คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
บัญชีอัตราภาษีการค้าท้ายประมวลรัษฎากร ประเภทการค้า 11

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 59 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2303/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายทาวน์เฮาส์เพื่อหากำไร ถือเป็นการค้าต้องเสียภาษีการค้า
โจทก์จองซื้อทาวน์เฮาส์2หลังจากห้างหุ้นส่วนจำกัดส.ราคาหลังละ 3,000,000 บาท เมื่อเดือนเมษายน 2522 อ้างว่าจองเพื่ออยู่อาศัย 1 หลัง และสำหรับ ท.1 หลัง ต่อมาในเดือนกันยายน 2522โจทก์ชำระเงิน 3,000,000 บาท และขอยกเลิกการจองให้ ท. และได้ตบแต่งภายในทาวน์เฮาส์ หลังที่โจทก์จะอยู่เองสิ้นเงินไป 900,000บาท ต่อมาเดือนมีนาคม 2523 โจทก์ขายให้ อ. ในราคา 4,000,000 บาทโดยให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.โอนกรรมสิทธิ์ทาวน์เฮาส์ และที่ดินให้ อ.โดยตรงแต่อ. เป็นคนต่างด้าวไม่สามารถถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ จึงให้บริษัท ย.จำกัดเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนค.ผู้จัดการบริษัท ย. จำกัด เป็นผู้แจ้งให้โจทก์ตบแต่งภายในทาวน์เฮาส์แสดงว่าโจทก์มิได้ตบแต่งภายในทาวน์เฮาส์ โดยมีเจตนาจะอยู่อาศัยเอง แต่ตบแต่งหลังจากที่โจทก์ตกลงขายให้ อ. แล้วเหตุที่ขายโจทก์อ้างว่าสภาพแวดล้อมของทาวน์เฮาส์ เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะใช้เป็นที่ประกอบการค้าและธุรกิจไม่เหมาะใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งความจริงโจทก์ซื้อมาในเดือนกันยายน 2522 อ้างว่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย แต่ในเดือนมีนาคม 2523 กลับอ้างว่าไม่เหมาะสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัยซึ่งช่วงเวลาผ่านไปเพียง3-4 เดือน ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปเร็วถึงเพียงนั้น ข้อที่โจทก์อ้างว่าจองให้ ท.1หลังไม่ปรากฏว่าท. ได้ติดต่อกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ทั้งเมื่อโจทก์บอกเลิกการจองให้ท.ก็ไม่ปรากฏว่า โจทก์ได้ปรึกษาหารือกับ ท. จึงเป็นการจองเพื่อโจทก์เอง พฤติการณ์ดังกล่าวโจทก์ซื้อทาวน์เฮาส์ พิพาทไว้เพื่อจะขายต่อเอากำไร หาใช่ซื้อไว้อยู่อาศัยเองไม่ การที่โจทก์ให้บริษัทผู้ขายโอนกรรมสิทธิ์ทาวน์เฮาส์และที่ดินให้แก่บริษัทย.จำกัด โดยโจทก์ได้รับค่าตอบแทนจาก อ. แม้มิได้ทำสัญญาซื้อขายก็มีผลอย่างเดียวกับโจทก์ขายทาวน์เฮาส์นั่นเองมิใช่เป็นการขายสิทธ์ในการซื้อทาวน์เฮาส์ ถือได้ว่าโจทก์ขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบการค้าอสังหาริมทรัพย์ต้องเสียภาษีการค้า ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 77,78 ประกอบด้วยบัญชีอัตราการค้าประเภทการค้า 11 ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีย่อมตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดี ศาลมีอำนาจสั่งได้แม้คู่ความไม่ได้ขอ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2242/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายที่ดินเพื่อหากำไรถือเป็นธุรกิจการค้าอสังหาริมทรัพย์ ต้องเสียภาษีการค้า แม้จะมีหนี้สิน
เมื่อปี พ.ศ. 2492 โจทก์ซื้อที่ดิน 1 แปลงเนื้อที่ 11 ไร่ราคา 22,320 บาท ต่อมาปี พ.ศ. 2520 โจทก์แบ่งแยกที่ดินดังกล่าวออกเป็น 102 แปลงและให้ห้าง ส. ลงทุนทำถนน สร้างตึกแถว ติดตั้งไฟฟ้าและน้ำประปาลงบนที่ดินที่แบ่งแยก จากนั้นโจทก์และห้าง ส.ก็ขายที่ดินและตึกแถวโดยโจทก์จดทะเบียนขายเฉพาะที่ดิน ห้าง ส.ทำสัญญาขายเฉพาะตึกแถว โจทก์ขายที่ดินในราคาตารางวาละ 5,000 บาทได้เงินมาแล้ว 9 ล้านบาทเศษ ได้กำไรถึงประมาณ 1,000 บาท เห็นได้ว่าโจทก์ประกอบธุรกิจการค้าหากำไร จึงเป็นผู้ประกอบการค้าประเภทการค้าอสังหาริมทรัพย์ ต้องเสียภาษีการค้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2242/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อหากำไรและหน้าที่เสียภาษี
