คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 340 ตรี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 164 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษกรณีมีอาวุธในการปล้นทรัพย์: ความแตกต่างระหว่างบทเพิ่มโทษและบทกำหนดโทษหนักขึ้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสอง, 83 จำคุกคนละ 20 ปี จำเลยมีอาวุธปืนติดตัวในการปล้นทรัพย์ จึงให้เพิ่มโทษอีกกึ่งหนึ่งตาม มาตรา 340 ตรี เป็นจำคุกคนละ 30 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยที่ มาตรา 340 ตรี เป็นบทบัญญัติให้ต้องรับโทษหนักขึ้นมิใช่บทเพิ่มโทษ ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 340 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี และมาตรา 83 ป.ว. ฉบับที่ 11 ข้อ 14 และ 15 ให้ลงโทษจำคุกคนละ 30 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3237/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์: การกระทำที่แสดงเจตนาช่วยเหลือและแบ่งหน้าที่ชัดเจนทำให้ผู้ขับรถมีความผิด
จำเลยมีอาชีพขับรถรับจ้างได้ร่วมมากับคนร้ายตั้งแต่ตอนกลางวันคนร้ายขับรถของจำเลยไปรับพวกอีกหลายคน แล้วพากันมายังบ้านผู้เสียหายในตอนเย็น คนร้ายสั่งให้จำเลยกลับรถเตรียมรอไว้ เมื่อคนในบ้านผู้เสียหายวิ่งหนีออกไปแจ้งกำนันแล้ว จำเลยจึงขับรถออกมา ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยร่วมกับคนร้ายปล้นทรัพย์ผู้เสียหายโดยแบ่งหน้าที่กันทำ รถยนต์ของกลางใช้เป็นพาหนะมายังบ้านผู้เสียหายและเพื่อจะใช้หลบหนีให้พ้นจากการจับกุมจึงต้องริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 453/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษตามมาตรา 340 ตรี มิใช่ความผิดเพิ่ม แต่เป็นเหตุให้โทษหนักขึ้น การลงโทษประหารชีวิตแล้ว ไม่สามารถปรับโทษตามมาตรานี้ได้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา340 ตรี เป็นเพียงเหตุที่ทำให้ผู้กระทำความผิดตามมาตราที่ระบุไว้ได้รับโทษหนักขึ้นเท่านั้น หาได้เป็นความผิดต่างหากอีกบทหนึ่งไม่ และไม่ใช่เรื่องของการเพิ่มโทษดังนั้นเมื่อลงโทษให้ประหารชีวิตแล้วก็ไม่มีทางที่จะระวางโทษหนักกว่าหรือหนักขึ้นกึ่งหนึ่งตามที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี บัญญัติไว้ได้ จึงนำ มาตรา 340 ตรี นี้มาปรับด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3221/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานกรรโชก แม้ฟ้องฐานปล้นทรัพย์ ศาลต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกขู่เข็ญผู้เสียหายเรียกเอาเงิน 6,000 บาท โดยอ้างว่ามีผู้ร้องเรียนไปทางกรมตำรวจว่าผู้เสียหายเป็นพระจรจัด จะเอาเงินไปปิดปากผู้ร้องเรียน ผู้เสียหายบอกว่าไม่มีเงิน จำเลยที่ 2 ว่ามีเท่าใดให้เอามาก่อน พร้อมกับทำมือแสดงอาการฮึดฮึดไม่พอใจลักษณะจะทำร้าย ผู้เสียหายกลัว จึงชี้บอกเงิน 2,000 บาท ใส่ซองวางไว้บนโต๊ะให้เอาไปก่อน เช่นนี้ กรณีเป็นความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340,340 ตรี แต่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานกรรโชกซึ่งแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังกล่าวในฟ้อง จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง และวรรคสามซึ่งแก้ไขใหม่ก็ไม่ได้ เพราะเป็นการนำเอากฎหมายที่อกใช้ภายหลังมาลงโทษจำเลยซึ่งฟ้องไว้ก่อนแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1836/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีตัวการร่วม การรู้เห็นเป็นใจและการร่วมวางแผนกระทำผิด
