คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มงคล เปาอินทร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 258 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3138/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของที่ดินเช่า-ซื้อขายบ้านพิพาทโมฆะ-การรื้อถอนและการชดใช้ค่าเสียหาย
แม้บ้านพิพาทจะปลูกอยู่บนที่ดินของโจทก์บางส่วนและบนที่ดินของกรมธนารักษ์บางส่วนซึ่งโจทก์เป็นผู้เช่ามาจากกรมธนารักษ์โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและจำเลยร่วมที่ไม่มีสิทธิเข้าอยู่ในที่ดินของโจทก์และที่ดินที่โจทก์เช่ามาได้ โดยมิต้องได้รับมอบอำนาจให้ฟ้องแทนกรมธนารักษ์แต่อย่างใด และแม้โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกจะได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ปลูกบ้านพิพาทให้แก่ทายาทไปก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา แต่มูลคดีที่พิพาทกันได้เกิดขึ้นก่อนที่โจทก์จะนำคดีมาฟ้อง โจทก์มีอำนาจที่จะดำเนินคดีแก่จำเลยและจำเลยร่วมจนกว่าคดีจะถึงที่สุด รวมตลอดถึงการบังคับคดีไปตามผลของคำพิพากษาด้วย จำเลยร่วมซื้อบ้านพิพาทจากจำเลยในลักษณะเป็นอสังหาริมทรัพย์โดยทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเอง ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่การซื้อขายบ้านพิพาทย่อมเป็นโมฆะ บ้านพิพาทยังเป็นของจำเลย จำเลยซึ่งปลูกบ้านพิพาทบนที่ดินของโจทก์และที่ดินที่โจทก์เช่ามาโดยไม่มีสิทธิจึงมีหน้าที่ต้องรื้อถอนบ้านพิพาทและชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ และการที่จำเลยร่วมได้เข้ายึดถือครอบครองบ้านพิพาทโดยได้จัดให้ผู้อื่นเช่าและเข้าอยู่ในบ้านพิพาท เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ แม้การซื้อขายบ้านพิพาทระหว่างจำเลยกับจำเลยร่วมจะเป็นโมฆะ จำเลยร่วมก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย คำขอของโจทก์ที่ว่า ถ้าจำเลยไม่รื้อถอนบ้านพิพาทออกไปจากที่ดินโจทก์ ก็ให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนแทนโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติมาตรา 296 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติไปตามบทบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3138/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่บนที่ดินของตนเองและที่ดินเช่า และการบังคับคดีรื้อถอน
แม้บ้านพิพาทจะปลูกอยู่บนที่ดินของโจทก์บางส่วนและบนที่ดินของกรมธนารักษ์บางส่วนซึ่งโจทก์เป็นผู้เช่ามาจากกรมธนารักษ์โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและจำเลยร่วมที่ไม่มีสิทธิเข้าอยู่ในที่ดินของโจทก์และที่ดินที่โจทก์เช่ามาได้ โดยมิต้องได้รับมอบอำนาจให้ฟ้องแทนกรมธนารักษ์แต่อย่างใด
คำขอของโจทก์ที่ว่า ถ้าจำเลยไม่รื้อถอนบ้านพิพาทออกไปจากที่ดินโจทก์ก็ให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนแทนโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติมาตรา 296 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติไปตามบทบัญญัติดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3007/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราโดยมีอาวุธและร่วมกันกระทำอนาจารจนถึงขั้นพยายาม ถือเป็นการโทรมหญิงตามกฎหมาย
จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายในเวลากลางคืน โดยจำเลยมีอาวุธมีด พวกของจำเลยมีอาวุธปืน แล้วจำเลยได้ใช้อาวุธมีดจี้บังคับกระทำชำเราผู้เสียหาย ในขณะเดียวกันนั้นพวกของจำเลยได้ใช้อาวุธปืนจี้บังคับข่มขืนกระทำชำเราพวกของผู้เสียหายอีกคนหนึ่งซึ่งนอนอยู่บนเตียงเดียวกันนั้น จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้ายและได้ร่วมกันกระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง เมื่อจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว พวกของจำเลยได้ผละจากพวกของผู้เสียหายมาข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายต่ออีก แม้พวกของจำเลยจะไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายได้ แต่ก็ได้ลงมือกระทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนถึงขั้นพยายามแล้ว การที่จำเลยกับพวกผลัดเปลี่ยนกันกระทำชำเราผู้เสียหายต่อเนื่องกัน ถือได้ว่าเป็นการร่วมกันกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2932/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิสัญชาติ: การโต้แย้งสิทธิในสัญชาติจากทะเบียนบ้านญวนอพยพไม่ขาดอายุความ
โจทก์ทั้งห้ามีสัญชาติไทย แต่ปรากฏว่ามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านญวนอพยพที่แสดงว่าเป็นคนสัญชาติญวน และการจัดทำทะเบียนบ้านญวนอพยพอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสำนักงานกิจการญวนอพยพ เมื่อจำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าสำนักงานและเป็นนายทะเบียนบ้านญวนอพยพการที่โจทก์ทั้งห้าได้แจ้งให้จำเลยที่ 1 ถอนชื่อโจทก์ทั้งห้าออกจากทะเบียนบ้านญวนอพยพดังกล่าว แต่จำเลยที่ 1 เพิกเฉยอ้างว่ากระทำการตามหน้าที่และคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจำเลยที่ 2เป็นผู้รักษาการ เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิในเรื่องสัญชาติของโจทก์ทั้งห้าแล้ว โจทก์ทั้งห้าจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้ ตราบใดที่ยังมิได้มีการถอนชื่อโจทก์ทั้งห้าออกจากทะเบียนบ้านญวนอพยพให้ถูกต้องก็ต้องถือว่าโจทก์ทั้งห้าถูกโต้แย้งสิทธิในเรื่องสัญชาติอยู่ตลอดเวลา ฟ้องโจทก์ทั้งห้า จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามเพื่อต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องในคดีขับไล่จากสัญญาเช่า
