คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2503 ม. 16

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4737/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานล่าสัตว์ป่าคุ้มครองและมีไว้ในครอบครองซากสัตว์ป่า: การพิจารณาความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำว่า "ล่า" ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ มาตรา 4 หมายความว่า เก็บ ดัก จับ ยิง ฆ่า หรือทำอันตรายด้วยประการอื่นแก่สัตว์ป่าที่ไม่มีเจ้าของและอยู่เป็นอิสระ ฉะนั้น การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันล่าปะการังแข็งทุกชนิดในอันดับ Scleractinia และ Stylasterina ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ย่อมหมายถึงปะการังนั้นไม่มีเจ้าของและอยู่เป็นอิสระ โจทก์หาต้องบรรยายถ้อยคำดังกล่าวไว้ในคำฟ้องอีกไม่ส่วนรายละเอียดที่บรรยายฟ้องต่อมาถึงวิธีการล่าโดยการเก็บ หรือทำอันตรายด้วยประการอื่นใดก็น่าจะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีคำฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ความผิดฐานล่าสัตว์ป่าคุ้มครองและความผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง มีองค์ประกอบความผิดแตกต่างกันและแยกต่างหากจากกันการที่จำเลยล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยการเก็บหรือทำอันตรายด้วยประการใด ๆ แก่สัตว์ป่าคุ้มครอง ย่อมเป็นการกระทำโดยเจตนาที่จะล่าสัตว์ป่าคุ้มครองและเป็นความผิดสำเร็จเมื่อจำเลยเก็บหรือทำอันตรายแก่สัตว์ป่าคุ้มครอง ส่วนการที่จำเลยมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองย่อมเป็นเจตนาอีกอันหนึ่งในการที่จะครอบครองซากสัตว์ป่าดังกล่าวแยกต่างหากจากการเก็บหรือทำอันตรายแก่สัตว์ป่าคุ้มครอง ความผิดทั้งสองฐานนี้จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4737/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล่าปะการังและการครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง: การพิจารณาความผิดหลายกรรม
คำฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันล่าปะการังแข็งทุกชนิดในอันดับ Scleractinia และ Stylasterina ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งคำว่า "ล่า" นั้นตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้คำนิยามไว้ว่า หมายความว่า เก็บ ดัก จับ ยิง ฆ่า หรือทำอันตรายด้วยประการอื่นแก่สัตว์ป่าที่ไม่มีเจ้าของและอยู่เป็นอิสระ ดังนั้น เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันล่าปะการังแข็งซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองย่อมหมายความถึงปะการังนั้น ไม่มีเจ้าของและอยู่เป็นอิสระโดยหาต้องบรรยายถ้อยคำดังกล่าวไว้ในคำฟ้องอีก คำฟ้องโจทก์หาได้เคลือบคลุมไม่
การจะพิจารณาว่า การกระทำใดเป็นความผิดหลายกรรมหรือไม่ต้องพิจารณาจากเจตนาของผู้กระทำเป็นสำคัญ ความผิดฐานล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง และความผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์คุ้มครองมีองค์ประกอบของความผิดแตกต่างกันและแยกต่างหากจากกัน จำเลยล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยการเก็บหรือทำอันตรายด้วยประการใด ๆ แก่สัตว์ป่าคุ้มครอง ย่อมเป็นการกระทำโดยเจตนาที่จะล่าสัตว์ป่าคุ้มครองและเป็นความผิดสำเร็จ เมื่อจำเลยเก็บหรือทำอันตรายแก่สัตว์ป่าคุ้มครองและการที่จำเลยมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองจำนวน 38 กระสอบตามฟ้อง ย่อมเป็นเจตนาอีกอันหนึ่งในการที่จะครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครองจำนวน 38 กระสอบ แยกต่างหากจากการเก็บหรือทำอันตรายแก่สัตว์ป่าคุ้มครอง ถือได้ว่าความผิดทั้งสองฐานเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกความผิดฐานมีซากสัตว์ป่าสงวนกับซากสัตว์ป่าคุ้มครอง และการรวมกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
การมีไว้ในครอบครองซึ่งขาเลียงผาซึ่งเป็นซากสัตว์ป่าสงวนเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ. 2503 มาตรา 14 และมาตรา 38 ส่วนการมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งซากสัตว์อื่นซึ่งเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นความผิดตามมาตรา 16 และมาตรา 40 แยกไว้คนละมาตราเป็นคนละฐานความผิดแสดงว่าเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการแยกเป็นคนละความผิดต่างกระทงกันจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 การค้าลิ่น ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองกับการมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งงูเหลือมซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นความผิดตามมาตรา 15 และ มาตรา 40 บทมาตราเดียวกัน แสดงว่ากฎหมายต้องการให้เป็นความผิดในลักษณะเดียวกัน เป็นวัตถุประเภทเดียวกัน ทั้งจำเลยกระทำผิดดังกล่าวในคราวเดียวกันจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดกระทงความผิดซ้ำซ้อนในคดีสัตว์ป่าคุ้มครอง: แยกกระทงหรือรวมกระทง
