่าช่วงเมื่อผู้เช่าเดิมเสียชีวิต และสิทธิของผู้เช่าใหม่ที่ไม่ปรากฏนิติสัมพันธ์
แม้จำเลยจะได้เช่าช่วงนาพิพาทจากนายผลบิดาโจทก์ โดยวัดเครือวัลย์วรวิหารเจ้าของนายินยอมก็ตาม แต่เมื่อนายผลบิดาโจทก์ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ.2516 การเช่าระหว่างวัดเครือวัลย์วรวิหารกับนายผลได้ระงับลง มีผลให้การเช่าช่วงนาพิพาทของจำเลยระงับไปด้วย ขณะนายผลถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ.2516 นั้น พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ยังมิได้ประกาศใช้บังคับ จึงไม่อาจนำผลบังคับตามกฎหมายใหม่ไปใช้ได้ ครั้นโจทก์ได้เป็นผู้เช่าประจำปี พ.ศ.2517, 2518 เป็นสิทธิเฉพาะตัวของโจทก์ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เช่านาพิพาทกับโจทก์ โจทก์จำเลย (ย่อม)ไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2298/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับสิ้นสัญญาเช่าช่วงเมื่อผู้เช่าเดิมถึงแก่กรรม และสิทธิของผู้เช่าใหม่ที่ทำสัญญาโดยตรงกับเจ้าของที่ดิน
แม้จำเลยจะได้เช่าช่วงนาพิพาทจากนายผลบิดาโจทก์ โดยวัดเครือวัลย์วรวิหารเจ้าของนายินยอมก็ตาม แต่เมื่อนายผลบิดาโจทก์ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ.2516 การเช่าระหว่างวัดเครือวัลย์วรวิหารกับนายผลได้ระงับลง มีผลให้การเช่าช่วงนาพิพาทของจำเลยระงับไปด้วย ขณะนายผลถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ.2516 นั้น พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ยังมิได้ประกาศใช้บังคับจึงไม่อาจนำผลบังคับตามกฎหมายใหม่ไปใช้ได้ ครั้นโจทก์ได้เป็นผู้เช่าประจำปี พ.ศ.2517, 2518 เป็นสิทธิเฉพาะตัวของโจทก์เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เช่านาพิพาทกับโจทก์ โจทก์จำเลย (ย่อม) ไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกันจำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1103/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่านาสิ้นสุดก่อนบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ไม่อยู่ในบังคับมาตรา 28(4)
การเช่านาสิ้นสุดลงก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ใช้บังคับ กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 46 และไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 5 ที่ให้ถือว่าการเช่านามีกำหนด 6 ปี เพราะมาตรา 5 เป็นบทบัญญัติทั่วไปให้บังคับแก่การเช่านาภายหลังพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ใช้บังคับ
ในขณะเกิดเหตุ ผู้เสียหายมิใช่ผู้เช่านาจากจำเลย จะนำมาตรา 28(4) บังคับแก่จำเลยมิได้
ในขณะเกิดเหตุ ผู้เสียหายมิใช่ผู้เช่านาจากจำเลย จะนำมาตรา 28(4) บังคับแก่จำเลยมิได้