คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 ม. 66

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 74 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7185/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายจำนวนมากกระทบความมั่นคงชาติ ศาลฎีกาเพิ่มโทษจำคุก
จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษชนิด ร้ายแรงในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายถึง 380 เม็ด น้ำหนัก 34.550 กรัม คำนวณเป็น สารบริสุทธิ์ได้หนักถึง 8.886 กรัม ซึ่งถือได้ว่าเป็นจำนวนมากทั้งความผิดดังกล่าวเกี่ยวโยงกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศชาติโดยตรงเพราะผู้ที่ซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยไปเสพ นอกจากจะเกิดอันตรายแก่ตัวเองแล้ว ยังอาจจะเป็นอันตรายแก่บุคคลที่อยู่ ข้างเคียงเมื่อผู้เสพเกิดมีอาการเมาเมทแอมเฟตามีนได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำผิดที่ร้ายแรงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ลงโทษจำเลยโดยจำคุก 10 ปีและลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือ 5 ปี นั้นน้อยเกินไป ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดโทษจำเลยใหม่ให้หนักขึ้นเป็นจำคุก 20 ปีลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 10 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2777/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งบรรจุยาเสพติดเพื่อเสพเองไม่เป็นความผิดฐานผลิต หากไม่มีลักษณะร้ายแรง การแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่ายต้องพิจารณาข้อเท็จจริง
ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4คำว่า "ผลิต" ให้หมายความรวมตลอดถึงการแบ่งบรรจุด้วยนั้นต้องหมายถึงการกระทำอันมีลักษณะที่เป็นภัยอย่างร้ายแรงต่อสังคมในทำนองเดียวกับการเพาะ ปลูก ทำผสม ปรุง แปรสภาพเปลี่ยนรูป สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ส่วนการแบ่งบรรจุเพื่อความสะดวกในการใช้หรือเสพของตนเอง ย่อมมีเป็นธรรมดาของบุคคลที่ต้องการใช้เสพ ไม่มีลักษณะร้ายแรงดังเช่นที่กล่าวมา จึงไม่อยู่ในความหมายของคำว่า "ผลิต" ฉะนั้นการแบ่งบรรจุกรณีใดจะอยู่ในความหมายของคำว่า "ผลิต"ย่อมขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป หาใช่ว่าเมื่อมีการแบ่งบรรจุยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 แล้วต้องถือว่าเป็นความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เสมอไปไม่ เฮโรอีนของกลางที่ยึดได้จากจำเลยมีน้ำหนักเพียง 0.26 กรัมกรณีถือได้ว่าเป็นจำนวนเพียงเล็กน้อย การแบ่งบรรจุในหลอดกาแฟจำนวน 11 หลอด จะถือว่าเป็นจำนวนเกินสมควรยังไม่ถนัดทั้งจำเลยให้การในชั้นสอบสวนและชั้นศาลตลอดมาว่าจำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อเสพ แม้โจทก์จะนำสืบว่าเจ้าพนักงานตำรวจสืบทราบว่า จำเลยลักลอบขายยาเสพติดและลักลอบมั่วสุมเสพยาเสพติด จึงได้มีการออกหมายค้นที่อยู่อาศัยของจำเลยก็ตาม แต่เป็นเพียงคำเบิกความลอย ๆมิได้นำพยานแวดล้อมอื่นใดมาสืบประกอบว่าจำเลยมีพฤติการณ์ในการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ กรณียังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีพฤติการณ์ในการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ทั้งยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยแบ่งบรรจุยาเสพติดดังกล่าวเพื่อเผยแพร่ให้แก่ประชาชน จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตน้ำหนัก 0.26 กรัมนับว่ามีปริมาณไม่มาก และจำเลยให้การรับสารภาพว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพตลอดมาจนถึงชั้นศาลประกอบกับจำเลยถูกต้องขังในระหว่างสอบสวนและระหว่างพิจารณา ตลอดมาเป็นเวลาพอสมควรแล้วจึงสมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กฎหมายอาญาในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด: กฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิดมีผลเหนือกว่ากฎหมายที่ใช้ภายหลัง
ความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อขาย ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดเป็นความผิดตามมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง มีโทษตามมาตรา 89 คือต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 400,000 บาท แต่ข้อหาฐานมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 100 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิด เป็นความผิดตามมาตรา 15 วรรคสอง มีโทษตามมาตรา 66 วรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 50,000 บาทถึง 500,000 บาท เป็นกรณีที่กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดเช่นเดียวกันต้องใช้พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง,83 อันเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 วรรคหนึ่ง มาปรับบทลงโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาในคดีจำหน่ายยาเสพติดที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ทำให้จำเลยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง66 วรรคหนึ่งและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เรียงกระทงลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 5 ปีฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุกคนละ 5 ปี รวมจำคุกคนละ 10 ปีลดโทษให้จำเลยคนละหนึ่งในสามคงจำคุกคนละ 6 ปี 8 เดือนศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนโทษจำคุกแต่ละกระทงจึงไม่เกิน5 ปี คู่ความจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งจำเลยทั้งสองฎีกาว่า พยานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิด เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4183/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งบรรจุเฮโรอีนเป็นส่วนย่อยเพื่อสะดวกในการจำหน่าย ถือเป็นการ 'ผลิต' ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
เจ้าพนักงานตำรวจค้นพบเฮโรอีนบรรจุในหลอดกาแฟจำนวน28หลอดอยู่ในกล่องพลาสติกที่จำเลยถืออยู่และยังมีหลอดกาแฟเปล่าขนาดเดียวกันที่ตัดไว้โดยเปิดด้านหนึ่งอยู่อีกถึง33หลอดประกอบกับในชั้นจับกุมจำเลยรับสารภาพว่าซื้อเฮโรอีนมาแบ่งบรรจุในหลอดกาแฟและแสดงท่าบรรจุเฮโรอีนในหลอดกาแฟเปล่าให้เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับดูด้วยทั้งในชั้นสอบสวนจำเลยก็รับว่าหลอดกาแฟเปล่าเตรียมไว้เพื่อบรรจุเฮโรอีนพฤติการณ์ของจำเลยที่แบ่งเฮโรอีนออกเป็นส่วนย่อยและบรรจุลงในหลอดกาแฟดังกล่าวและยังมีหลอดกาแฟเปล่าขนาดเดียวกันจำนวนมากแม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นขั้นตอนที่จำเลยทำการแบ่งบรรจุใส่ในหลอดกาแฟแต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยกระทำเพื่อความสะดวกในการจัดจำหน่ายนั่นเองจึงฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดฐานผลิตเฮโรอีน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1870/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องข้อหาผลิตยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: ความชัดเจนของการระบุการกระทำผิด
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองผลิตเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายเพียงแต่บรรยายในฟ้องข้อก.ว่าจำเลยทั้งสองผลิตเฮโรอีนโดยวิธีแบ่งบรรจุส่วนฟ้องข้อ1ข.บรรยายว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีนจำนวน23หลอดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเท่านั้นหาได้หมายความว่าผลิตเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวเพื่อจำหน่ายไม่จึงลงโทษจำเลยในข้อหาผลิตเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: หลักฐานมัดตัวจำเลยจากสายลับ, การรับสารภาพ, และความน่าเชื่อถือของคำให้การ
สถานีรถไฟที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านหากเจ้าพนักงานตำรวจไม่ได้รับข้อมูลจากสายลับแล้วก็ยากที่จะจับคนร้ายได้เมื่อจำเลยเป็นผู้หิ้วกระเป๋าหนังสีดำซึ่งภายในมีเสื้อผ้าของจำเลยและเฮโรอีนของกลางบรรจุอยู่โดยเฉพาะม้านั่งที่จำเลยนั่งและนำกระเป๋าไปวางนั้นไม่มีบุคคลอื่นใดนั่งปะปนอยู่ด้วยประกอบกับหลังจากทำบันทึกการจับกุมแล้วได้มีการถ่ายรูปจำเลยพร้อมของกลางไว้เป็นหลักฐานจึงน่าเชื่อว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมด้วยความสมัครใจหาใช่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจบังคับให้ลงชื่อในบันทึกจับกุมโดยยังไม่ได้กรอกข้อความไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1306/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: พยานเจ้าหน้าที่เชื่อถือได้, การต่อสู้เรื่องสถานที่จับกุมไม่มีน้ำหนัก
พยานโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติการไปตามหน้าที่ไม่มีเหตุที่จะเบิกความเพื่อกลั่นแกล้งจำเลยที่1เชื่อได้ว่าเบิกความไปตามที่รู้เห็นจริงที่จำเลยที่1ต่อสู้คดีว่าจำเลยที่1ถูกจับที่บ้าน พ. และไม่ทราบว่าเจ้าพนักงานตำรวจนำเฮโรอีนของกลางมาจากไหนนั้นง่ายแก่การกล่าวอ้างจึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะรับฟังหักล้างคำเบิกความพยานโจทก์ได้ ขณะจับกุมจำเลยที่1ได้ร่วมนั่งอยู่กับจำเลยที่2และที่3ในรถยนต์เก๋งที่มีเฮโรอีนของกลางซุกซ่อนอยู่แสดงให้เห็นได้โดยแจ้งชัดว่าจำเลยที่1ร่วมกับจำเลยที่2และที่3มีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายเฮโรอีน: พยานหลักฐานแน่นหนาจากตำรวจและคำรับสารภาพของผู้ต้องหา
พยานโจทก์ทุกปากเป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติการตามหน้าที่ไม่ปรากฏว่าเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนจึงไม่มีเหตุระแวงว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลยพยานผู้ร่วมจับกุมต่างเบิกความสอดคล้องต้องกันในเรื่องธนบัตรของกลางที่ให้สายลับใช้ ล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยมีการภ่ายภาพและลงหมายเลขไว้ในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีซึ่งเป็นเอกสารทางราชการก่อนที่จะมอบให้สายลับไปดำเนินการเมื่อสายลับล่อซื้อเฮโรอีนมาได้พยานผู้ร่วมจับกุมได้ตรงไปยังบ้านจำเลยทันทีทำการตรวจค้นและพบธนบัตรดังกล่าวที่ตัวจำเลยขั้นตอนต่างๆเป็นไปในระยะเวลาใกล้ชิดต่อเนื่องกันจำเลยเบิกความว่าธนบัตรของกลางได้จากกระเป๋ากางเกงของจำเลยที่สวมใส่อยู่ขณะถูกตรวจค้นจริงเป็นการเจือสมกับ พยานหลักฐานของโจทก์ประกอบกับจำเลยได้ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนซึ่งเป็นระยะเวลาใกล้ชิดกับจำเลยถูกจับกุมคำรับของจำเลยจึงมีน้ำหนักในการรับฟังประกอบพยานหลักฐานของโจทก์ที่จำเลยอ้างว่าที่ให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเพราะถูกเจ้าพนักงานตำรวจทำร้ายมีแต่คำเบิกความลอยๆของจำเลยไม่มีน้ำหนักรับฟังได้น้ำหนักพยานหลักฐานของจำเลยไม่สามารถรับฟังหักล้างน้ำหนักพยานหลักฐานของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8456/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายยาเสพติดต้องสำเร็จการซื้อขาย หากยังไม่ส่งมอบ ถือเป็นความผิดพยายามจำหน่าย
เจ้าพนักงานตำรวจให้สายลับไปล่อซื้อเฮโรอีนเมื่อสายลับเข้าเจรจากับจำเลยเพื่อขอซื้อเฮโรอีนจำเลยรับเงินไว้ และไปนำเฮโรอีนจำนวน 2 หลอดจากที่ซ่อนเพื่อนำมาส่งมอบให้สายลับ จำเลยอยู่บริเวณสวนมะพร้าวห่างจากจุดที่สายลับรออยู่ประมาณ10 เมตร และจำเลยยังไม่ได้ส่งมอบเฮโรอีนให้แก่สายลับก็ถูกจับ การซื้อขายระหว่างจำเลยกับสายลับจึงไม่สำเร็จบริบูรณ์ จึงยังไม่เป็นความผิดฐานจำหน่าย เฮโรอีนสำเร็จ คงมีความผิดเพียงพยายามจำหน่ายเฮโรอีนเท่านั้น
of 8