พบผลลัพธ์ทั้งหมด 164 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ยานพาหนะในการพยายามปล้นทรัพย์และการริบทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด
จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์รถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ที่บรรทุกสินค้า โดยพวกจำเลยขับรถยนต์กระบะตามหลังรถบรรทุกที่จะปล้นไปในระยะกระชั้นชิด แล้วจำเลยได้ปีนจากรถกระบะขณะที่แล่นตามหลังรถบรรทุกขึ้นไปบนรถบรรทุก เห็นได้ว่าจำเลยได้ใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะเพื่อกระทำผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์รายนี้แล้ว และถือได้ว่ารถยนต์กระบะนั้นเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยได้ใช้ในการกระทำผิด ศาลจึงมีอำนาจสั่งริบเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 419/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษฐานปล้นทรัพย์จากมีอาวุธเป็นไม่มีอาวุธ และการลดโทษตามพยานหลักฐาน
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองร่วมกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้รถยนต์เป็นพาหนะ และโดยจำเลยที่ 2 มีอาวุธติดตัวไปด้วย พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี จำคุกจำเลยคนละ 18 ปี คดีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุกคนละ 9 ปี โจทก์ฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่งไม่ชอบ จำเลยทั้งสองไม่ฎีกา เมื่อศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่าในการปล้นทรัพย์นี้จำเลยที่ 2 กับพวกมิได้มีอาวุธแต่อย่างใด แม้ปัญหาข้อนี้จำเลยจะมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ตาม แต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เอง และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าวจำเลยที่ 2 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี ทั้งเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลฎีกาพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล้นทรัพย์ด้วยยานพาหนะที่ปล้นมา ไม่ถือเป็นเหตุให้โทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี
ขณะจำเลยมาทำการปล้นทรัพย์จำเลยไม่มียานพาหนะมาเมื่อจำเลยปล้นเงินและรถยนต์สามล้อของผู้เสียหายได้แล้วจำเลยก็ขับรถยนต์คันที่ปล้นได้หลบหนีไป ดังนี้ เป็นการเอาทรัพย์ที่ปล้นได้หลบหนีไปตามสภาพของทรัพย์นั้นเอง ถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการปล้นโดยใช้ยานพาหนะเพื่อพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมอันเป็นเหตุให้โทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะที่ปล้นมา ไม่ถือว่าเป็นการใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี
ขณะจำเลยมาทำการปล้นทรัพย์ จำเลยไม่มียานพาหนะ เมื่อจำเลยปล้นเงินและรถยนต์สามล้อของผู้เสียหายได้แล้ว จำเลยก็ขับรถยนต์คันที่ปล้นได้หลบหนีไป ดังนี้ เป็นการเอาทรัพย์ที่ปล้นได้หลบหนีไปตามสภาพของทรัพย์นั้นเอง ถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการปล้นโดยใช้ยานพาหนะเพื่อพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมอันเป็นเหตุให้โทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางโทษประหารชีวิตและลดโทษจากรับสารภาพ: ข้อจำกัดในการเพิ่มโทษตามมาตรา 340 ตรี
การกระทำของจำเลยทั้งสองต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย มาตรา 340 ตรี ซึ่งมาตรา 340 ตรีเป็นเรื่องที่จะต้องวางโทษจำเลยหนักกว่าที่บัญญัติไว้กึ่งหนึ่งหาใช่เป็นเรื่องการเพิ่มโทษไม่ สำหรับคดีนี้จำเลยทั้งสองได้รับโทษถึงประหารชีวิตตามมาตรา 340 วรรคท้าย แล้วจึงไม่อาจวางโทษให้หนักขึ้นกว่านี้อีกกึ่งหนึ่งได้กรณีไม่อาจนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 มาปรับแก่คดีนี้ได้ เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพอันเป็นเหตุบรรเทาโทษก็ต้องลดโทษให้จำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2652/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษตาม ม.340 ตรี: ต้องตีความโดยเคร่งครัดเฉพาะตัวผู้กระทำ
มาตรา 340 ตรี ลงโทษผู้กระทำความผิดตาม มาตรา 339,339 ทวิ,340,340 ทวิ หนักขึ้น ต้องตีความโดยเคร่งครัด จึงหมายความเฉพาะตัวผู้กระทำ ไม่เป็นเหตุในลักษณะคดีตามมาตรา 89
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์และการพยายามฆ่า: เจตนาของผู้ร่วมกระทำ
คนร้ายยิงผู้เสียหายในการปล้นโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นกระทันหันคนร้ายอื่นมิได้มีเจตนาร่วมด้วยไม่เป็นตัวการในฐานพยายามฆ่าคนร่วมกับผู้ยิง
จำเลยที่ 4 ใช้ปืนขู่ปล้นทรัพย์ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2 และเพิ่มโทษอีกตาม มาตรา 340 ตรี จำเลยอื่นที่ไม่ใช้ปืนมีความผิดตาม มาตรา 340 วรรค 2 ไม่ผิด มาตรา 340 ตรี
จำเลยที่ 4 ใช้ปืนขู่ปล้นทรัพย์ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2 และเพิ่มโทษอีกตาม มาตรา 340 ตรี จำเลยอื่นที่ไม่ใช้ปืนมีความผิดตาม มาตรา 340 วรรค 2 ไม่ผิด มาตรา 340 ตรี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันปล้นทรัพย์จนถึงแก่ความตาย แม้ไม่ได้ลงมือทำร้ายเอง ก็ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ
ในการปล้นทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์กับพวกถึงแก่ความตายนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ลงมือกระทำร้ายผู้ตาย ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ เพราะมิใช่กรณีที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 และมิใช่เหตุอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาในคดีปล้นทรัพย์ทำร้ายถึงตาย แม้ไม่ได้ลงมือเองก็มีโทษ
ในการปล้นทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์กับพวกถึงแก่ความตายนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ลงมือทำร้ายผู้ตาย ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ เพราะมิใช่กรณีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 และมิใช่เหตุอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2562/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำฟ้องอาญา: การลงโทษกรรมเดียวผิดหลายบท vs. หลายกรรมเป็นกระทง
คำฟ้องข้อ 1 ข. ได้บรรยายถึงการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงเจ้าทรัพย์และคนอื่น ๆ ซึ่งมิใช่เจ้าทรัพย์ตายเพื่อสะดวกในการปล้นและเพื่อปกปิดการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 340, 340 ตรี เช่นนี้เป็นฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้นแม้ทางพิจารณาหากจะได้ความว่าจำเลยทำผิดหลายกรรม ศาลจะลงโทษจำคุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปไม่ได้ เพราะเกินคำฟ้อง