เมื่อปี พ.ศ. 2492 โจทก์ซื้อ ที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 11 ไร่ราคา 22,320 บาท ต่อ มาปี พ.ศ. 2520 โจทก์แบ่งแยกที่ดินดังกล่าวออกเป็น 102 แปลงและให้ห้าง ส. ลงทุนทำถนน สร้างตึกแถวติดตั้ง ไฟฟ้าและน้ำประปาลงบนที่ดินที่แบ่งแยก จากนั้นโจทก์และห้าง ส. ก็ขายที่ดินและตึกแถวโดย โจทก์จดทะเบียนขายเฉพาะ ที่ดินห้าง ส. ทำสัญญาขายเฉพาะ ตึกแถว โจทก์ขายที่ดินในราคาตารางวาละ5,000 บาท ได้ เงินมาแล้ว 9 ล้านบาทเศษ ได้ กำไรถึง ประมาณ1,000 เท่า เห็นได้ว่าโจทก์ประกอบธุรกิจการค้าหากำไร จึงเป็นผู้ประกอบการค้าประเภทการค้าอสังหาริมทรัพย์ ต้อง เสียภาษีการค้า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2860/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายที่ดินเพื่อหากำไร: การประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและการหักค่าใช้จ่าย
โจทก์ทั้งสองเป็นสามีภรรยากันซื้อที่ดินมาแล้วแบ่งแยกที่ดินออกเป็นแปลงย่อยเนื้อที่เพียงเล็กน้อย มีลักษณะเพื่อที่จะปลูกสร้างตึกแถวและต่อมาหลังจากโจทก์ซื้อที่ดินดังกล่าวแล้วไม่ถึง 3 ปี ได้ขายไปในช่วงระยะเวลาอันสั้นส่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์ซื้อที่ดินมาแล้วขายไปในทางการค้าหรือหากำไรเพราะคำว่าการขายโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไรหมายความว่า หากมีการซื้อที่ดินมาเพื่อจะขายเพื่อเอากำไรก็เรียกว่าเป็นการค้า แม้จะกระทำเพียงครั้งเดียวก็ถือได้ว่าเป็นการขายโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไรแล้ว
การคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและการคำนวณภาษีการค้านั้นมีหลักเกณฑ์ไม่เหมือนกัน ไม่เป็นผลผูกมัดถึงกันอย่างใด การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรจะต้องเสียภาษีการค้า และเมื่อโจทก์ขายที่ดินที่ได้มาโดยมุ่งทางการค้าหรือหากำไรแล้ว ดังนั้น ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โจทก์จึงไม่มีสิทธิหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 80 ของเงินได้พึงประเมิน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2629/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีจากสัญญาซื้อขายที่ไม่สมบูรณ์ การกระทำเพื่อมุ่งทางการค้าหรือหากำไร
โจทก์ได้รับการยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินจากบิดา แต่เนื่องจากพี่น้องของโจทก์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์แทนบิดาซึ่งเป็นคนต่างด้าวการโอนที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์จึงทำเป็นสัญญาซื้อขาย แล้วโจทก์ได้ขายที่ดินไปหลังจากได้กรรมสิทธิ์มาเป็นเวลาถึง 14 ปี แม้ระหว่างนั้นจะมีการจำนองและไถ่จำนองที่ดินและการรวมที่ดินเป็นแปลงใหญ่รวมทั้งจัดหาที่ดินทำทางเข้าออกติดกับถนนใหญ่ด้วย ก็เป็นการกระทำเพียงเพื่อจะให้ได้ขายที่ดินได้ในราคาสูงซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาของปุถุชนและไม่ได้ความว่าโจทก์ได้เคยซื้อขายที่ดินมาก่อนคงมีการขายที่ดินครั้งพิพาทนี้ครั้งเดียว การกระทำของโจทก์ยังไม่เป็นการกระทำเพื่อมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร โจทก์ได้รับการยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินจากบิดา แต่ทำเป็นสัญญาซื้อขาย การที่โจทก์นำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างว่าสัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์นั้นย่อมนำสืบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคสอง การกระทำของโจทก์ในการจดทะเบียนนิติกรรมสัญญาซื้อขายที่ดินนั้นเป็นการแสดงเจตนาลวง แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 118 วรรคแรก ห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตและต้องเสียหายแต่การแสดงเจตนาลวงนั้นก็ตามแต่ในการประเมินเรียกเก็บภาษีของเจ้าพนักงานประเมิน จะกระทำได้ก็ต้องให้ได้ความด้วยว่าโจทก์ได้มุ่งในทางการค้าและหากำไรด้วยซึ่งข้อนี้จำต้องพิจารณาถึงพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อหากำไร ถือเป็นการค้า ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีเงินได้
โจทก์ขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร จึงเป็นผู้ประกอบการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 และบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 11 โจทก์ต้องเสียภาษีการค้า
