คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปราโมทย์ ชพานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 950 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2824/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันสัญญาประนีประนอมยอมความกับหนี้เดียวกัน แม้ระบุชื่อบริษัทต่างกัน
แม้สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมแล้วมีใจความว่า จำเลยและหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ล.เป็นหนี้ค่าอาหารสัตว์กับบริษัท จ. โจทก์ขอรับผิดชดใช้หนี้ร่วมกับจำเลยครึ่งหนึ่ง ทั้งนี้ไม่เกินวงเงิน1,550,000 บาท หากบริษัทบังคับให้จำเลยชำระหนี้แล้ว โจทก์ไม่ยอมรับผิดในหนี้ดังกล่าวก็ยอมให้จำเลยบังคับคดีได้ทันที โดยไม่ได้ระบุถึงหนี้ค่าอาหารสัตว์ของบริษัท ก.จำกัดก็ตาม แต่เมื่อบริษัท ก.เป็นบริษัทในเครือของบริษัท จ.ค้าขายสินค้าประเภทเดียวกัน มีที่อยู่ที่เดียวกับบริษัท จ.มีกรรมการบริหารชุดเดียวกันและตามใบกำกับสินค้าแต่ละฉบับก็เป็นแบบพิมพ์เหมือนกันซึ่งมีทั้งออกในนามทั้งสองบริษัท แต่มีระบุว่าให้สั่งจ่ายเงินค่าสินค้าในนามบริษัท ก.เท่านั้น หนี้สินตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ระบุว่าเป็นหนี้บริษัท จ. ก็คือหนี้รายเดียวกันกับที่จำเลยชำระให้บริษัท ก. นั่นเอง เมื่อจำเลยชำระหนี้แก่บริษัท ก. แล้ว โจทก์ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยครึ่งหนึ่งตามข้อประนีประนอมยอมความ เมื่อจำเลยได้ทวงถามโจทก์แล้ว โจทก์เพิกเฉย โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดนัด ผิดข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยชอบจะใช้สิทธิบังคับคดีแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2824/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันโจทก์ต้องรับผิดชอบหนี้ร่วมกับจำเลยตามสัดส่วน แม้ข้อตกลงระบุเฉพาะเจ้านี้
แม้สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมแล้วมีใจความว่าจำเลยและหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดล. เป็นหนี้ค่าอาหารสัตว์กับบริษัทจ. โจทก์ขอรับผิดชดใช้หนี้ร่วมกับจำเลยครึ่งหนึ่งทั้งนี้ไม่เกินวงเงิน1,550,000บาทหากบริษัทบังคับให้จำเลยชำระหนี้แล้วโจทก์ไม่ยอมรับผิดในหนี้ดังกล่าวก็ยอมให้จำเลยบังคับคดีได้ทันทีโดยไม่ได้ระบุถึงหนี้ค่าอาหารสัตว์ของบริษัทก. จำกัดก็ตามแต่เมื่อบริษัทก.เป็นบริษัทในเครือของบริษัทจ. ค้าขายสินค้าประเภทเดียวกันมีที่อยู่ที่เดียวกับบริษัทจ. มีกรรมการบริหารชุดเดียวกันและตามใบกำกับสินค้าแต่ละฉบับก็เป็นแบบพิมพ์เหมือนกันซึ่งมีทั้งออกในนามทั้งสองบริษัทแต่มีระบุว่าให้สั่งจ่ายเงินค่าสินค้าในนามบริษัทก. เท่านั้นหนี้สินตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ระบุว่าเป็นหนี้บริษัทจ. ก็คือหนี้รายเดียวกันกับที่จำเลยชำระให้บริษัทก. นั่นเองเมื่อจำเลยชำระหนี้แก่บริษัทก. แล้วโจทก์ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยครึ่งหนึ่งตามข้อประนีประนอมยอมความเมื่อจำเลยได้ทวงถามโจทก์แล้วโจทก์เพิกเฉยโจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดนัดผิดข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความจำเลยชอบจะใช้สิทธิบังคับคดีแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและฎีกา: ผู้เสียหายที่ไม่ได้รับความเสียหายโดยตรงและกรรมการที่พ้นจากอำนาจ
