พบผลลัพธ์ทั้งหมด 840 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6943-6944/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินวัด: การแย่งการครอบครองใช้ไม่ได้กับที่วัด ต้องใช้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และห้ามยกอายุความ
การแย่งครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375เป็นกรณีที่ใช้บังคับได้แต่เฉพาะแก่ทรัพย์สินธรรมดาสำหรับสินอันเป็นที่วัดและที่ธรณีสงฆ์นั้นต้องใช้บังคับตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ซึ่งได้บัญญัติไว้เป็นกรณีพิเศษในเรื่องกรรมสิทธิ์และการโอนที่วัดและที่ธรณีสงฆ์จะนำบทบัญญัติเกี่ยวกับทรัพย์สินธรรมดามาใช้บังคับไม่ได้ซึ่งตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พ.ศ.2505มาตรา34ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์จะโอนกรรมสิทธิ์ได้ก็แต่โดยพระราชบัญญัติและห้ามมิให้บุคคลใดยกอายุความขึ้นต่อสู้กับวัดในเรื่องทรัพย์สินอันเป็นที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ดังนั้นโจทก์จะยกเรื่องการแย่งการครอบครองขึ้นมาเป็นข้อโต้แย้งในเรื่องที่วัดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6399/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแย่งการครอบครอง: จำเลยอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของ ย่อมไม่เกิดการแย่งการครอบครองจากโจทก์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มิได้ฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง คดีโจทก์จึงขาดสิทธิฟ้องร้องและพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยประเด็นเรื่องฟ้องเคลือบคลุม โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์จำเลยมิได้แก้อุทธรณ์ในเรื่องฟ้องเคลือบคลุม ปัญหาว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 2 และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ทั้งสามมิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง คดีโจทก์ทั้งสามจึงขาดอายุความ แต่จำเลยให้การและนำสืบว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยและจำเลยครอบครองทำประโยชน์ตลอดมา โจทก์ทั้งสามไม่เคยครอบครองที่ดินพิพาท แสดงว่าจำเลยหาได้แย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์ทั้งสามแต่อย่างใดไม่ โจทก์ทั้งสามจึงไม่จำต้องฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ทั้งสามขาดอายุความหรือไม่
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ทั้งสามมิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง คดีโจทก์ทั้งสามจึงขาดอายุความ แต่จำเลยให้การและนำสืบว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยและจำเลยครอบครองทำประโยชน์ตลอดมา โจทก์ทั้งสามไม่เคยครอบครองที่ดินพิพาท แสดงว่าจำเลยหาได้แย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์ทั้งสามแต่อย่างใดไม่ โจทก์ทั้งสามจึงไม่จำต้องฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ทั้งสามขาดอายุความหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6175/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดและการครอบครองปรปักษ์ สิทธิของผู้ซื้อย่อมมีอยู่แม้จำเลยจะครอบครองก่อน
โจทก์ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลปรากฏว่าจำเลยอยู่ในบ้านพิพาทซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวและอ้างว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นของจำเลย แต่จำเลยไม่ได้ให้การกล่าวอ้างว่าโจทก์ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยไม่สุจริตหรือเป็นไปโดยไม่ชอบอย่างไร และมิได้ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดรายนี้ คดีจึงไม่มีประเด็นว่าโจทก์ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดโดยสุจริตหรือไม่ กรณีต้องด้วยบทบัญญัติของ ป.พ.พ.มาตรา 1330 สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดจึงยังคงมีอยู่ แม้จำเลยจะนำสืบว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นของจำเลยมาเป็นเวลากว่า40 ปีแล้ว ก็ไม่ทำให้จำเลยชนะคดีได้