จำเลยเข้าชกต่อยทำร้ายผู้เสียหาย แล้วแย่งเอากระเป๋าถือของผู้เสียหายวิ่งไปขึ้นรถแทกซี่ซึ่งจอดรออยู่ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 15 เมตร ในรถมีคนนั่งรออยู่ 2 คน คือคนขับรถและอีกคนหนึ่งซึ่งแต่งกายเป็นสตรี การที่คนแต่งกายเป็นสตรีนั่งรอจำเลยอยู่ในรถแท็กซี่ของกลางพร้อมคนขับใกล้ชิดกับที่เกิดเหตุ เฝ้าดูการกระทำของจำเลยตลอดเวลา และหนีไปพร้อมกับจำเลยหลังเกิดเหตุ ทั้งเมื่อพยานโจทก์ขับรถจักรยานยนต์ติดตามเข้าไปใกล้จำเลยและคนแต่งกายเป็นสตรีหันมามองพยานโจทก์ แสดงถึงความไม่พอใจที่มีคนติดตามมานั้น พฤติการณ์บ่งชัดว่าคนแต่งกายเป็นสตรีคน ขับรถ และจำเลยรู้เห็นคบคิดร่วมกันมาก่อนคนแต่งกายเป็นสตรีจึงเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดด้วย จำเลยต้องมีความผิดฐานปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษตาม ม.339 และ ม.340 ตรี ไม่ใช่การเพิ่มโทษ แต่เป็นการรับโทษหนักขึ้น จึงใช้ ม.51 เปลี่ยนโทษไม่ได้
กรณีการรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรีเป็นคนละเรื่องกับการเพิ่มโทษ และหาใช่เป็นเรื่องการเพิ่มโทษไม่(นัยคำพิพากษาฎีกาที่ 234/2521) จึงจะนำมาตรา 51 มาเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตให้เป็นโทษจำคุก 50ปีไม่ได้
จำเลยได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา339 วรรคสุดท้าย เมื่อเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก50 ปีไม่ได้ก็ไม่มีทางที่จะระวางโทษหนักกว่าหรือหนักขึ้นอีกกึ่งหนึ่งตามที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340ตรี บัญญัติไว้จึงนำมาตรา 340 ตรี มาปรับด้วยไม่ได้จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339วรรคสุดท้าย
มาตรา 340 ตรี เป็นเพียงเหตุที่ทำให้ผู้กระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรานี้รับโทษหนักขึ้นเท่านั้นลำพังแต่เพียงมาตรานี้โดยเฉพาะแล้วหาได้เป็นความผิดอีกบทหนึ่งต่างหากไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์และการพาทรัพย์นั้นหลบหนี
จำเลยนำรถยนต์บรรทุกข้าวสารไปจอดรอสมทบกับรถกระบะของพวกจำเลย แล้วนำรถยนต์บรรทุกข้าวสารที่พวกของตนปล้นมาได้หลบหนีไปถือได้ว่าปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461-2462/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ขณะเข้าปล้น จำเลยที่ 1 ถือปืนสั้น จำเลยที่ 2 ถือปืนยาว ต่อมาในขณะถูกจับพบปืนลูกซองสั้นข้างตัวจำเลยที่ 1 ค้นตัวพบกระสุนปืนลูกซอง 2 นัด ส่วนจำเลยที่ 2 มีปืนลูกซองยาวอยู่หว่างขา ค้นตัวพบกระสุนปืนลูกซอง 2 นัด แม้ปืนลูกซองยาวจะเป็นปืนของเจ้าทรัพย์และมีทะเบียน แต่จำเลยที่ 2 นำมาไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตเช่นนี้ก็เป็นความผิด จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยทั้งสองร่วมทำการปล้นทรัพย์ แล้วบังคับเอาตัวเจ้าทรัพย์และบุตรไปเป็นตัวประกัน แม้ที่เกิดเหตุปล้นทรัพย์จะอยู่ในเขตหมู่ 4 แต่ตำรวจติดมาพบคนร้ายในคืนนั้นเอง ในเขตหมู่ 9 เกิดยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุให้บุตรผู้เสียหายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย ก็ต้องถือว่าขณะนั้นการปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอน เพราะยังอยู่ในระหว่างที่ถูกคนร้ายขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายและบุตร และเพื่อให้ความสะดวกแก่การพาทรัพย์ที่ถูกปล้นไป ทั้งเพื่อให้คนร้ายพ้นจากการจับกุม แม้ไม่ได้ความชัดว่าบุตรผู้เสียหายถึงแก่ความตายเพราะกระสุนปืนของฝ่ายจำเลยหรือฝ่ายตำรวจ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกระทำการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยยังไปโดยไม่เห็นตัวตำรวจ เที่ยวแต่รู้ว่าตำรวจยังมาเท่านั้นเป็นการยังสุ่มๆ ไปเพื่อขัดขวางมิให้ตำรวจเข้าจับกุม จึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461-2462/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์, ครอบครองอาวุธปืน, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, และการเสียชีวิตของตัวประกัน
ขณะเข้าปล้น จำเลยที่ 1 ถือปืนสั้น จำเลยที่ 2 ถือปืนยาว ต่อมาในขณะถูกจับพบปืนลูกซองสั้นข้างตัวจำเลยที่ 1 ค้นตัวพบกระสุนปืนลูกซอง 2 นัด ส่วนจำเลยที่ 2 มีปืนลูกซองยาวอยู่ที่หว่างขา ค้นตัวพบกระสุนปืนลูกซอง 2นัด แม้ปืนลูกซองยาวจะเป็นปืนของเจ้าทรัพย์และมีทะเบียน แต่จำเลยที่ 2 นำมาไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตเช่นนี้ก็เป็นความผิด จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยทั้งสองร่วมทำการปล้นทรัพย์ แล้วบังคับเอาตัวเจ้าทรัพย์และบุตรไปเป็นตัวประกัน แม้ที่เกิดเหตุปล้นทรัพย์จะอยู่ในเขตหมู่ 4 แต่ตำรวจติดตามพบคนร้ายในคืนนั้นเอง ในเขตหมู่ 9 เกิดยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุให้บุตรผู้เสียหายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย ก็ต้องถือว่าขณะนั้นการปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอน เพราะยังอยู่ในระหว่างที่ถูกคนร้ายขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายและบุตร และเพื่อให้ความสะดวกแก่การพาทรัพย์ที่ถูกปล้นไป ทั้งเพื่อให้คนร้ายพ้นจากการจับกุม แม้ไม่ได้ความชัดว่าบุตรผู้เสียหายถึงแก่ความตายเพราะกระสุนปืนของฝ่ายจำเลยหรือฝ่ายตำรวจ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกระทำการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยยิงไปโดยไม่เห็นตัวตำรวจ เพียงแต่รู้ว่าตำรวจยิงมาเท่านั้นเป็นการยิงสุ่มๆ ไปเพื่อขัดขวางมิให้ตำรวจเข้าจับกุม จึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาเกินคำขอและขาดหลักฐานการใช้อาวุธในคดีปล้นทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ โดยมิได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกได้กระทำโดยแสดงความทารุณจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ใช้ปืนยิงใช้วัตถุระเบิดหรือกระทำทรมาน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่ ด้วยจึงเกินคำขอที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 และที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2514) ข้อ 15 ด้วยนั้น ยังไม่ถูกต้อง เพราะคดีไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นผู้มีหรือใช้อาวุธปืนในการกระทำผิด
of 17