คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มงคล เปาอินทร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 258 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2018/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความกับสัญญาภายหลัง: ศาลบังคับคดีตามสัญญาเดิมได้
เมื่อโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยยอมออกจากตึกพิพาท และศาลมีคำพิพากษาตามยอมแล้ว แม้จะได้ความว่า โจทก์ทำสัญญายอมความกับจำเลยไว้อีกฉบับหนึ่งในวันเดียวกัน โดยโจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อไปจนกว่าโจทก์จะรื้อถอนตึกพิพาทเพื่อทำก่อสร้าง แต่สัญญายอมความดังกล่าวมิได้กระทำต่อหน้าศาล ศาลจึงไม่อาจรับรู้ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยดังกล่าวได้ จำเลยจะมีสิทธิตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวอย่างไรหรือไม่ เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องไปว่ากล่าวเอากับโจทก์ใหม่ต่างหาก เมื่อจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความศาลก็ต้องออกหมายบังคับคดีตามที่โจทก์ร้องขอ กรณีไม่จำต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ขอให้งดการบังคับคดีและเพิกถอนหมายบังคับคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2018/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมต่อหน้าศาลมีผลผูกพันเหนือสัญญานอกศาล แม้จะทำพร้อมกัน
แม้จะได้ความว่า โจทก์ทำสัญญายอมความกับจำเลยไว้อีกฉบับหนึ่ง ในวันเดียวกันกับวันที่ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลว่า โจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อไปจนกว่าโจทก์จะรื้อถอนตึกพิพาทเพื่อทำการก่อสร้างแต่ สัญญายอมความดังกล่าวโจทก์จำเลย ก็มิได้กระทำต่อหน้าศาล ศาลจึงไม่อาจรับรู้ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยได้ เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตาม สัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ต่อหน้าศาล ศาลย่อมออกหมายบังคับคดีตาม ที่โจทก์ร้องขอเพื่อบังคับคดีเอากับจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครอง พฤติการณ์นั่งรถคันเดียวกับผู้กระทำผิด ไม่ถือเป็นหลักฐานการร่วมกระทำผิด
การที่จะฟังว่า จำเลยทั้งสามเป็นคนร้ายกระทำความผิดด้วยหรือไม่ต้อง อาศัยจากพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามเท่านั้นว่าเป็นพิรุธเพียงไร มีส่วนเกี่ยวข้องกับกัญชาของกลางอย่างไร และข้อเท็จจริงเป็นดัง ที่โจทก์นำสืบหรือไม่ ทั้งนี้เพราะโดย เหตุผลตาม ธรรมดาแล้ว การที่บุคคลใด บุคคลหนึ่งนั่งไปในรถยนต์ คันเดียวกันกับผู้ที่กระทำความผิด โดยเฉพาะ ความผิดเกี่ยวกับการมีสิ่งของผิดกฎหมายไว้ในครอบครองโดย ไม่ได้รับอนุญาตนั้น ไม่เป็นเหตุผลที่จะให้ฟังเป็นยุติว่าจะต้อง ร่วมกระทำความผิดในความผิดฐาน นั้นไปด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1349/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จต่อศาล: การเปลี่ยนแปลงคำเบิกความสำคัญต่อคดี ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
จำเลยเห็น ม. กับ ส. เข็นรถบรรทุกกล่องสีน้ำตาลผ่านหลังบ้านจำเลยในวันเวลาตาม ที่ได้ เบิกความไว้จริง แต่ เมื่อจำเลยมาเบิกความต่อ ศาลกลับเบิกความว่าเห็น ม. กับชาย อีกคนหนึ่งชื่อ จ. จำหน้าไม่ได้จึงเป็นการนำความอันเป็นเท็จมาเบิกความต่อ ศาลและเป็นข้อความสำคัญในคดี เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 177.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจรต้องพิสูจน์เจตนา 'รู้' ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา ราคาซื้อขายที่แตกต่างอย่างมากไม่เพียงพอที่จะสรุปได้
