พบผลลัพธ์ทั้งหมด 640 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประพฤติตนไม่เรียบร้อยในศาลและการละเมิดอำนาจศาล: ข้อความในอุทธรณ์ที่ดูหมิ่นเสียดสี
โจทก์อุทธรณ์มีข้อความว่า ศาลกระทำการอันไม่เป็นธรรมเข้าข้างฝ่ายจำเลยทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีข้อความเช่นนี้ในอุทธรณ์แสดงว่าโจทก์กล่าวไว้โดยเจตนาดูหมิ่นเสียดสีศาล เมื่อเอามายื่นต่อศาลถือได้ว่าประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นการกระทำละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1) แล้ว ศาลย่อมมีอำนาจสั่งลงโทษได้ทันที โดยไม่จำต้องออกข้อกำหนดตามมาตรา 30 ก่อน ดังเช่นเรื่องการรักษาความเรียบร้อยในบริเวณศาลและศาลไม่จำต้องสั่งให้โจทก์แก้ไขอุทธรณ์นั้นก่อนตามมาตรา 18 แม้ศาลจะมีคำสั่งให้โจทก์แก้ไขและโจทก์ทำอุทธรณ์ฉบับใหม่มายื่นต่อศาลแล้ว ก็เป็นเพียงแสดงว่าโจทก์รู้สึกผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายหาใช่การกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลยังมิได้เกิดขึ้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3152/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านผู้พิพากษาและการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการตุลาการตามกฎหมายพิเศษ
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์ที่คัดค้านผู้พิพากษาทุกคนที่จะทำการพิจารณาคดีโจทก์ในศาลชั้นต้น ด้วยเหตุคำคัดค้านไม่ต้องด้วยบทบัญญัติเรื่องการคัดค้านผู้พิพากษา ดังนี้เท่ากับเป็นการไม่รับคำคัดค้านไว้พิจารณา มิใช่เป็นการสั่งยอมรับหรือยกเสียซึ่งคำคัดค้านตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 14 ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยไม่ส่งสำนวนไปให้ศาลซึ่งมีอำนาจสูงกว่าวินิจฉัย ตามมาตรา 13 แห่งประมวลกฎหมายดังกล่าวนั้นชอบแล้ว
คณะกรรมการตุลาการปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการกำหนดไว้ได้โดยอิสระ มิได้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีฯ จึงไม่มีอำนาจที่จะแต่งตั้งกรรมการขึ้นสอบสวนกรรมการตุลาการเป็นรายคนหรือทั้งคณะในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายดังกล่าว
คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยมีอำนาจสอบสวนและลงมติตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้ง เมื่อไม่ได้กระทำไปโดยอคติ หรือไม่ยุติธรรม หรือไม่สุจริต ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คณะกรรมการตุลาการปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการกำหนดไว้ได้โดยอิสระ มิได้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีฯ จึงไม่มีอำนาจที่จะแต่งตั้งกรรมการขึ้นสอบสวนกรรมการตุลาการเป็นรายคนหรือทั้งคณะในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายดังกล่าว
คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยมีอำนาจสอบสวนและลงมติตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้ง เมื่อไม่ได้กระทำไปโดยอคติ หรือไม่ยุติธรรม หรือไม่สุจริต ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3152/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านผู้พิพากษา การปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการตุลาการ และความผิดตามมาตรา 157
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์ที่คัดค้านผู้พิพากษาทุกคนที่จะทำการพิจารณาคดีโจทก์ในศาลชั้นต้น ด้วยเหตุคำคัดค้านไม่ต้องด้วยบทบัญญัติเรื่องการคัดค้านผู้พิพากษา ดังนี้เท่ากับเป็นการไม่รับคำคัดค้านไว้พิจารณา มิใช่เป็นการสั่งยอมรับหรือยกเสียซึ่งคำคัดค้านตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 14ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยไม่ส่งสำนวนไปให้ศาลซึ่งมีอำนาจสูงกว่าวินิจฉัย ตามมาตรา 13 แห่งประมวลกฎหมายดังกล่าวนั้นชอบแล้ว คณะกรรมการตุลาการปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการกำหนดไว้ได้โดยอิสระ มิได้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีฯ จึงไม่มีอำนาจที่จะแต่งตั้งกรรมการขึ้นสอบสวนกรรมการตุลาการเป็นรายคนหรือทั้งคณะในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายดังกล่าว คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยมีอำนาจสอบสวนและลงมติตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้ง เมื่อไม่ได้กระทำไปโดยอคติ หรือไม่ยุติธรรม หรือไม่สุจริต ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3125/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสัญญาค้ำประกันไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ทำให้ใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกัน จำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญาค้ำประกันในขณะที่ไม่มีข้อความในเอกสารดังกล่าวเท่ากับจำเลยกล่าวอ้างว่าหนังสือสัญญาค้ำประกันไม่ถูกต้อง โจทก์ต้องนำสืบถึงข้อกล่าวอ้างของโจทก์ให้ปรากฏ ซึ่งต้องอาศัยหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นพยานหลักฐาน เมื่อหนังสือสัญญาค้ำประกันไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ ย่อมใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 โจทก์จึงฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3125/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันที่ไม่มีอากรแสตมป์และข้อพิพาทเรื่องการลงลายมือชื่อ ทำให้โจทก์ไม่สามารถนำสืบหลักฐานและฟ้องบังคับคดีได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกัน จำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญาค้ำประกันในขณะที่ไม่มีข้อความในเอกสารดังกล่าว เท่ากับจำเลยกล่าวอ้างว่าหนังสือสัญญาค้ำประกันไม่ถูกต้อง