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและผู้ร้องซึ่งเป็นบริวารของจำเลยออกจากตึกพิพาทเพราะจำเลยผิดสัญญาเช่าโดยนำตึกพิพาทไปให้ผู้ร้องเช่าช่วง ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยได้โอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทให้ผู้ร้องโดยความยินยอมของโจทก์ โจทก์จึงต้องโอนสิทธิการเช่าให้ผู้ร้องและไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ คำร้อง ของ ผู้ร้องตั้งข้อพิพาทเข้ามาโต้แย้งกับโจทก์ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ร้อง เป็นการแสดงเหตุแห่งการขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) แล้วจึงชอบที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นผู้ร้องสอดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องสอดเพื่อคุ้มครองสิทธิการเช่า: ศาลอนุญาตให้ผู้รับโอนสิทธิการเช่าเข้ามาเป็นคู่ความได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและผู้ร้องซึ่งเป็นบริวารของจำเลยออกจากตึกพิพาทเพราะจำเลยผิดสัญญาเช่าโดยนำตึกพิพาทไปให้ผู้ร้องเช่าช่วง ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยได้โอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทให้ผู้ร้องโดยความยินยอมของโจทก์ โจทก์จึงต้องโอนสิทธิการเช่าให้ผู้ร้องและไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ คำร้อง ของ ผู้ร้องตั้งข้อพิพาทเข้ามาโต้แย้งกับโจทก์ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ร้อง เป็นการแสดงเหตุแห่งการขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) แล้วจึงชอบที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นผู้ร้องสอดได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความ: สิทธิการเช่า, การโอนสิทธิ, อำนาจฟ้อง, สัญญาประนีประนอม
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและผู้เช่าช่วงซึ่งเป็นบริวารของจำเลยออกจากตึกพิพาทเพราะจำเลยผิดสัญญาเช่าโดยนำตึกพิพาทไปให้ผู้ร้องเช่าช่วง ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยได้โอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทให้ผู้ร้องโดยความยินยอมของโจทก์ โจทก์จึงต้องโอนสิทธิการเช่าให้ผู้ร้อง และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ คำร้องของผู้ร้องตั้งข้อพิพาทเข้ามาโต้แย้งกับโจทก์ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ร้อง เป็นการแสดงเหตุแห่งการขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) แล้วจึงชอบที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นผู้ร้องสอดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2741/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีละเมิดของผู้เยาว์: การแก้ไขบกพร่องด้านความสามารถของผู้แทนโดยชอบธรรมหลังจดทะเบียนสมรส
โจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ถูกกระทำละเมิดได้ยื่นฟ้องคดีโดยบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นผู้ฟ้องคดีแทน แม้ขณะยื่นฟ้องบิดามิได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาโจทก์ ก็เป็นเพียงข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถในชั้นยื่นฟ้อง ซึ่งอาจแก้ไขให้ถูกต้องบริบูรณ์ได้เมื่อบิดามารดาโจทก์ได้จดทะเบียนสมรสกันในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นแล้วเหตุบกพร่องในเรื่องความสามารถของผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมย่อมหมดไป การฟ้องคดีของโจทก์จึงสมบูรณ์.
(อ้างฎีกาที่ 1608/2509 ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2741/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้แทนโดยชอบธรรม: การแก้ไขข้อบกพร่องหลังจดทะเบียนสมรส
โจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ถูกกระทำละเมิดได้ยื่นฟ้องโดยบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นผู้ฟ้องคดีแทน แม้ขณะยื่นฟ้องบิดามิได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาโจทก์ ก็เป็นเพียงข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถในชั้นยื่นฟ้องซึ่งอาจแก้ไขให้ถูกต้องบริบูรณ์ได้ ดังนั้นเมื่อบิดามารดาโจทก์ได้จดทะเบียนสมรสกันในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นแล้วเหตุบกพร่องในเรื่องความสามารถของผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมย่อมหมดไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2741/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของการฟ้องคดีโดยผู้แทนโดยชอบธรรมหลังจดทะเบียนสมรส
โจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ถูกกระทำละเมิดได้ยื่นฟ้องคดีโดยบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นผู้ฟ้องคดีแทน แม้ขณะยื่นฟ้องบิดามิได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาโจทก์ ก็เป็นเพียงข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถในชั้นยื่นฟ้อง ซึ่งอาจแก้ไขให้ถูกต้องบริบูรณ์ได้เมื่อบิดามารดาโจทก์ได้จดทะเบียนสมรสกันในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นแล้วเหตุบกพร่องในเรื่องความสามารถของผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมย่อมหมดไป การฟ้องคดีของโจทก์จึงสมบูรณ์. (อ้างฎีกาที่ 1608/2509 ประชุมใหญ่).
of 26