โจทก์ซื้อที่ดินมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 และเพิ่งแบ่งที่ดินบางส่วนมาสร้างตึกแถวขึ้นภายหลัง เพื่อประสงค์จะขายตึกแถวพร้อมที่ดินโดยแบ่งเป็นคูหาตึกแถวที่สร้างขึ้นใหม่จึงเป็นตึกแถวที่โจทก์สร้างขึ้นมาเพื่อขายหากำไรโดยเฉพาะเงินได้จากการขายตึกแถวเป็นเงินได้พึงประเมินตามความหมายของประมวลรัษฎากร มาตรา 40(8) เพราะคำว่า 'การอื่น' นอกจากที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (7) ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 40(8) นั้นหมายถึงเงินได้จากการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในมาตรา 40(1)ถึง (7) ก็ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(8).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อหากำไรถือเป็นการค้า ต้องเสียภาษีเงินได้และภาษีการค้า
โจทก์ขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร จึงเป็นผู้ประกอบการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 และบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 11 โจทก์ต้องเสียภาษีการค้า
โจทก์ซื้อที่ดินมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 และเพิ่งแบ่งที่ดินบางส่วนมาสร้างตึกแถวขึ้นภายหลัง เพื่อประสงค์จะขายตึกแถวพร้อมที่ดินโดยแบ่งเป็นคูหาตึกแถวที่สร้างขึ้นใหม่จึงเป็นตึกแถวที่โจทก์สร้างขึ้นมาเพื่อขายหากำไรโดยเฉพาะเงินได้จากการขายตึกแถวเป็นเงินได้พึงประเมินตามความหมายของประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (8) เพราะคำว่า 'การอื่น' นอกจากที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (7) ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 40 (8) นั้น หมายถึงเงินได้จากการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในมาตรา 40 (1)ถึง (7) ก็ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีเงินได้
โจทก์ขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร จึงเป็นผู้ประกอบการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 และบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 11 โจทก์ต้องเสียภาษีการค้า โจทก์ซื้อที่ดินมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 และเพิ่งแบ่งที่ดินบางส่วนมาสร้างตึกแถวขึ้นภายหลัง เพื่อประสงค์จะขายตึกแถวพร้อมที่ดินโดยแบ่งเป็นคูหา ตึกแถวที่สร้างขึ้นใหม่จึงเป็นตึกแถวที่โจทก์สร้างขึ้นมาเพื่อขายหากำไรโดยเฉพาะ เงินได้จากการขายตึกแถวเป็นเงินได้พึงประเมินตามความหมายของประมวลรัษฎากร มาตรา 40(8)เพราะคำว่า "การอื่น" นอกจากที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (7) ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 40(8) นั้นหมายถึงเงินได้จากการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในมาตรา 40(1) ถึง (7) ก็ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(8)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ซื้อฝากที่ดินเพื่อหากำไร: การนับรวมรายได้เพื่อเสียภาษีและสถานะผู้ประกอบการค้า
การที่โจทก์ทั้งสองร่วมกันรับซื้อฝากที่ดิน แล้วแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวระหว่างที่ยังอยู่ในระยะเวลาขายฝาก และเมื่อที่ดินหลุดเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ทั้งสองเพียง 5 เดือน โจทก์ทั้งสองก็ขายที่ดินต่อให้บุคคลอื่นไป แสดงว่าโจทก์ทั้งสองร่วมกันรับซื้อฝากที่ดินดังกล่าวไว้โดยมุ่งในทางการค้าหากำไรเงินได้จากการขายที่ดินต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและถือได้ว่าโจทก์ทั้งสองเป็นผู้ประกอบการค้าอสังหาริมทรัพย์ตามที่กำหนดไว้ในบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้าที่ 11.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4079/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินและตึกแถวเพื่อหากำไร ถือเป็นเงินได้ต้องเสียภาษี
โจทก์ซื้อที่ดินมาดำเนินการแบ่งแยกโฉนดเป็น 11 โฉนดและจดทะเบียนแบ่งแยก แล้วปลูกสร้างตึกแถวบนที่ดินที่แบ่งแยกจำนวน 11 คูหาจากนั้นทยอยขายไปจนหมดภายใน 8 เดือนเช่นนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าโจทก์ซื้อที่ดินมาเพื่อมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร จึงต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีนั้น ทั้งการที่โจทก์แบ่งแยกและขายที่ดินพร้อมตึกแถวไปดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นผู้ประกอบการค้า ประเภทการค้าอสังหาริมทรัพย์ จึงต้องนำรายรับมาเสียภาษีการค้าด้วย.
of 6