คดีรับของโจรแม้จะฟังได้ว่าจำเลยรับซื้อทรัพย์ของกลางของผู้เสียหายไว้ โจทก์ก็จะต้องนำสืบให้ได้ความว่า จำเลยรับซื้อทรัพย์ของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา การที่โจทก์เพียงแต่นำสืบว่า อ. ลักรถจักรยานของผู้เสียหายไปขายให้แก่จำเลยและรถจักรยานของกลางของผู้เสียหายมีราคา 1,900 บาท จำเลยรับซื้อไว้ในราคา 370 บาท แต่ก็ไม่ได้ความว่ารถจักรยานของผู้เสียหายซื้อมานานเท่าใด และมีสภาพเก่าใหม่อย่างไร ที่จำเลยรับซื้อในราคา370 บาทนั้น เป็นราคาที่สมควรหรือไม่อย่างใด ทั้งไม่ได้ความว่าได้พบรถจักรยานที่จำเลยรับซื้อไว้ในลักษณะมีการปิดบังซ่อนเร้นหรือไม่อย่างไร จึงไม่มีพฤติการณ์ใดที่แสดงว่า จำเลยรับซื้อรถจักรยานไว้โดยรู้ว่าเป็นรถจักรยานที่ถูกลักมา พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังรับฟังลงโทษจำเลยฐานรับของโจรไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจรต้องพิสูจน์เจตนา 'รู้' ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา การซื้อขายในราคาที่สมเหตุสมผล ไม่ถือเป็นพฤติการณ์บ่งชี้เจตนา
คดีรับของโจรแม้จะฟังได้ว่าจำเลยรับซื้อทรัพย์ของกลางของผู้เสียหายไว้ โจทก์ก็จะต้องนำสืบให้ได้ความว่า จำเลยรับซื้อทรัพย์ของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา การที่โจทก์เพียงแต่นำสืบว่า อ. ลักรถจักรยานของผู้เสียหายไปขายให้แก่จำเลยและรถจักรยานของกลางของผู้เสียหายมีราคา 1,900 บาท จำเลยรับซื้อไว้ในราคา 370 บาท แต่ก็ไม่ได้ความว่ารถจักรยานของผู้เสียหายซื้อมานานเท่าใด และมีสภาพเก่าใหม่อย่างไร ที่จำเลยรับซื้อในราคา370 บาทนั้น เป็นราคาที่สมควรหรือไม่อย่างใด ทั้งไม่ได้ความว่าได้พบรถจักรยานที่จำเลยรับซื้อไว้ในลักษณะมีการปิดบังซ่อนเร้นหรือไม่อย่างไร จึงไม่มีพฤติการณ์ใดที่แสดงว่า จำเลยรับซื้อรถจักรยานไว้โดยรู้ว่าเป็นรถจักรยานที่ถูกลักมา พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังรับฟังลงโทษจำเลยฐานรับของโจรไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1082/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยินยอมให้ทำถนน – สิทธิโดยไม่สุจริต – ไม่มีอำนาจฟ้อง
บิดามารดาโจทก์ยินยอมให้จำเลยทำถนนผ่านที่ดินของโจทก์ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้เยาว์ โดยโจทก์รู้เห็นด้วยตั้งแต่ขณะจำเลยเริ่มทำและไม่เคยโต้แย้งคัดค้านมาก่อน จึงถือได้ว่าโจทก์ยินยอมให้ทางราชการทำถนนผ่านที่ดินของโจทก์แล้วการที่โจทก์มีอายุ19 ปีเศษ เป็นนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ซึ่งถือว่ามีความรู้สึกผิดชอบและรอบรู้ถึงผลดีผลเสียแห่งการกระทำของตนได้เป็นอย่างดีแล้วได้ยินยอมให้จำเลยทำถนนผ่านที่ดินของโจทก์โดยเข้าใจว่าบิดามารดาโจทก์จะได้รับสัมปทานเดินรถบนถนนสายดังกล่าว แต่ต่อมาเมื่อบิดามารดาโจทก์ไม่ได้รับอนุมัติสัมปทาน โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยทำละเมิดและขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนถนนดังกล่าวออกไปจากที่ดินโจทก์ จึงเป็นกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 5 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องโดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่าการให้ความยินยอมของโจทก์มิได้รับอนุญาตจากศาลเป็นการขัดต่อ ป.พ.พ. มาตรา 1574 หรือไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1082/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยินยอมให้ใช้ที่ดิน & สิทธิโดยไม่สุจริต: โจทก์ฟ้องละเมิดแต่เคยยินยอมและทราบเหตุผล