การมีไว้ในครอบครองซึ่งขาเลียงผา ซึ่งเป็นซากสัตว์ป่าสงวนตามฟ้อง ข้อ ก. เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ. 2503 มาตรา 14 และมาตรา 38 ส่วนการมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งซากสัตว์อื่นซึ่งเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามฟ้องข้อ ง.เป็นความผิดตาม มาตรา 16 และ มาตรา 40 แยกไว้คนละมาตราเป็นคนละฐานความผิดแสดงว่าเป็นเจตนารมณ์ ของกฎหมายที่ต้องการแยกเป็นคนละความผิดต่างกระทงกัน การกระทำความผิดดังกล่าวจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ส่วนการค้าลิ่นซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามฟ้อง ข้อ ข.กับการมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งงูเหลือม ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามฟ้อง ข้อ ค.เป็นความผิดตาม มาตรา 15 และมาตรา 40 บทมาตราเดียวกันแสดงว่ากฎหมายต้องการให้เป็นความผิดในลักษณะเดียวกัน เป็นวัตถุประเภทเดียวกัน ทั้งจำเลยกระทำผิดดังกล่าวในคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ตามกฎหมายอาญามาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดซ้ำซ้อนใน พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า: แยกกระทง vs. รวมกรรม
ความผิดฐานมีซากสัตว์ป่าสงวนไว้ในความครอบครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 มาตรา 14 และ มาตรา 38 กับฐานมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งซากสัตว์อื่น ซึ่งเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามมาตรา 16 และมาตรา 40 กฎหมายแยกไว้คนละมาตราเป็นคนละฐานความผิด แสดงว่าเป็นเจตนารมณ์ ของกฎหมายที่ต้องการแยกเป็นคนละความผิดต่างกระทงกัน การกระทำความผิดดังกล่าวจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตาม ป.อ. มาตรา 91 ส่วนความผิดฐานค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง กับฐานมีไว้ในครอบครองและค้าสัตว์ป่าคุ้มครองเป็นความผิดตามมาตรา 15 และมาตรา 40บทมาตราเดียวกัน แสดงว่ากฎหมายต้องการให้เป็นความผิดในลักษณะเดียวกัน เป็นวัตถุประเภทเดียวกัน ทั้งจำเลยกระทำผิดดังกล่าวในคราวเดียวกัน การกระทำความผิดดังกล่าวจึงเป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ตาม ป.อ. มาตรา 90.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3869/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องอาญาไม่สมบูรณ์หากมิได้ระบุข้อกฎหมายรอง (กฎกระทรวง) ที่จำเลยฝ่าฝืน แม้มีกฎหมายหลักรองรับ
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมายไว้ในความครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาตให้มีไว้ในความครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ฯลฯ มิได้กล่าวอ้างกฎกระทรวงฉบับที่ 11(พ.ศ. 2520) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 อันเป็นกฎหมายที่จำเลยฝ่าฝืนไว้ในฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2526)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง แม้ประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับ ก็ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
เขาสัตว์ป่าของกลางที่จับได้จากจำเลย แม้จะเป็นเขาสัตว์ที่จำเลยนำไปติดกับรูปหัวสัตว์ซึ่งประดิษฐ์ด้วยไม้สักทำเป็นเครื่องประดับแล้วก็ตาม ก็ยังมีสภาพเป็นเขาสัตว์อยู่เช่นเดิมมิได้เปลี่ยนสภาพเป็นวัตถุอย่างอื่น จึงเป็นซากของสัตว์ป่าตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 228 ข้อ 1
จำเลยมีเขากวาง 3 คู่ เขากระทิง 1 คู่ เขาวัวแดง 1 คู่ อันเป็นซากของสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่ห้ามมิให้ผู้ใดค้าหรือมีไว้ในครอบครอง กับมีเขาละมั่ง 3 คู่ เขาเลียงผา 1 คู่ อันเป็นซากของสัตว์ป่าสงวน ซึ่งมิได้อยู่ในข้อยกเว้นตามกฎหมายให้มีได้ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง แม้ประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับ ก็ยังคงเป็นความผิดตามกฎหมาย
เขาสัตว์ป่าของกลางที่จับได้จากจำเลย แม้จะเป็นเขาสัตว์ป่าที่จำเลยนำไปติดกับรูปหัวสัตว์ซึ่งประดิษฐ์ด้วยไม้สักทำเป็นเครื่องประดับแล้วก็ตาม ก็ยังมีสภาพเป็นเขาสัตว์อยู่เช่นเดิมมิได้เปลี่ยนสภาพเป็นวัตถุอย่างอื่นจึงเป็นซากของสัตว์ป่าตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 228 ข้อ 1
จำเลยมีเขากวาง 3 คู่ เขากระทิง 1 คู่ เขาวัวแดง 1 คู่ อันเป็นซากของสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่ห้ามมิให้ผู้ใดค้าหรือมีไว้ในครอบครอง กับมีเขาละมั่ง 3 คู่เขาเลียงผา 1 คู่ อันเป็นซากของสัตว์ป่าสงวน ซึ่งมิได้อยู่ในข้อยกเว้นตามกฎหมายให้มีได้ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดกฎหมายหลายบท