พบผลลัพธ์ทั้งหมด 950 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 567/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายและทำให้เสียความสามารถในการขัดขืน การกระทำผิดเวลากลางคืน
จำเลยลอบใส่ยานอนหลับผสมลงในสุราให้ผู้เสียหายทั้งสองดื่มจนหลับหมดสติเป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองตกอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วลักทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความครอบครองของ ส. ผู้เสียหายอีกคนหนึ่งไปถือได้ว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การลักทรัพย์และการพาทรัพย์นั้นไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ โจทก์มิได้บรรยายว่าการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดมาในฟ้อง จึงลงโทษจำเลยในข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาเช่าซื้อรถ และอายุความ 10 ปี
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ที่ค้างหลายครั้ง แต่จำเลยไม่ยอมชำระให้ โจทก์จึงยึดรถคืนจากจำเลย การผิดนัดไม่ชำระค่างวดทำให้โจทก์เสียหาย ไม่สามารถนำรถยนต์มาใช้สอยในกิจการของโจทก์ ไม่สามารถนำไปขายหรือจำหน่ายให้แก่ผู้มีชื่ออื่นต่อไปได้ รถของโจทก์หากนำไปให้ผู้มีชื่อเช่าจะได้ค่าเช่าไม่ต่ำกว่าเดือนละ 6,000 บาท โจทก์ถือเอาระยะเวลาที่จำเลยผิดนัดจนถึงวันยึดรถคืน โจทก์เสียหายเป็นรายเดือน เดือนละ5,745 บาท เท่ากับอัตราค่างวด และโจทก์ขอคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันยึดรถคืนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 18,992 บาท ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน เช่นนี้ เงินตามคำฟ้องของโจทก์ที่เรียกร้องจากจำเลยมิใช่เงินค่ารถ แต่เป็นค่าเสียหายที่โจทก์ได้ขาดประโยชน์ไปเพราะจำเลยประพฤติผิดสัญญาเมื่อไม่มีบทบัญญัติกฎหมายในเรื่องอายุความกำหนดไว้เป็นพิเศษ จึงต้องถืออายุความ10 ปี ตาม ป.พ.พ.มาตรา 164 เดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการผิดสัญญาซื้อขายรถยนต์ กรณีจำเลยผิดนัดชำระค่างวด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ที่ค้างหลายครั้ง แต่จำเลยไม่ยอมชำระให้ โจทก์จึงยึดรถคืนจากจำเลย การผิดนัดไม่ชำระค่างวดทำให้โจทก์เสียหาย ไม่สามารถนำรถยนต์มาใช้สอยในกิจการของโจทก์ ไม่สามารถนำไปขายหรือจำหน่ายให้แก่ผู้มีชื่ออื่นต่อไปได้ รถของโจทก์หากนำไปให้ผู้มีชื่อเช่าจะได้ค่าเช่าไม่ต่ำกว่าเดือนละ 6,000 บาท โจทก์ถือเอาระยะเวลา ที่จำเลยผิดนัดจนถึงวันยึดรถคืน โจทก์เสียหายเป็นรายเดือนเดือนละ 5,745 บาท เท่ากับอัตราค่างวด และโจทก์ขอคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันยึดรถคืนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 18,992 บาทขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน เช่นนี้ เงินตามคำฟ้องของโจทก์ที่เรียกร้องจากจำเลยมิใช่เงินค่ารถแต่เป็นค่าเสียหายที่โจทก์ได้ขาดประโยชน์ไปเพราะจำเลยประพฤติผิดสัญญาเมื่อไม่มีบทบัญญัติกฎหมายในเรื่องอายุความกำหนดไว้เป็นพิเศษ จึงต้องถืออายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 523/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีต้องพิจารณาเหตุผลลูกหนี้มีมูล และไม่ทำให้เจ้าหนี้เสียหาย