โจทก์ที่2ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันลักหรือใช้จ้างวานผู้อื่นลักเอาต้นฉบับเอกสารใบตราส่งของโจทก์ที่1ซึ่งโจทก์ที่2เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนแล้วจำเลยที่1ปลอมลายมือชื่อและประทับตราปลอมของโจทก์ที่1บนใบตราส่งดังกล่าวเพื่อขอรับหนังสือใบสั่งให้ส่งมอบสินค้าปลอมหนังสือคำร้องขอแก้ไขบัญชีสินค้าหนังสือโอนกรรมสิทธิ์สินค้าบัญชีราคาสินค้าบัญชีแจ้งรายการบรรจุหีบห่อแล้วใช้เอกสารปลอมดังกล่าวยื่นต่อเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเพื่อให้หลงเชื่อว่าโจทก์ที่1ขอให้แก้ใบตราส่งจากโจทก์ที่1มาเป็นจำเลยที่1เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองฟังได้ว่าโจทก์ที่1ผู้รับสินค้าตามใบตราส่งเป็นผู้ได้รับความเสียหายจึงเป็นผู้เสียหายส่วนโจทก์ที่2ซึ่งเป็นเพียงผู้ถือหุ้นและกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ที่1มิได้รับความเสียหายเป็นพิเศษอย่างใดไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องและเมื่อมีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการโดยโจทก์ที่2ไม่ใช่กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ที่1ต่อไปโจทก์ที่2จึงไม่มีอำนาจฎีกาแทนโจทก์ที่1ส่วน ศ. และ ค. นั้นเมื่อศาลอนุญาตให้โจทก์ที่1ถอนจากการเป็นทนายความได้ย่อมไม่ใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากคำสั่งดังกล่าวจึงไม่มีอำนาจฎีกาในคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2642/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดสรรรายได้จากสัญญาต่างประเทศ: ค่าสิทธิ vs. วิชาชีพอิสระ (วิศวกรรม) และการหักภาษี
โจทก์ทำสัญญาตกลงจ่ายค่าตอบแทนเป็นค่าสิทธิในการใช้ชื่อและเครื่องหมายการค้าให้แก่บริษัท ซ. และโจทก์ยังได้ทำสัญญาจ่ายค่าตอบแทนการให้ความรู้ทางวิศวกรรมกับบริษัท น. โดยบริษัท ซ. และบริษัท น. มีสำนักงานบริษัทตั้งอยู่ที่ เวเว่ย์ ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ แห่งเดียวกันสัญญาที่โจทก์ทำกับบริษัททั้งสองดังกล่าวมีอายุสัญญาและมีรายละเอียดเริ่มต้นกับวันสิ้นสุดเหมือนกันทั้งมีเงื่อนไขว่าหากบริษัท น. เลิกสัญญากับโจทก์บริษัท ซ.ก็มีสิทธิเลิกสัญญากับโจทก์เช่นเดียวกันและสัญญาทั้งสองฉบับยังระบุให้บริษัททั้งสองซึ่งเป็นสัญญากับโจทก์จัดหาและแนะนำกรรมวิธีการผลิตตำรับสูตรหรือความรู้อื่นที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ของโจทก์โดยเฉพาะข้อตกลงซึ่งโจทก์ทำไว้กับบริษัท น. นั้นนอกจากบริษัท น. จะต้องให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับเทคนิคทางวิศวกรรมแล้วยังต้องให้ข้อแนะนำวิธีในการผลิตแก่โจทก์ศึกษาและแนะนำวิธีการใช้กรรมวิธีใหม่และพัฒนาให้ดีขึ้นส่วนบริษัท ซ.ไม่ปรากฏว่าเคยให้ข้อแนะนำแก่โจทก์เกี่ยวกับเรื่องสูตรหรือกรรมวิธีการผลิตเลยแสดงว่าการผลิตของโจทก์อยู่ภายใต้เงื่อนไขและควบคุมของบริษัท น. เงินค่าตอบแทนที่บริษัท น. ได้รับจึงไม่ใช่เงินได้จากวิชาชีพอิสระประเภทวิศวกรรมตามความหมายของประมวลรัษฎากรมาตรา40(6)แต่เป็นเงินได้พึงประเมินประเภทค่าแห่งสิทธิตามมาตรา40(3) บริษัท น. เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยดังนั้นเงินได้ซึ่งบริษัท น.ได้รับจากโจทก์โจทก์ต้องหักภาษีแล้วนำส่งจำเลยตามประมวลรัษฎากรมาตรา70(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2603/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบราคาซื้อขายที่ดินที่แท้จริงได้ แม้มีสัญญาจะซื้อจะขายระบุราคาไว้แล้ว ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 ห้ามคู่ความนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารเฉพาะเมื่อมีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดงเท่านั้น แต่ข้อตกลงจะซื้อจะขายที่ดินโดยมีการวางมัดจำไว้บางส่วนแล้ว ข้อตกลงดังกล่าวย่อมมีผลบังคับคดีกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 วรรคสอง โดยไม่ต้องการหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ข้อตกลงจะซื้อจะขายดังกล่าวไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง จำเลยมีสิทธินำสืบถึงราคาที่จะซื้อจะขายที่ดินกันตามความเป็นจริงได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2603/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงซื้อขายที่ดินด้วยการวางมัดจำ: ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อ และจำเลยมีสิทธิเปลี่ยนแปลงราคาได้