พฤติการณ์ที่โจทก์มอบอำนาจให้มารดานำที่ดินของโจทก์ไปจัดการหาผลประโยชน์ติดต่อ กันตลอดมา รวมทั้งการที่บิดามารดาโจทก์ยินยอมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกับพวกซึ่ง เป็นจำเลยทำถนน ผ่านที่ดินโจทก์โดย โจทก์ก็รู้เห็นด้วย และไม่เคยโต้แย้งคัดค้านมาก่อน ถือ ได้ว่าโจทก์ยินยอมให้ทางราชการทำถนน พิพาทผ่านที่ดินของโจทก์แล้วการกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิด โจทก์มีอายุ 19 ปีเศษ เป็นนักศึกษาระดับอุดมศึกษาซึ่ง ถือ ว่ามีความรู้สึกผิดชอบและรอบรู้กับผลดี ผลเสียแห่งการกระทำของตน ได้เป็นอย่างดี แล้ว เมื่อโจทก์ยินยอมให้จำเลยทำถนน ผ่านที่ดินของโจทก์โดย เข้าใจว่าบิดามารดาโจทก์จะได้ รับสัมปทานเดินรถบนถนน สายดังกล่าว แต่ ต่อมาบิดามารดาโจทก์ไม่ได้รับอนุมัติสัมปทาน โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องว่าจำเลยทำละเมิดและให้รื้อถอนถนน พิพาทออกไปจากที่ดินโจทก์ จึงเป็นกรณีที่โจทก์ใช้ สิทธิโดย ไม่ สุจริตขัดต่อ บทบัญญัติแห่งป.พ.พ. มาตรา 5 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าการให้ความยินยอมของโจทก์มิได้รับอนุญาตจากศาลเป็นการขัดต่อป.พ.พ. มาตรา 1574 หรือไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1082/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยินยอมให้ทำถนนแล้วฟ้องละเมิดมิได้ ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
บิดามารดาโจทก์ยินยอมให้จำเลยทำถนนผ่านที่ดินของโจทก์ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้เยาว์ โดยโจทก์รู้เห็นด้วยตั้งแต่ขณะจำเลยเริ่มทำและไม่เคยโต้แย้งคัดค้านมาก่อน จึงถือได้ว่าโจทก์ยินยอมให้ทางราชการทำถนนผ่านที่ดินของโจทก์แล้วการที่โจทก์มีอายุ 19 ปีเศษ เป็นนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ซึ่งถือว่ามีความรู้สึกผิดชอบและรอบรู้ถึงผลดีผลเสียแห่งการกระทำของตนได้เป็นอย่างดีแล้ว ได้ยินยอมให้จำเลยทำถนนผ่านที่ดินของโจทก์โดยเข้าใจว่าบิดามารดาโจทก์จะได้รับสัมปทานเดินรถบนถนนสายดังกล่าว แต่ต่อมาเมื่อบิดามารดาโจทก์ไม่ได้รับอนุมัติสัมปทาน โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยทำละเมิดและขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนถนนดังกล่าวออกไปจากที่ดินโจทก์ จึงเป็นกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 5 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องโดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่าการให้ความยินยอมของโจทก์มิได้รับอนุญาตจากศาลเป็นการขัดต่อ ป.พ.พ. มาตรา 1574 หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ค่าซ่อมรถยนต์ ค่าเช่ารถทดแทน และค่าเสียหายจากสินค้าที่เสียหาย
รถยนต์บรรทุกของโจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำโดยประมาทของจำเลย โจทก์ต้องเช่ารถยนต์บรรทุกอื่นมาใช้แทนในระหว่างซ่อม แม้โจทก์ยังมีรถยนต์บรรทุกอีก 2 คันมาใช้แทนกันได้ก็ไม่เป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะเช่ารถยนต์บรรทุกอื่นมาแทนรถยนต์บรรทุกคันที่ได้รับความเสียหาย จำเลยต้องรับผิดใช้ค่าเช่ารถยนต์บรรทุกแก่โจทก์
of 26