การที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก็ต่อเมื่อพิจารณาได้ความว่า ข้ออ้างของลูกหนี้ตามคำพิพากษามีเหตุฟังได้ประการหนึ่งและถ้างดการบังคับคดีไว้ไม่น่าจะเป็นที่เสียหายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอีกประการหนึ่ง ดังนั้น เมื่อศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าข้ออ้างของลูกหนี้ตามคำพิพากษาค่อนข้างเลื่อนลอยที่จะรับฟังก็ชอบที่จะไม่สั่งให้งดการบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 523/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีต้องพิจารณาเหตุฟังได้และไม่ทำให้เจ้าหนี้เสียหาย
การที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 ได้ก็ต่อเมื่อได้พิจารณาเหตุผล 2 ประการประกอบกัน คือข้ออ้างของลูกหนี้ตามคำพิพากษามีเหตุฟังได้ประการหนึ่ง และถ้างดการบังคับคดีไว้ไม่น่าจะเป็นที่เสียหายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอีกประการหนึ่ง เมื่อข้ออ้างในคำฟ้องที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นข้ออ้างที่ยังไม่แน่นอนว่าโจทก์กระทำดังจำเลยกล่าวอ้างหรือไม่ ความเสียหายมีจริงดังที่จำเลยเรียกร้องหรือไม่ จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีซื้อขายลดตั๋วเงิน แม้ขาดอายุความตามตั๋ว แต่ฟ้องตามสัญญาซื้อขายได้
จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินนำมาขายแก่โจทก์ โดยทำสัญญาขายลดตั๋วเงินกับโจทก์มีข้อความสำคัญว่า จำเลยได้รับเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินไปจากโจทก์แล้ว หากปรากฏว่าเมื่อตั๋วถึงกำหนดชำระโจทก์ไม่อาจเรียกเก็บเงินได้หรือมีกรณีอื่นใด ซึ่งโจทก์ต้องเสียหายไม่ได้รับชำระหนี้จนครบถ้วน จำเลยยอมรับผิดใช้หนี้ตามตั๋วทั้งหมดคืนแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ18.5 ต่อปี และหากโจทก์ไม่ได้รับเงินชำระหนี้ตามตั๋วฉบับใดฉบับหนึ่ง จำเลยยอมรับผิดชดใช้ให้โจทก์ตามสัญญาทุกประการ ดังนั้นโจทก์และจำเลยจึงมีความผูกพันกันตามสัญญาขายลดตั๋วเงินด้วยแม้โจทก์มิได้ฟ้องจำเลยผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินภายในกำหนดสามปีนับแต่วันตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงินเป็นเหตุให้ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001 ก็ตาม แต่โจทก์ก็ยังมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาขายลดตั๋วเงินได้สัญญาขายลดตั๋วเงินไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้จึงต้องใช้อายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมจากความผิดพลาดเรื่องน้ำหนักของกลาง ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่เคลือบคลุม
การที่โจทก์บรรยายฟ้องข้อ 1(ก)และ(ข) ว่าจำเลยทั้งสามมีกัญชาจำนวน 27.270 กิโลกรัม (ยี่สิบเจ็ดกิโลกรัมสองร้อยเจ็ดสิบมิลลิกรัม)แต่เหตุตามฟ้องข้อ 2 ระบุว่ากัญชาของกลางหมดไปในการตรวจพิสูจน์150 กรัม ที่เหลือ 27,120 กรัมนั้น เป็นเพราะความผิดพลาดที่ใส่จุดทศนิยมระหว่างเลข 7 และเลข 1 แทนที่จะใช้เครื่องหมายจุลภาคระหว่างเลขทั้งสองตัวดังกล่าว กรณีเป็นความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยไม่ทำให้เกิดความสับสน ทั้งจำเลยที่ 1 เองก็ต่อสู้ว่ากัญชาของกลางไม่ใช่ของจำเลยที่ 1 ไม่ทำให้จำเลยที่ 1 เสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้แต่อย่างใด ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อผิดพลาดในการระบุปริมาณยาเสพติดในฟ้อง ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ฟ้องไม่เคลือบคลุม