โจทก์ฟ้องว่าได้ให้ ว. และจำเลยอาศัยอยู่ในที่ดินและบ้านจำเลยคงให้การเพียงว่าจำเลยอยู่ในที่ดินเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี มิได้อาศัยสิทธิผู้ใด โจทก์ไม่ฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน จึงขาดสิทธิครอบครองคำให้การจำเลยไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือ แต่จำเลยฎีกาในเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381 เป็นการนอกเหนือจากที่จำเลยให้การไว้ และไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่าได้ให้ ว. และจำเลยอาศัยอยู่ในที่ดินและบ้านจำเลยคงให้การเพียงว่าจำเลยอยู่ในที่ดินเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี มิได้อาศัยสิทธิผู้ใด โจทก์ไม่ฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน จึงขาดสิทธิครอบครองคำให้การจำเลยไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือ แต่จำเลยฎีกาในเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381 เป็นการนอกเหนือจากที่จำเลยให้การไว้ และไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6175/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาด & สิทธิครอบครอง: ศาลยืนตามสิทธิผู้ซื้อ แม้จำเลยอ้างเป็นเจ้าของ
โจทก์ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลปรากฎว่าจำเลยอยู่ในบ้านพิพาทซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวและอ้างว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นของจำเลยแต่จำเลยไม่ได้ให้การกล่าวอ้างว่าโจทก์ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยไม่สุจริตหรือเป็นไปโดยไม่ชอบอย่างไรและมิได้ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดรายนี้คดีจึงไม่มีประเด็นว่าโจทก์ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดโดยสุจริตหรือไม่กรณีต้องด้วยบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1330สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดจึงยังคงมีอยู่แม้จำเลยจะนำสืบว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นของจำเลยมาเป็นเวลากว่า40ปีแล้วก็ไม่ทำให้จำเลยชนะคดีได้ โจทก์ฟ้องว่าได้ให้ว. และจำเลยอาศัยอยู่ในที่ดินและบ้านจำเลยคงให้การเพียงว่าจำเลยอยู่ในที่ดินเป็นเวลาเกินกว่า10ปีมิได้อาศัยสิทธิผู้ใดโจทก์ไม่ฟ้องคดีภายใน1ปีนับแต่โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินจึงขาดสิทธิครอบครองคำให้การจำเลยไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแต่จำเลยฎีกาในเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1381เป็นการนอกเหนือจากที่จำเลยให้การไว้และไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5078/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการครอบครองที่ดินและการกำหนดประเด็นข้อพิพาทที่ไม่ชอบ ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินมือเปล่าของโจทก์จำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยคดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน1ปีนับแต่เวลาที่ถูกแย่งการครอบครองหรือไม่การที่ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทและศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นนี้จึงเป็นการไม่ชอบและเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3782/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินต่อเนื่อง แม้ออกจากที่ดินเนื่องจากภัยอันตราย ไม่ถือเป็นการสละการครอบครอง
โจทก์ออกจากที่ดินพิพาทซึ่งเป็นของ จ. สามีโจทก์ ไปอยู่ที่อื่นเพราะเกรงกลัวอิทธิพลของพวกจำเลยที่ 1 จึงเป็นการออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่โจทก์ มิได้ออกไปโดยเจตนาสละการครอบครองที่ดินพิพาท โจทก์ยังแสดงเจตนายึดถือที่ดินพิพาทด้วยการไปร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ จ. สามีโจทก์ และไปร้องขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ ส่วนจำเลยที่ 1 ไม่ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาท แต่ได้ยื่นคำขอคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้าไปแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท โจทก์จึงไม่จำต้องฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3782/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินพิพาท: การออกจากที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงภัยอันตรายไม่ถือเป็นการสละการครอบครอง