ป.วิ.พ.มาตรา 94 ห้ามคู่ความนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารเฉพาะเมื่อมีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดงเท่านั้น แต่ข้อตกลงจะซื้อจะขายที่ดินโดยมีการวางมัดจำไว้บางส่วนแล้ว ข้อตกลงดังกล่าวย่อมมีผลบังคับคดีกันได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 456 วรรคสอง โดยไม่ต้องการหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ข้อตกลงจะซื้อจะขายดังกล่าวไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง จำเลยมีสิทธินำสืบถึงราคาที่จะซื้อจะขายที่ดินกันตามความเป็นจริงได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2498/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยที่ 1 พ้นผิดจากคดียาเสพติด ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย
คดีโจทก์สำหรับจำเลยที่2ในข้อหาความผิดฐานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและให้จำคุกจำเลยที่2แต่ละกระทงไม่เกินห้าปีห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคหนึ่งที่จำเลยที่2ฎีกาว่ามิได้กระทำความผิดดังกล่าวเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2498/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานเข้าเมืองผิดกฎหมายและการอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ในข้อหาความผิดฐานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และให้จำคุกจำเลยที่ 2 แต่ละกระทงไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา218 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่ามิได้กระทำความผิดดังกล่าว เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2480/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของวันเกิดเหตุในฟ้องคดีอาญา ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานประกอบการพิจารณา แม้ผู้เสียหายเบิกความผิดพลาด
ลำพังคำเบิกความของพนักงานตำรวจผู้จับกุมและพนักงานสอบสวนพยานโจทก์ทั้งสองปากประกอบบันทึกการจับกุมข้อเท็จจริงก็พอฟังได้แล้วว่าเหตุคดีนี้เกิดเมื่อวันที่26ธันวาคม2536ตรงตามวันเวลาที่โจทก์กล่าวในฟ้องการที่ผู้เสียหายเบิกความถึงวันและเดือนที่เกิดเหตุถูกต้องผิดไปแต่เพียงเป็นพ.ศ.2526แทนที่จะเป็นพ.ศ.2536น่าจะเป็นเพราะความพลั้งเผลอหรือหลงลืมคำเบิกความของผู้เสียหายผิดไปเพียงเท่านี้ยังถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องอันจะเป็นเหตุให้ศาลต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2480/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความคลาดเคลื่อนปีเกิดเหตุในคำเบิกความพยาน ไม่ทำให้ข้อเท็จจริงต่างจากฟ้องจนต้องยกฟ้อง
ลำพังคำเบิกความของพนักงานตำรวจผู้จับกุมและพนักงานสอบสวนพยานโจทก์ทั้งสองปากประกอบบันทึกการจับกุมข้อเท็จจริงก็พอฟังได้แล้วว่าเหตุคดีนี้เกิดเมื่อวันที่26ธันวาคม2536ตรงตามวันเวลาที่โจทก์กล่าวในฟ้องการที่ผู้เสียหายเบิกความถึงวันและเดือนที่เกิดเหตุถูกต้องผิดไปแต่เพียงเป็นพ.ศ.2526แทนที่จะเป็นพ.ศ.2536น่าจะเป็นเพราะความพลั้งเผลอหรือหลงลืมคำเบิกความของผู้เสียหายผิดไปเพียงเท่านี้ยังถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องอันจะเป็นเหตุให้ศาลต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสอง
of 95