คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 ม. 66

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 74 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4288/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: พยานหลักฐานไม่เพียงพอ ศาลแก้เป็นครอบครองเพื่อเสพ
จำเลยครอบครองยาเสพติดให้โทษของกลางซึ่งบรรจุอยู่ในหลอดพลาสติก จำนวน32 หลอด ซึ่งลักษณะของการบรรจุเป็นการสะดวกแก่การจำหน่าย จะสันนิษฐานในทางที่เป็นผลร้ายแก่จำเลยว่า จำเลยเป็นผู้แบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางบรรจุในหลอดพลาสติกเพื่อเตรียมจำหน่ายให้แก่ผู้อื่นโดยไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนไม่ได้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ด้วยการแบ่งบรรจุในหลอดพลาสติกผนึกหัวท้าย แล้วมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 ความผิดตามฟ้องย่อมรวมถึงการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 67อยู่ด้วย ถือได้ว่าความผิดตามฟ้องรวมการกระทำหลายอย่าง แต่ละอย่างอาจเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในข้อหาซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสุดท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4257/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเงินที่ได้จากการจำหน่ายยาเสพติด ต้องมีพยานหลักฐานยืนยันแหล่งที่มาของเงิน หากจำเลยปฏิเสธการจำหน่าย ศาลต้องฟังพยานหลักฐานอื่นประกอบ
จำเลยให้การรับสารภาพว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง เพื่อเสพ แต่ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ตามที่โจทก์ฟ้อง มีผลเท่ากับจำเลยให้การปฏิเสธรวมไปถึง เงินจำนวน 800 บาท ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยได้มาจากการจำหน่าย เมทแอมเฟตามีนจำนวนอื่นด้วยนั่นเอง รูปคดีทำให้โจทก์ มีหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานมานำสืบให้ได้ความชัดว่าเงินจำนวน 800 บาท นั้นจำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำนวนอื่นจริงดังที่โจทก์อ้าง แต่โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใด นอกจากอ้างถึงคำรับของจำเลยในชั้นจับกุมและสอบสวนเท่านั้น ซึ่งข้ออ้างของโจทก์ดังกล่าวจำเลยได้ให้การปฏิเสธ และเบิกความปฏิเสธในชั้นพิจารณาสืบพยานจำเลยทั้งสิ้น โดยที่โจทก์ไม่สามารถถามค้านเพื่อให้เห็นเป็นอย่างอื่นได้ เพียงเท่านี้คดีโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าเงินจำนวน 800 บาท เป็นเงินที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำนวนอื่นดังที่โจทก์อ้าง จึงริบไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้สนับสนุนการส่งยาเสพติดข้ามชาติ: การปรับบทลงโทษตาม พ.ร.บ. มาตรการปราบปรามยาเสพติด
การที่จำเลยที่ 3 เป็นล่ามให้จำเลยที่ 6 ในการติดต่อ ซื้อเฮโรอีนของกลาง โดยจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 นั่งเรือหางยาว พร้อมกันไปขึ้นเรือของกลาง เมื่อเรือของกลางแล่นไปใน ทะเลได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ได้มีเรือหางยาวนำเฮโรอีนของกลาง บรรจุห่อ พี.วี.ซี.3 ท่อน และใส่กระสอบปุ๋ยนำมาขึ้นเรือ ของกลาง จำเลยที่ 3 กับพวกก็ช่วยกันขนเฮโรอีน ของกลางขึ้นเรือของกลาง จำเลยที่ 6 เป็นชาวไต้หวันมีวิทยุมือถือ 1 เครื่องน่าเชื่อว่ามีไว้เพื่อติดต่อกับพวกในการนำเฮโรอีนออกนอก ราชอาณาจักรไทย และการที่ จ. ผู้ควบคุมเรือของกลางเตรียมเสบียงอาหารไว้รับประทานขณะเดินทางในทะเลเป็นเวลานาน ถึงหนึ่งเดือนและมีน้ำมันโซล่า ถังละประมาณ 200 ลิตร มีจำนวน มากถึง 25 ถัง ทั้งสภาพของเรือเป็นเรือประมงใช้สำหรับหาปลา ในทะเลมิใช่เรือสำหรับใช้ท่องเที่ยว แสดงว่าจำเลยที่ 6 กับ จำเลยที่ 4และพวกเตรียมขนเฮโรอีนของกลางจำนวนมากเดินทาง ออกนอกราชอาณาจักรไทยไปยังเกาะไต้หวันซึ่งเป็นดินแดนที่จำเลยที่ 6 พักพำ นักอยู่หรือประเทศใกล้เคียง ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 6 กับพวกจะจำหน่ายเฮโรอีนให้แก่ลูกค้าภายในประเทศไทย จำเลยที่ 6 กับพวกได้นำเฮโรอีนของกลางบรรทุกในเรือและอยู่ในระหว่างการเดินทางออกนอกราชอาณาจักรแต่ยัง