โจทก์ต้องออกจากที่ดินพิพาทเพราะเกรงกลัวอิทธิพลของบุตรจำเลยที่1เป็นการออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นแก่โจทก์และบุตรมิได้ออกไปโดยเจตนาสละการครอบครองโจทก์ยังแสดงเจตนายึดถือที่ดินพิพาทด้วยการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกในการจัดการที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของสามีโจทก์และด้วยการขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ในเวลาต่อมาทั้งนำสืบว่าขณะที่โจทก์ออกไปจำเลยที่1ไม่ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทและการที่จำเลยที่1คัดค้านการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการเข้าไปแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทการที่โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกและห้ามจำเลยที่1เข้าเกี่ยวข้องจึงมิใช่เป็นการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3421/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองหลังสัญญาขายฝากครบกำหนด สิทธิของโจทก์ในการฟ้องขับไล่
จำเลยขายฝากที่ดินและบ้านพิพาทแก่โจทก์ หลังจากครบกำหนดไถ่ถอนแล้วได้ทำสัญญาเช่าบ้านพิพาทกับโจทก์ การที่จำเลยอยู่ในที่ดินและบ้านพิพาทต่อมาหลังจากพ้นกำหนดไถ่ถอนการขายฝาก จึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ หาได้สิทธิครอบครองไม่ แม้จำเลยมีหนังสือขอระงับการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินต่อนายอำเภอก็ไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนลักษณะการยึดถือตาม ป.พ.พ.มาตรา 1381 เพราะจำเลยมิได้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังโจทก์ผู้ครอบครองว่า ไม่มีเจตนาจะยึดถือกรรมสิทธิ์แทนโจทก์ต่อไป โจทก์ไม่ได้ถูกแย่งการครอบครอง จึงไม่ต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า จำเลยได้ใช้สิทธิขอไถ่ถอนที่ดินและบ้านพิพาทภายในกำหนดเวลาตามสัญญาขายฝากแก่โจทก์แล้ว โจทก์ขอผัดผ่อนเรื่อยมาจนพ้นกำหนดเวลาตามสัญญา จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้งขอใช้สิทธิไถ่คืนที่ดินและบ้านพิพาท แม้จะพิจารณาได้ความจริงตามคำให้การจำเลย กรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทก็ยังเป็นของโจทก์อยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า จำเลยได้ใช้สิทธิขอไถ่ถอนที่ดินและบ้านพิพาทภายในกำหนดเวลาตามสัญญาขายฝากแก่โจทก์แล้ว โจทก์ขอผัดผ่อนเรื่อยมาจนพ้นกำหนดเวลาตามสัญญา จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้งขอใช้สิทธิไถ่คืนที่ดินและบ้านพิพาท แม้จะพิจารณาได้ความจริงตามคำให้การจำเลย กรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทก็ยังเป็นของโจทก์อยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3387/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยนอกประเด็นฟ้องร้อง และสิทธิครอบครองที่ดิน: ศาลฎีกาพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลย
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยซื้อมาจากนาง ม. และโจทก์ฟ้องคดีเกิน1ปีนับแต่ถูกรบกวนการครอบครองคดีก็ไม่มีประเด็นเรื่องแย่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375เนื่องจากจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยมาแต่แรกและการแย่งการครอบครองนั้นต้องยอมรับก่อนว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์แต่จำเลยแย่งการครอบครองมาการที่ศาลล่างทั้งสองหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการนอกประเด็นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142วรรคหนึ่งประกอบมาตรา246เป็นการไม่ชอบและปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142(5)ประกอบมาตรา246,247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2749/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยมีเจตนาลวงและผลกระทบต่อบุคคลภายนอกที่ไม่สุจริต
โจทก์มิได้มีเจตนาจะโอนขายที่ดินพิพาทให้ส.แต่ได้ทำพินัยกรรมขายเพียงเพื่อให้ส. นำไปเป็นหลักทรัพย์ประกันเงินกู้ของธนาคารเท่านั้นนิติกรรมขายระหว่างโจทก์และส.จึงเป็นการแสดงเจตนาลวงจำเลยที่1ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของส. ทราบถึงการแสดงเจตนาลวงระหว่างโจทก์กับส. การที่จำเลยที่2ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่1โดยจำเลยที่2ทราบว่าโจทก์ไม่ได้โอนขายที่ดินพิพาทให้ส. และยอมให้โจทก์ไถ่ถอนจำเลยที่2จึงไม่ใช่บุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตโจทก์อ้างโมฆะกรรมต่อสู้จำเลยที่2ได้ ท. ได้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนโจทก์ตลอดมาเพิ่งมาบอกโจทก์ว่าจะไม่ครอบครองที่ดินพิพาทแทนโจทก์โดยครอบครองแทนจำเลยที่2ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1381เมื่อวันที่21กันยายน2533โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่15กรกฎาคม2534จึงเป็นการฟ้องภายใน1ปีนับแต่จำเลยที่2แย่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375