พบผลลัพธ์ทั้งหมด 123 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องอาญาเช็ค: การแจ้งความร้องทุกข์มีผลเริ่มนับอายุความเมื่อใด
ข้อความในบันทึกการร้องทุกข์ของโจทก์มีว่า "...มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้สั่งจ่ายตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ในชั้นนี้ขอรับเช็คคืนไปเก็บรักษาไว้เพื่อจะได้ติดต่อกับผู้สั่งจ่ายอีกทางหนึ่ง" ดังนี้เป็นการแจ้งความกล่าวหาโดยมีเจตนาให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ การขอรับเช็คคืนไปเพื่อติดต่อกับผู้สั่งจ่ายมิใช่เป็นข้อความที่แสดงว่ายังไม่มอบคดีให้ จึงเป็นคำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(7) แล้ว เมื่อโจทก์ร้องทุกข์ภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน และโจทก์ฟ้องคดีภายในกำหนด 5 ปีคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำตายของผู้ถูกทำร้ายเป็นพยานรับฟังได้
ผู้ตายระบุชื่อคนร้ายแก่ผู้ถาม 3 ครั้งในเวลาห่างกันไม่มากนักโดยครั้งที่สามผู้ตายระบุชื่อคนร้ายขณะที่ผู้ตายมีอาการเพียบหนักทุรนทุราย ต่อจากนั้นผู้ตายก็พูดไม่ได้แล้ว แสดงว่าผู้ตายกล่าวย้ำยืนยันในขณะที่ตนเองรู้ตัวว่าใกล้จะตายคำกล่าวของผู้ตายเช่นนี้ย่อมรับฟังเป็นพยานได้ว่าเป็นความจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำตายของผู้ถูกทำร้ายยืนยันตัวคนร้ายได้ แม้ใกล้เสียชีวิต
ผู้ตายระบุชื่อคนร้ายแก่ผู้ถาม 3 ครั้งในเวลาห่างกันไม่มากนัก โดยครั้งที่สามผู้ตายระบุชื่อคนร้ายขณะที่ผู้ตายมีอาการเพียบหนักทุรนทุราย ต่อจากนั้นผู้ตายก็พูดไม่ได้แล้ว แสดงว่าผู้ตายกล่าวย้ำยืนยันในขณะที่ตนเองรู้ตัวว่าใกล้จะตายคำกล่าวของผู้ตายเช่นนี้ย่อมรับฟังเป็นพยานได้ว่าเป็นความจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำตายของผู้ตายที่ระบุชื่อผู้กระทำผิดในขณะใกล้เสียชีวิตมีน้ำหนักรับฟังเป็นพยานได้
ผู้ตายระบุชื่อคนร้ายแก่ผู้ถาม 3 ครั้งในเวลาห่างกันไม่มากนักโดยครั้งที่สามผู้ตายระบุชื่อคนร้ายขณะที่ผู้ตายมีอาการเพียบหนักทุรนทุราย ต่อจากนั้นผู้ตายก็พูดไม่ได้แล้ว แสดงว่าผู้ตายกล่าวย้ำยืนยันในขณะที่ตนเองรู้ตัวว่าใกล้จะตาย คำกล่าวของผู้ตายเช่นนี้ย่อม รับฟังเป็นพยานได้ว่าเป็นความจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือยอมรับหนี้จากการละเมิด ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายยังคงอยู่
เมื่อหนี้ที่โจทก์เรียกร้องมีมูลมาจากการทำละเมิด โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้คืนทรัพย์สินอันต้องเสียไปเพราะละเมิดหรือให้ใช้ราคาทรัพย์นั้น การที่จำเลยได้ทำหนังสือไว้ต่อโจทก์มีใจความว่ายอมจะใช้ราคาทรัพย์สินที่เสียหาย ดังนี้ ถือได้ว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเพียงหนังสือที่จำเลยผู้เป็นลูกหนี้ยอมรับสภาพต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง ไม่เป็นหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะไม่มีข้อความที่แสดงว่าผู้ทำหนังสือดังกล่าวระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับสภาพหนี้จากการละเมิด ไม่ถือเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ หากไม่มีการระงับข้อพิพาทโดยชอบธรรม
เมื่อหนี้ที่โจทก์เรียกร้องมีมูลมาจากการทำละเมิด โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้คืนทรัพย์สินอันต้องเสียไปเพราะละเมิดหรือให้ใช้ราคาทรัพย์นั้น การที่จำเลยได้ทำหนังสือไว้ต่อโจทก์ มีใจความว่ายอมจะใช้ราคาทรัพย์สินที่เสียหาย ดังนี้ ถือได้ว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเพียงหนังสือที่จำเลยผู้เป็นลูกหนี้ยอมรับสภาพต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องไม่เป็นหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะไม่มีข้อความที่แสดงว่าผู้ทำหนังสือดังกล่าวระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือยอมรับหนี้จากการละเมิด ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายตามจริง
เมื่อหนี้ที่โจทก์เรียกร้องมีมูลมาจากการทำละเมิด โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้คืนทรัพย์สินอันต้องเสียไปเพราะละเมิดหรือให้ใช้ราคาทรัพย์นั้น การที่จำเลยได้ทำหนังสือไว้ต่อโจทก์มีใจความว่ายอมจะใช้ราคาทรัพย์สินที่เสียหาย ดังนี้ ถือได้ว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเพียงหนังสือที่จำเลยผู้เป็นลูกหนี้ยอมรับสภาพต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง ไม่เป็นหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะไม่มีข้อความที่แสดงว่าผู้ทำหนังสือดังกล่าวระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้า/คำท้าในคดีแพ่ง: ศาลต้องพิพากษาตามข้อตกลงเมื่อเงื่อนไขสำเร็จ
ก่อนสืบพยานคู่ความแถลงร่วมกันว่าหากเสียงส่วนใหญ่ของผู้จัดการมรดกซึ่งมีอยู่ 5 คนรวมทั้งคู่ความยอมตกลงจ่ายเงินมรดกให้แก่โจทก์ตามจำนวนที่โจทก์ฟ้อง จำเลยทั้งสองก็ยอมจ่ายให้และโจทก์ไม่ติดใจเรียกดอกเบี้ยดังนี้ ถือได้ว่ามีลักษณะเป็นคำท้าหรือมีการตกลงกันในประเด็นแห่งคดีโดยมิได้มีการถอนฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 เมื่อปรากฏว่าผู้จัดการมรดกเสียงข้างมากยอมตกลงจ่ายเงินมรดกให้โจทก์เงื่อนไขจึงสำเร็จครบถ้วนตามข้อตกลง ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องพิพากษาให้เป็นไปตามข้อตกลงนั้น การที่ศาลชั้นต้นยังไกล่เกลี่ยคู่ความให้ตกลงกันและดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปอีกเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลย่อมมีอำนาจเพิกถอนกระบวนพิจารณานั้นได้และพิพากษาให้เป็นไปตามที่ตกลงท้ากัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้า/ตกลงกันในประเด็นคดี: ศาลต้องพิพากษาตามข้อตกลงเมื่อเงื่อนไขสำเร็จ
ก่อนสืบพยานคู่ความแถลงร่วมกันว่าหากเสียงส่วนใหญ่ของผู้จัดการมรดกซึ่งมีอยู่ 5 คนรวมทั้งคู่ความยอมตกลงจ่ายเงินมรดกให้แก่โจทก์ตามจำนวนที่โจทก์ฟ้อง จำเลยทั้งสองก็ยอมจ่ายให้และโจทก์ไม่ติดใจเรียกดอกเบี้ยดังนี้ ถือได้ว่ามีลักษณะเป็นคำท้าหรือมีการตกลงกันในประเด็นแห่งคดีโดยมิได้มีการถอนฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 เมื่อปรากฏว่าผู้จัดการมรดกเสียงข้างมากยอมตกลงจ่ายเงินมรดกให้โจทก์เงื่อนไขจึงสำเร็จครบถ้วนตามข้อตกลง ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องพิพากษาให้เป็นไปตามข้อตกลงนั้น การที่ศาลชั้นต้นยังไกล่เกลี่ยคู่ความให้ตกลงกันและดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปอีกเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลย่อมมีอำนาจเพิกถอนกระบวนพิจารณานั้นได้และพิพากษาให้เป็นไปตามที่ตกลงท้ากัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงในประเด็นคดีและการเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ก่อนสืบพยานคู่ความแถลงร่วมกันว่าหากเสียงส่วนใหญ่ของผู้จัดการมรดกซึ่งมีอยู่ 5 คนรวมทั้งคู่ความยอมตกลงจ่ายเงินมรดกให้แก่โจทก์ตามจำนวนที่โจทก์ฟ้อง จำเลยทั้งสองก็ยอมจ่ายให้และ โจทก์ไม่ติดใจเรียกดอกเบี้ย ดังนี้ ถือได้ว่ามีลักษณะเป็นคำท้าหรือมีการตกลงกันในประเด็นแห่งคดีโดยมิได้มีการถอนฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 เมื่อปรากฏว่า ผู้จัดการมรดกเสียงข้างมากยอมตกลงจ่ายเงินมรดกให้โจทก์ เงื่อนไข จึงสำเร็จครบถ้วนตามข้อตกลง ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องพิพากษา ให้เป็นไปตามข้อตกลงนั้น การที่ศาลชั้นต้นยังไกล่เกลี่ยคู่ความ ให้ตกลงกันและดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปอีกเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณา ที่ขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลย่อมมีอำนาจ เพิกถอนกระบวนพิจารณานั้นได้และพิพากษาให้เป็นไปตามที่ตกลงท้ากัน