คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 ม. 15

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 83 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4211/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำหน่ายยาเสพติดจำนวนมาก ศาลฎีกายืนโทษประหารชีวิต แม้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
จำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวนมากถึง 110,000 เม็ดน้ำหนัก 10,496.92 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ถึง 1,044.916 กรัม แม้ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาจะได้มี พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และให้ใช้ความใหม่แทนก็ตาม แต่เมทแอมเฟตามีนของกลางมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 20 กรัม ขึ้นไปกฎหมายที่แก้ไขใหม่ตามมาตรา 66 วรรคสาม ไม่เป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบังคับแก่จำเลย
การที่จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตลอดมาตั้งแต่ชั้นจับกุม ชั้นสอบสวนจนถึงชั้นพิจารณาของศาล เป็นเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานที่เจ้าพนักงานตำรวจผู้ล่อซื้อจับกุมจำเลยที่ 2 ได้ขณะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้และมาเบิกความยืนยันความผิดของจำเลยที่ 2 ด้วยตนเอง จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3640/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบวกโทษคดีเก่าในคดีปัจจุบัน และการใช้กฎหมายใหม่ที่เป็นคุณต่อจำเลย
แม้ขณะที่ศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการโดยมิได้ให้การถึงคำพิพากษาอันถึงที่สุดในคดีก่อนที่โจทก์ขอให้บวกโทษก็ตาม ก็ถือได้ว่า จำเลยได้รับว่าเคยถูกศาลพิพากษาจำคุกและรอการลงโทษไว้จริงตามฟ้องด้วย ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยและบวกโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 642/2542 เข้ากับคดีนี้แล้ว จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษและกล่าวถึงเรื่องที่จำเลยถูกจับไปดำเนินคดีตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 642/2542 ของศาลชั้นต้นอันเป็นการยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับจำเลยในคดีอาญาดังกล่าวอีกด้วย ดังนั้น ศาลชั้นต้นจึงบวกโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 642/2542 เข้ากับคดีนี้ได้
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5)ฯมาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ และให้ใช้ข้อความใหม่แทน โดยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง มาตรา 15 วรรคหนึ่ง ทั้งตามกฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่คงใช้ข้อความทำนองเดียวกัน ดังนั้น กฎหมายที่แก้ไขใหม่จึงไม่เป็นคุณแก่จำเลยในส่วนนี้ส่วนกำหนดโทษนั้นตามกฎหมายเดิมมาตรา 67 มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาทสำหรับกฎหมายที่แก้ไขใหม่มาตรา 67 มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จะเห็นได้ว่าตามกฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่มีระวางโทษจำคุกเท่ากันและตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่จะมีระวางโทษปรับสูงกว่าโทษปรับตามกฎหมายเดิม แต่ก็เป็นการบัญญัติให้ลงโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจากกฎหมายเดิมที่กำหนดให้ลงโทษจำคุกและปรับเท่านั้น ต้องถือว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่าในส่วนที่เกี่ยวกับโทษ ซึ่งมีหลายสถานที่จะลงได้ จึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่ในส่วนที่เป็นคุณบังคับแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงมีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1041/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดพยายามส่งยาเสพติด: ข้อจำกัดการใช้บทลงโทษกฎหมายพิเศษเมื่อมิได้ระบุในคำฟ้อง
พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯมาตรา 7 เป็นกฎหมายพิเศษที่กำหนดให้ผู้พยายามกระทำความผิดต้องระวางโทษเท่ากับความผิดสำเร็จ เมื่อโจทก์มิได้อ้างมาตราดังกล่าวมาในคำขอท้ายฟ้อง ต้องถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ แม้โจทก์จะระบุในคำขอท้ายฟ้องว่าตั๋วโดยสารเครื่องบินของกลาง โจทก์จะดำเนินการขอริบตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯมาตรา 30 ต่อไป ก็หามีความหมายเป็นการขอให้ลงโทษตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ กรณีไม่อาจนำบทบัญญัติดังกล่าวมาปรับบทลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานนำเข้ายาเสพติดฯ ความร่วมมือแบ่งหน้าที่ และการใช้กฎหมายในขณะกระทำผิด
จำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นมาหาจำเลยที่ 2 ที่จังหวัดเชียงรายเพื่อติดต่อขอซื้อเมทแอมเฟตามีน โดยให้จำเลยที่ 2 ไปซื้อเมทแอมเฟตามีนที่อำเภอท่าขี้เหล็กประเทศสหภาพพม่า หลังจากนั้นจำเลยที่ 2 นัดจำเลยที่ 1 มารับของที่ตึกแถวเกิดเหตุ จำเลยที่ 3 ก็นำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรตามที่จำเลยที่ 1ต้องการ โดยผ่านทางจำเลยที่ 2 ผู้ติดต่อซื้อ จึงเป็นกรณีที่จำเลยที่ 3 นำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรโดยการแบ่งหน้าที่กันทำ ต้องตามคำนิยามคำว่า "นำเข้า"ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ แล้ว ซึ่งการนำหรือสั่งเข้ามานี้ผู้กระทำผิดมิได้มีเฉพาะตัวจำเลยที่ 3 เพราะความผิดฐานนี้มิได้อาศัยสภาพจิตใจหรือคุณสมบัติเฉพาะตัวของบุคคล หรือแนวเขตแดนเป็นสำคัญ มิฉะนั้นแล้ว ผู้ที่ร่วมกันไปซื้อเมทแอมเฟตามีนจากต่างประเทศ แล้วให้ผู้อื่นถือเข้ามาในประเทศโดยผู้ร่วมกระทำผิดนั้นมารอรับเมทแอมเฟตามีนในประเทศจะไม่มีความผิดไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 352/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่โจทก์พิสูจน์ความผิดจำเลย, พยานหลักฐานสนับสนุนฟ้อง, การใช้กฎหมายอาญาที่เปลี่ยนแปลง
ในคดีอาญาเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธ เป็นหน้าที่ของโจทก์โดยตรงที่จะต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อสนับสนุนฟ้องและพิสูจน์ให้ได้ความชัดแจ้งว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา แม้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 จะบัญญัติให้ถ้อยคำของจำเลยหรือผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนอาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้ก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงพยานหลักฐานของโจทก์อย่างหนึ่งที่จะนำสืบสนับสนุนฟ้องเท่านั้น ทั้งเป็นเพียงพยานบอกเล่าจึงมีน้ำหนักน้อยเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณา โจทก์มีหน้าที่จะต้องนำพยานเข้าสืบให้เห็นโดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยมีพฤติการณ์ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจริงตามฟ้องลำพังแต่เพียงเจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบเมทแอมเฟตามีนที่ตัวจำเลย แม้จะมีจำนวนค่อนข้างมากก็ยังไม่มีน้ำหนักพอที่จะรับฟังว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5299/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายยาเสพติดสำเร็จ แม้ตำรวจจะตรวจพบยาไม่ครบจำนวนตามตกลง และการปรับบทลงโทษสำหรับจำเลยที่ไม่ได้ฎีกา
ตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกันจำนวน 8,000 เม็ด ราคา 400,000 บาท แต่จำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบถุงเมทแอมเฟตามีนของกลางซึ่งมีจำนวน 6,800 เม็ด แก่เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งไม่ตรงตามที่ตกลงซื้อขายกัน และเจ้าพนักงานตำรวจได้รับมอบมาแล้วถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางอันเป็นความผิดสำเร็จแล้ว แม้ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจะตรวจนับพบว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางยังขาดจำนวนตามที่ตกลงกันไว้ และได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้จำเลยที่ 1 ถือไว้โดยทำทีที่จะนับเงินให้ตามจำนวนราคาเมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยที่ 1 บอกก็เพื่อถ่วงเวลาหาโอกาสส่งสัญญาณให้เจ้าพนักงานตำรวจที่ซุ่มดูเพื่อเข้าจับกุมจำเลยที่ 1 กับพวก ที่ร่วมกันกระทำความผิดก็ตาม ก็หาทำให้การกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 กับพวก ซึ่งเป็นความผิดสำเร็จแล้ว กลับกลายเป็นเพียงความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางไม่
การปรับบทความผิดและลงโทษเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 2 ไม่ได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาตลอดถึงจำเลยที่ 2 ด้วยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4776/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายยาเสพติด: การส่งมอบระหว่างผู้กระทำผิดไม่ถือเป็นการจำหน่าย และผลกระทบของกฎหมายที่แก้ไขใหม่ต่อโทษ
การที่ ส. เป็นผู้ใช้ให้จำเลยไปซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางนั้น ฟังได้เพียงว่าจำเลยซื้อและครอบครองเมทแอมเฟตามีนแทน ส. เท่านั้น ส่วนการที่จำเลยนำเมทแอมเฟตามีนที่ซื้อมาดังกล่าวไปให้ ส. ในภายหลัง ก็เป็นการส่งมอบระหว่างผู้กระทำผิดด้วยกันเอง หาใช่การให้อันจะถือว่าเป็นการจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 4 ไม่
ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน โดยในมาตรา 67 ที่แก้ไขใหม่ได้กำหนดปริมาณเมทแอมเฟตามีนที่คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไว้ว่าต้องมีไม่ถึงปริมาณที่กำหนดตามมาตรา 15 วรรคสาม(2) คือ 375 มิลลิกรัม อันเป็นการแตกต่างจากที่กำหนดไว้ในมาตรา 67 เดิม ซึ่งจะต้องมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 20 กรัม ดังนั้น กฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดจึงไม่เป็นคุณแก่จำเลยในส่วนนี้ ส่วนกำหนดโทษนั้นตามกฎหมายเดิมให้ลงโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท สำหรับกฎหมายที่แก้ไขใหม่กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนี้ แม้ตามกฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่มีระวางโทษจำคุกเท่ากันและตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่จะได้กำหนดโทษปรับสูงกว่าโทษปรับตามกฎหมายเดิม แต่ก็เป็นการบัญญัติให้ลงโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจากกฎหมายเดิมที่กำหนดให้ลงโทษจำคุกและปรับเท่านั้น จึงต้องถือว่ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างจากกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิด และกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดเป็นคุณมากกว่าในส่วนที่เกี่ยวกับโทษซึ่งมีหลายสถานที่จะลงได้ ส่วนโทษปรับนั้นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดเป็นคุณมากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยไม่ว่าในทางใดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงมีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง และประเด็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
การกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เป็นความผิดที่เกิดขึ้นและมีอยู่ต่อเนื่องกันไปตลอดเวลา นับตั้งแต่เมื่อบุคคลผู้นั้นได้ยึดถือเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจนกระทั่งขนเคลื่อนย้ายไป คดีนี้ปรากฏว่าคนร้ายซึ่งมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองมาจ้างจำเลยให้ขับรถยนต์ไปส่งยังจุดหมายปลายทาง โดยจำเลยรู้จักคนร้ายเป็นอย่างดีและรู้ว่าเมทแอมเฟตามีนของกลาง 1,000 เม็ด คนร้ายจะนำไปจำหน่ายที่จังหวัดเชียงใหม่ การที่จำเลยรับจ้างขับรถยนต์เพื่อส่งคนร้ายโดยมียาเสพติดให้โทษนั้นอยู่ในความยึดถือหรือความปกครองดูแลของจำเลยด้วยถือว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครอง เมื่อจำเลยกับคนร้ายกระทำร่วมกันเพื่อให้บรรลุตามความประสงค์โดยการกระทำแต่ละขั้นตอนเป็นสาระสำคัญก่อให้เกิดเป็นความผิดขึ้น การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นตัวการมิใช่เป็นผู้สนับสนุน
การที่จำเลยขับรถยนต์มาถึงด่านตรวจ เจ้าพนักงานตำรวจให้สัญญาณหยุดรถเพื่อขอตรวจค้น จำเลยไม่ยอมหยุดและขับรถเลยไปจนต้องมีการไล่ติดตามเพื่อสกัดจับและจำเลยดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากการจับกุมนั้น เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของการจะหลบหนี เมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1998/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมียาเสพติดและอาวุธปืน การลงโทษกระทงความผิด และเหตุรอการลงโทษ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิด 2 กระทง เมื่อศาลลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายไปแล้วก็ควรจะลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้เป็นอย่างเดียวกันไม่ควรรอการลงโทษให้จำเลยเพราะจะเป็นการลักลั่นไม่เหมาะสมที่กระทงหนึ่งลงโทษจำคุก แต่อีกกระทงหนึ่งรอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินจากคดียาเสพติด: พิจารณาฐานะทางเศรษฐกิจและที่มาของทรัพย์สิน
ผู้คัดค้านที่ 1 มีอาชีพค้าขายโคกระบือ แต่ในบัญชีเงินฝากของผู้คัดค้านที่ 1 มีรายการฝากแต่ละครั้งเป็นเงินจำนวนมาก บางครั้งมากถึง 500,000 บาท และแม้ผู้คัดค้านที่ 1 จะอ้างว่าตนเป็นเจ้ามือสลากกินรวบมีรายได้ประมาณเดือนละ 50,000บาท ถึง 70,000 บาท ก็มิใช่อาชีพสุจริตที่จะอ้างถึงมูลเหตุการได้มาซึ่งทรัพย์สินของตนได้ ประกอบกับทรัพย์สินที่ถูกคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินยึดและอายัดไว้นั้น นอกจากเงินสด 343,340 บาทแล้ว ล้วนแต่เป็นทองรูปพรรณและอัญมณีจำนวนมากถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่มีอยู่หรือได้มาเกินกว่าฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพโดยสุจริต จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ มาตรา 29 วรรคท้าย
ส่วนผู้คัดค้านที่ 2 แม้ว่าศาลจะพิพากษายกฟ้องและคดีถึงที่สุดแล้ว ทำให้ไม่สามารถริบทรัพย์สินของผู้คัดค้านที่ 2 ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ก็ตาม แต่เมื่อผู้คัดค้านทั้งสองเป็นสามีภริยากัน และศาลลงโทษผู้คัดค้านที่ 1 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้ว ซึ่งผู้คัดค้านที่ 2 ก็รับว่าเป็นเพียงแม่บ้านมีหน้าที่ดูแลบุตรเท่านั้น ผู้คัดค้านที่ 2 จึงไม่มีอาชีพใดที่จะสามารถมีเงินได้เพื่อนำไปซื้อทรัพย์สินมีค่าเหล่านั้น แต่กลับมีเงินในบัญชีเงินฝากสูงสุดถึง340,000 บาท ทรัพย์สินอื่นก็ล้วนแต่เป็นทองรูปพรรณและอัญมณีจำนวนมากถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่มีอยู่เกินฐานะหรือความสามารถของผู้คัดค้านที่ 2 จึงเห็นได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของผู้คัดค้านที่ 1 ที่ได้มาเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ศาลจึงมีอำนาจริบทรัพย์สินนั้นได้
of 9