ตามฟ้องโจทก์ข้อ 1 (ก) และ (ข) ได้ระบุไว้ชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งสามมีกัญชาจำนวน 27.270 กิโลกรัม แต่เหตุที่ตามฟ้องโจทก์ข้อ 2ระบุว่า กัญชาของกลางหมดไปในการตรวจพิสูจน์ 150 กรัม ที่เหลือ 27.120กรัม เป็นความผิดพลาดที่ใส่จุดทศนิยมระหว่างเลข 7 และเลข 1 แทนที่จะใช้เครื่องหมายจุลภาคระหว่างเลขทั้งสองตัวดังกล่าว เป็นความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ไม่ทำให้เกิดความสับสน เพราะจำเลยต่อสู้คดีว่ากัญชาของกลางไม่ใช่ของจำเลย จึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้แต่อย่างใด ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเคลือบคลุมของฟ้องโจทก์เกี่ยวกับน้ำหนักกัญชาของกลาง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่เคลือบคลุม
ตามฟ้องโจทก์ข้อ 1(ก)และ(ข) ได้ระบุไว้ชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งสามมีกัญชาจำนวน 27.270 กิโลกรัม แต่เหตุที่ตามฟ้องโจทก์ข้อ 2 ระบุว่า กัญชาของกลางหมดไปในการตรวจ พิสูจน์ 150 กรัม ที่เหลือ 27.120 กรัม เป็นความผิดพลาดที่ใส่จุดทศนิยมระหว่างเลข 7 และเลข 1 แทนที่จะใช้เครื่องหมายจุลภาคระหว่างเลขทั้งสองตัวดังกล่าวเป็นความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ไม่ทำให้เกิดความสับสน เพราะ จำเลยต่อสู้คดีว่ากัญชาของกลางไม่ใช่ของจำเลย จึงไม่ทำให้ จำเลยเสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้แต่อย่างใด ฟ้องโจทก์ ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันภัยสินค้า บทสันนิษฐานความเสียหาย และการพิสูจน์มูลค่าความเสียหายที่แท้จริง
โจทก์เอาประกันภัยสต๊อกสินค้า รองเท้าทุกชนิดในร้านค้าของโจทก์ไว้กับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 200,000 บาท จำเลยที่ 2ซึ่งเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 เบิกความรับว่า จำเลยที่ 1รับประกันภัยเฉพาะรองเท้าและสินค้าที่อยู่ในร้านโจทก์ ดังนั้นสต๊อกสินค้า รองเท้าทุกชนิด ซึ่งเป็นวัตถุที่เอาประกันภัยไว้จึงมีความหมายรวมถึงรองเท้าและเครื่องหนังทุกชนิด ที่โจทก์มีไว้ในร้านเพื่อขาย มิใช่กรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองแต่รองเท้าอย่างเดียว เมื่อสินค้าในร้านของโจทก์ได้ถูกเพลิงไหม้เสียหายโดยสิ้นเชิง และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 877ได้สันนิษฐานเป็นคุณแก่โจทก์ไว้ก่อนว่า โจทก์มีสิทธิจะเรียกให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าสินไหมทดแทนได้เต็มจำนวนที่เอาประกันภัยไว้เว้นแต่จำเลยที่ 1 จะพิสูจน์หักล้างได้ว่า ความเสียหายของสินค้านั้นต่ำกว่าจำนวนเงินที่ได้เอาประกันไว้ เมื่อจำเลยที่ 1ไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงจำนวนสินค้าที่ถูกเพลิงไหม้อันแท้จริงได้ และน่าเชื่อว่าขณะเกิดเพลิงไหม้สินค้ารองเท้าและเครื่องหนังที่วางจำหน่ายอยู่ในร้านโจทก์ มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัย