คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประชา บุญวนิช

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 640 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2413/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และดุลพินิจเจ้าพนักงานบังคับคดีในการรักษาสินทรัพย์ยึด
จำเลยชำระหนี้ตาม คำพิพากษาให้กับ ส. ภริยาโดยชอบด้วย กฎหมายของโจทก์ แต่ ส. ไม่ได้เป็นตัว เจ้าหนี้และไม่เป็นผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ นอกจากนี้ ส. ไม่ได้อยู่ร่วมกับโจทก์และในวันที่ ส. รับชำระหนี้โจทก์ก็ไม่ได้อยู่รู้เห็นด้วย จึงหาเป็นการแสดงว่าโจทก์ให้ ส. รับชำระหนี้แทนและเป็นการให้สัตยาบันในการชำระหนี้ไม่ การชำระหนี้ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 315
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะมอบทรัพย์สินที่ยึดมาจากลูกหนี้ให้ผู้ใดรักษาเป็นดุลพินิจ ของเจ้าพนักงานบังคับคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2413/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ให้ภริยาโดยไม่ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้ และการรักษาทรัพย์ที่ยึดตามดุลพินิจเจ้าพนักงานบังคับคดี
จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่ ส. ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ โดย ส. ไม่ได้เป็นตัวเจ้าหนี้และไม่เป็นผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ ทั้ง ส.ไม่ได้อยู่ร่วมกับโจทก์ และในวันที่ส.รับชำระหนี้โจทก์ก็ไม่ได้อยู่รู้เห็นด้วย จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ให้ ส.รับชำระหนี้แทนและเป็นการให้สัตยาบันในการชำระหนี้การชำระหนี้ของจำเลยย่อมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 315 การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะมอบทรัพย์สินที่ยึดให้ผู้ใดรักษาเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2413/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อผู้รับชำระหนี้ไม่ใช่เจ้าหนี้หรือได้รับมอบอำนาจ
จำเลยชำระหนี้ตาม คำพิพากษาให้กับ ส. ภริยาโดยชอบด้วย กฎหมายของโจทก์ แต่ ส. ไม่ได้เป็นตัว เจ้าหนี้และไม่เป็นผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ นอกจากนี้ ส. ไม่ได้อยู่ร่วมกับโจทก์และในวันที่ ส. รับชำระหนี้โจทก์ก็ไม่ได้อยู่รู้เห็นด้วย จึงหาเป็นการแสดงว่าโจทก์ให้ ส. รับชำระหนี้แทนและเป็นการให้สัตยาบันในการชำระหนี้ไม่ การชำระหนี้ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 315 การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะมอบทรัพย์สินที่ยึดมาจากลูกหนี้ให้ผู้ใดรักษาเป็นดุลพินิจ ของเจ้าพนักงานบังคับคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่ส่งสำเนา, คำสั่งรับพยานเพิ่มเติม, และการเชื่อโดยสุจริตในข้อเท็จจริง
แม้จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างเป็นพยานแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน เป็นการฝ่าฝืนต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 แต่ ถ้า ศาลเห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมทั้งไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจ รับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ส่วนภาพถ่ายไม่เป็นพยานเอกสาร จำเลยไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยคำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย ซึ่ง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว การที่จำเลยเชื่อ โดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ และเมื่อโจทก์มีชื่อ ใน น.ส. 3 ด้วย จำเลยจึงได้ มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่ส่งมอบตามกฎหมาย, คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่โต้แย้ง, และการกระทำที่ไม่เป็นละเมิดเนื่องจากเชื่อโดยสุจริต
แม้จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างเป็นพยานแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยานเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 แต่ถ้าศาลเห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมทั้งไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ส่วนภาพถ่ายไม่เป็นพยานเอกสาร จำเลยไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย คำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว การที่จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะและเมื่อโจทก์มีชื่อใน น.ส.3 ด้วย จำเลยจึงได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่เป็นไปตามฟอร์ม, คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่โต้แย้ง, และการกระทำละเมิดจากความเชื่อโดยสุจริต
แม้จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างเป็นพยานแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน เป็นการฝ่าฝืนต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 90แต่ถ้าศาลเห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมทั้งไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 87(2) ส่วนภาพถ่ายไม่เป็นพยานเอกสาร จำเลยไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน.
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย คำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย ซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว.