ไม่พ้นน่านน้ำไทย จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 4 และที่ 6 กับพวกร่วมกัน พยายามส่งเฮโรอีนของกลางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย โดยมีจำเลยที่ 3 เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวก ในการที่จำเลยที่ 4 และที่ 6 กับพวกกระทำความผิดดังกล่าว ก่อนหรือขณะกระทำความผิด จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดฐานเป็น ผู้สนับสนุน จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 แต่ตามมาตรา 6(1) แห่งพระราชบัญญัติ มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 เป็นกฎหมายพิเศษ ซึ่งกำหนดโทษให้ผู้สนับสนุนหรือ ช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดต้องระวางโทษ เช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น บทบัญญัติตาม มาตรา 6(1) จึงเป็นกฎหมายที่เป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 3 อันมีผลทำให้ จำเลยที่ 3 ต้องได้รับโทษสูงขึ้นกว่าการเป็นผู้สนับสนุน โดยทั่วไป จึงต้องตีความโดยเคร่งครัด แม้โจทก์จะอ้างว่า จำเลยที่ 3 เป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิดกับจำเลยอื่น แต่โจทก์ก็มิได้อ้างมาตรา 6(1) ตามกฎหมายดังกล่าวมาในคำขอ ท้ายฟ้อง ถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษตามบทบัญญัติ มาตราดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ ดังนั้น หาใช่ต้องปรับบทลงโทษจำเลยที่ 3 ตามมาตรา 6(1) แห่งพระราชบัญญัติ มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ ด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 714/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกความผิดครอบครองเพื่อจำหน่ายกับจำหน่ายยาเสพติด และการริบของกลางตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
การมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนลักษณะของการกระทำ แตกต่างและต่างขั้นตอนกัน สามารถแยกการกระทำแต่ละอย่างต่างหากจากกันได้ ทั้งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 ก็ไม่ได้นิยามความหมายของคำว่า จำหน่าย ให้มีความหมายรวมถึงการมีไว้ในครอบครองเพื่อ จำหน่ายด้วยแสดงว่าพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯมุ่งประสงค์จะลงโทษการมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษทั้งสองกรณีจึงเป็นความผิดสองกรรม โจทก์มีคำขอให้ริบของกลางคือธนบัตร จำนวน 500 บาทที่จำเลยทั้งสองทอนให้เจ้าพนักงานตำรวจผู้ทำการล่อซื้อแต่ศาลล่างมิได้มีคำวินิจฉัยว่าจะริบหรือไม่ริบธนบัตรดังกล่าวคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(9) แม้คู่ความจะมิได้ฎีกาในปัญหานี้ แต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองประกอบมาตรา 225 และธนบัตรจำนวน 500 บาทดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ จึงต้องริบเสียตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 102 การริบทรัพย์สินนี้แม้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18 จะบัญญัติว่าเป็นโทษสถานหนึ่ง แต่เป็นโทษที่มุ่งถึงตัวทรัพย์เป็นสำคัญต่างกับโทษสถานอื่น ศาลฎีกาจึงมีอำนาจสั่งริบของกลางได้ มิใช่เป็นการ เพิ่มเติมโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีเกี่ยวกับยาเสพติด และการพิจารณาว่าการกระทำเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำฟ้องโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะมิได้บรรยายถึงว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เป็นสารบริสุทธิ์มีน้ำหนักเท่าใด ก็หาทำให้กลายเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) ไม่ เพราะข้อความดังกล่าวเป็นเรื่องที่จะ นำสืบในชั้นพิจารณาเพื่อประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลเท่านั้น การที่จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับโดย จำหน่ายหมดในคราวเดียวกันไม่มีเมทแอมเฟตามีนเหลืออยู่ ที่จำเลยอีก เป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน อันเป็นกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกกระทงความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ
ข้อเท็จจริงซึ่งฟังเป็นยุติในศาลอุทธรณ์ได้ความว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมยาเสพติดให้โทษของกลางและยาเสพติดให้โทษชนิด 3,4 เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เจ้าพนักงานตำรวจตรวจยึดได้ในคดีนี้มีจำนวน 6 เม็ด โดยจำเลยจำหน่ายให้แก่สายลับจำนวน 3 เม็ด ส่วนอีก 3 เม็ด ตรวจค้นพบซ่อนอยู่ในช่องเสียบแผ่นซี ดี จึงเห็นได้ชัดว่า ลักษณะของการกระทำของจำเลยแตกต่างกัน ต่างขั้นตอนกัน สามารถแยกการกระทำแต่ละอย่างต่างหากกันได้ ทั้งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 ก็มิได้นิยามความหมายของคำว่า จำหน่าย ให้มีความหมายรวมถึง การมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วย แสดงว่า พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มุ่งประสงค์จะลงโทษการมี ยาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษทั้งสองกรณี ดังนั้น เมื่อจำเลยมียาเสพติดให้โทษ ชนิด 3,4 เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนอีกกระทงหนึ่งการกระทำของจำเลยจึงมิได้เป็นความผิดกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกฟ้องอาญาเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอและมีความสงสัยตามสมควรในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
มูลเหตุที่เจ้าพนักงานไปตรวจค้นบ้านที่เกิดเหตุ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีการมั่วสุม เสพเมทแอมเฟตามีนและลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่บ้านดังกล่าว และในวันเกิดเหตุเจ้าพนักงานได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมที่บ้านดังกล่าวอีกและมีเมทแอมเฟตามีนอยู่เป็นจำนวนมากโดยไม่ปรากฏว่ามีการ ร้องเรียนหรือกล่าวหาว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมกันลักลอบ จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เหตุที่จับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เนื่องจากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 อยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการ สอบถาม จำเลยที่ 1 รับว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้านที่จำเลยที่ 1 เช่าอยู่อาศัยโดยจำเลยที่ 1 มิได้ให้การพาดพิงหรือซัดทอด ถึงจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 อันจะพอบ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดด้วย จำเลยที่ 1 ให้การในทันทีทันใดเมื่อถูกเจ้าพนักงานสอบถามไม่มีเวลา ไตร่ตรองเพื่อช่วยเหลือหรือปรักปรำผู้ใด เชื่อว่าจำเลยที่ 1 ให้การไปตามความสัตย์จริง คำให้การของจำเลยที่ 1 ในขณะนั้นจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ ทั้งในชั้นพิจารณา จำเลยที่ 1 ก็ยังยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5มาบ้านจำเลยที่ 1 เพื่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1ไว้เพื่อเสพเท่านั้น ดังนั้น แม้จะจับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5ได้ในขณะอยู่ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในที่เกิดเหตุ แต่ตามพฤติการณ์ และพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ ยังมีความสงสัยตามสมควรว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิด ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้ รับอนุญาตหรือไม่ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้น ให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยครอบครองยาเสพติดจำนวนมาก เตรียมแบ่งขาย ศาลยืนโทษจำคุก
พยานโจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ปฏิบัติราชการไปตามหน้าที่ และไม่เคยรู้จักจำเลยที่ 3 กับพวกมาก่อนไม่มีเหตุให้ต้องระแวงสงสัยว่าจะแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลย นอกจากนี้ตามคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกศ.และสิบตำรวจตรีพ.ยังตรงกันว่า เมื่อไปถึงบ้านที่เกิดเหตุปรากฏว่าประตูหน้าต่างบ้านนั้นปิดทั้งหมด ซึ่งหากในวันนั้นมีการ เปียแชร์ดังที่จำเลยที่ 3 ต่อสู้ ก็ไม่น่าจะต้องมีการปิด ประตูหน้าต่างกันแต่อย่างใด ทั้งเมื่อร้อยตำรวจเอกศ. เรียกให้เปิดประตูหน้าบ้าน จำเลยที่ 3 ก็วิ่งหนีออกไป ทางหลังบ้าน โดยในมือกำ ถุงพลาสติกบรรจุเมทแอมเฟตามีน 5 เม็ด และพวกของจำเลยที่ 3 อีก 2 คน ต่างก็มีเมทแอมเฟตามีนบรรจุ อยู่ในถุงพลาสติกคนละ 1 ใบ โดยเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 3 กับพวกครอบครองไว้นั้นมีลักษณะเช่นเดียวกับเมทแอมเฟตามีน จำนวน 300 เม็ด ที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีแดง และหลอด พลาสติกสีเหลืองที่วางอยู่บริเวณพื้นกลางบ้านที่เกิดเหตุ น่าเชื่อว่าเมทแอมเฟตามีนที่จับได้ที่จำเลยที่ 3 กับพวกนั้น เป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 3 กับพวกแต่ละคนแบ่งแยก ไปจากเมทแอมเฟตามีนที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีแดงและใน หลอดพลาสติกสีเหลือง การที่จำเลยที่ 3 กับพวกแบ่งแยกใส่ ถุงพลาสติกถุงละ 5 เม็ด หรือ 10 เม็ด ก็เพื่อความสะดวก ในการจำหน่าย จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 กับพวกร่วมกันมี เมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7579/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย แม้คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 20 กรัม ก็มีโทษได้ และการรับสารภาพเป็นเหตุบรรเทาโทษ
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง เป็นเพียงบทบัญญัติสันนิษฐานเด็ดขาดว่า หากมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ 20 กรัม ขึ้นไป ให้ถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเท่านั้น มิได้หมายความว่า หากยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้น้อยกว่านั้นแล้ว จะลงโทษจำเลยฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่ได้ เมื่อจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์น้อยกว่า 20 กรัม ก็ตาม ย่อมลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าวได้
แม้ข้อนำสืบของจำเลยจะไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษก็ตาม แต่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนและศาลล่างทั้งสองก็ยกเอาคำให้การดังกล่าวของจำเลยขึ้นมาฟังประกอบการวินิจฉัยด้วย ดังนี้ ถือได้ว่าคำให้การของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นการให้ความรู้แก่ศาล อันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว สมควรลดโทษให้แก่จำเลย ถึงแม้จำเลยจะมิได้ฎีกาปัญหาข้อนี้ขึ้นมา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและลดโทษให้แก่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7279/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สนับสนุนการมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แม้ไม่มีตัวการ ศาลพิจารณาจากคำรับสารภาพและลดโทษได้
จำเลยยินยอมให้ พ. นำเฮโรอีนไปซุกซ่อนไว้ในที่ดินของจำเลยอันเป็นการให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ พ. กับพวกมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แม้โจทก์จะยังไม่ได้ฟ้อง พ. และยังไม่ได้ตัว น.ผู้ว่าจ้างให้ พ. ทำการซุกซ่อนเฮโรอีนมาดำเนินคดีก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นจากการเป็นผู้สนับสนุนไปได้
จำเลยกระทำความผิดต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคสอง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53 โทษที่ศาลล่างทั้งสองวางลงโทษจำเลยจากฐานจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษต่ำสุดที่บัญญัติไว้ในกฎหมายแล้ว จึงวางโทษจำคุกสถานเบากว่านี้อีกไม่ได้
คำให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนที่จำเลยให้การว่าได้อนุญาตให้ พ. นำเฮโรอีนไปซุกซ่อนในที่ดินของจำเลยเท่ากับจำเลยรับสารภาพในความผิดฐานสนับสนุนการมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและคำรับดังกล่าวนั้นได้ใช้ประกอบการวินิจฉัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดอันเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของศาล จึงสมควรลดโทษให้จำเลย
of 8