โจทก์ต้องนำสืบถึงข้อกล่าวอ้างของโจทก์ให้ปรากฏ ซึ่งต้องอาศัยหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นพยานหลักฐาน เมื่อหนังสือสัญญาค้ำประกันไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ ย่อมใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 โจทก์จึงฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3125/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายเนื่องจากไม่มีอากรแสตมป์และขาดหลักฐานเป็นหนังสือ ทำให้ฟ้องบังคับคดีไม่ได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกัน จำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญาค้ำประกันในขณะที่ไม่มีข้อความในเอกสารดังกล่าวเท่ากับจำเลยกล่าวอ้างว่าหนังสือสัญญาค้ำประกันไม่ถูกต้อง โจทก์ต้องนำสืบถึงข้อกล่าวอ้างของโจทก์ให้ปรากฏ ซึ่งต้องอาศัยหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นพยานหลักฐาน เมื่อหนังสือสัญญาค้ำประกันไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ ย่อมใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 โจทก์จึงฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้สั่งจ่ายเช็ค แม้ไม่มีตราบริษัท หากธนาคารปฏิเสธการจ่าย
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทของจำเลยที่ 2 เองมอบให้ ม. นำไปเป็นประกันการชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ส่วนตราที่ประทับไว้ในช่องผู้สั่งจ่ายในเช็คมิใช่ตราของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 ย่อมจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามจำนวนเงินในเช็คพร้อมดอกเบี้ย นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ร่วมกันรับผิดใช้เงินตามเช็ค โดยอ้างว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทและประทับตราของห้างจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้สั่งจ่ายด้วย มิใช่ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1 แต่สถานเดียว เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าตราที่ประทับในช่องผู้สั่งจ่ายเป็นตราของจำเลยที่ 1ก็บังคับให้ จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ในฐานะผู้สั่งจ่ายได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดของผู้สั่งจ่ายเช็คแม้ไม่มีตราบริษัท การฟ้องไม่เกินกรอบคำฟ้อง
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทของจำเลยที่ 2 เองมอบให้ ม. นำไปเป็นประกันการชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ส่วนตราที่ประทับไว้ในช่องผู้สั่งจ่ายในเช็คมิใช่ตราของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 ย่อมจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามจำนวนเงินในเช็คพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ร่วมกันรับผิดใช้เงินตามเช็คโดยอ้างว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทและประทับตราของห้างจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้สั่งจ่ายด้วย มิใช่ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1 แต่สถานเดียว เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าตราที่ประทับในช่องผู้สั่งจ่ายเป็นตราของจำเลยที่ 1ก็บังคับให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ให้โจทก์ในฐานะผู้สั่งจ่ายได้ไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ร่วมกันรับผิดใช้เงินตามเช็คโดยอ้างว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทและประทับตราของห้างจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้สั่งจ่ายด้วย มิใช่ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1 แต่สถานเดียว เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าตราที่ประทับในช่องผู้สั่งจ่ายเป็นตราของจำเลยที่ 1ก็บังคับให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ให้โจทก์ในฐานะผู้สั่งจ่ายได้ไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้สั่งจ่ายเช็คแม้ไม่มีตราบริษัท การพิพากษาไม่เกินคำฟ้อง
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทของจำเลยที่ 2 เองมอบให้ ม. นำไปเป็นประกันการชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ส่วนตราที่ประทับไว้ในช่องผู้สั่งจ่ายในเช็คมิใช่ตราของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 ย่อมจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามจำนวนเงินในเช็คพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ร่วมกันรับผิดใช้เงินตามเช็คโดยอ้างว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทและประทับตราของห้างจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้สั่งจ่ายด้วย มิใช่ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1 แต่สถานเดียว เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าตราที่ประทับในช่องผู้สั่งจ่ายเป็นตราของจำเลยที่ 1ก็บังคับให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ให้โจทก์ในฐานะผู้สั่งจ่ายได้ไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3020/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินบำเหน็จข้าราชการได้รับการคุ้มครองจากการบังคับคดี หากยังมิได้ปะปนกับเงินอื่น
จำเลยมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จเนื่องจากลาออกจากราชการและจำเลยเพิ่งได้รับเงินบำเหน็จมาจากเจ้าหน้าที่การเงินโดยที่เงินบำเหน็จนั้นยังมิได้ปะปนกับเงินอื่นของจำเลยจนแยกไม่ออกเช่นนี้ โจทก์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดเงินบำเหน็จดังกล่าวจากจำเลยเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาหาได้ไม่. (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2532)