การที่จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะและเมื่อโจทก์มีชื่อใน น.ส.3 ด้วย จำเลยจึงได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่เป็นไปตามฟอร์ม, คำสั่งระหว่างพิจารณา, และการกระทำโดยสุจริตที่ไม่ถือเป็นการละเมิด
แม้จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างเป็นพยานแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน เป็นการฝ่าฝืนต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 แต่ ถ้า ศาลเห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมทั้งไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจ รับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ส่วนภาพถ่ายไม่เป็นพยานเอกสาร จำเลยไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยคำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย ซึ่ง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
การที่จำเลยเชื่อ โดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ และเมื่อโจทก์มีชื่อ ใน น.ส. 3 ด้วย จำเลยจึงได้ มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2333/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเกินอัตราตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา, เช็คพิพาท, หักกลบลบหนี้
เช็คพิพาทที่สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้เดิมซึ่งจำเลยกู้เงินโจทก์โดยมีดอกเบี้ย ร้อยละ 3 ต่อเดือน รวมอยู่ในจำนวนเงินที่ลงไว้ในเช็ค ด้วย นั้น ดอกเบี้ย ทั้งหมดย่อมตก เป็นโมฆะเพราะวัตถุประสงค์ในการเรียกดอกเบี้ย เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งตาม พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3 โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเฉพาะ ต้นเงินเท่านั้น
แม้จำเลยจะให้การและนำสืบว่าได้ นำเงิน 110,000 บาท ไปเข้าบัญชีโจทก์เพื่อชำระหนี้จำนองแทนโจทก์ ก็จะถือว่าจำเลยชำระเงินกู้ยืมต่อ โจทก์เป็นเงิน 110,000 บาท แล้วจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์อีกหาได้ไม่ เพราะจำเลยมิได้กล่าวในคำให้การขอให้ศาลหักกลบลบหนี้ให้จำเลยหรือโดยการฟ้องแย้ง จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีที่ศาลจะบังคับให้เป็นไปตาม ที่จำเลยให้การเช่นนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2333/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย และการชำระหนี้จำนองแทนเจ้าหนี้
เช็ค พิพาทที่สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้เดิม ซึ่ง จำเลยกู้เงินโจทก์โดย มี ดอกเบี้ย ร้อยละ 3 ต่อเดือน รวมอยู่ในจำนวนเงินที่ลงไว้ในเช็ค ด้วย นั้น ดอกเบี้ย ทั้งหมดย่อมตก เป็นโมฆะเพราะวัตถุประสงค์ในการเรียกดอกเบี้ย เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งตาม พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3 โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเฉพาะ ต้นเงินเท่านั้น แม้จำเลยจะให้การและนำสืบว่าได้ นำเงิน 110,000 บาท ไปเข้าบัญชีโจทก์เพื่อชำระหนี้จำนองแทนโจทก์ ก็จะถือว่าจำเลยชำระเงินกู้ยืมต่อ โจทก์เป็นเงิน 110,000 บาท แล้วจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์อีกหาได้ไม่ เพราะจำเลยมิได้กล่าวในคำให้การขอให้ศาลหักกลบลบหนี้ให้จำเลยหรือโดยการฟ้องแย้ง จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีที่ศาลจะบังคับให้เป็นไปตาม ที่จำเลยให้การเช่นนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2333/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเกินอัตราตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา, การหักกลบลบหนี้, และขอบเขตการบังคับตามคำให้การ
เช็คพิพาทที่สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้เดิมซึ่งจำเลยกู้เงินโจทก์โดยมี ดอกเบี้ย ร้อยละ 3 ต่อเดือนรวมอยู่ในจำนวนเงินที่ลงไว้ในเช็คด้วยนั้น ดอกเบี้ยทั้งหมดย่อมตกเป็นโมฆะ เพราะวัตถุประสงค์ในการเรียกดอกเบี้ยเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3 โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเฉพาะต้นเงินเท่านั้น แม้จำเลยจะให้การและนำสืบว่าได้นำเงิน 110,000 บาท ไปเข้าบัญชีโจทก์เพื่อชำระหนี้จำนองแทนโจทก์ ก็จะถือว่าจำเลยชำระเงินกู้ยืมต่อโจทก์เป็นเงิน 110,000 บาท แล้ว จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์อีกหาได้ไม่ เพราะจำเลยมิได้กล่าวในคำให้การขอให้ศาลหักกลบลบหนี้ให้จำเลยหรือโดยการฟ้องแย้ง จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีที่ศาลจะบังคับให้เป็นไปตามที่จำเลยให้การเช่นนั้นได้
of 64