คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1375

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 840 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3089/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอออก น.ส.3ก. ทับที่ดินของผู้อื่นโดยมิได้ครอบครอง ถือเป็นการละเมิดและฟ้องแย้งไม่ขาดอายุความ
เมื่อที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย การที่โจทก์ขอออก น.ส.3 ก.ที่ดินของตนรวมทั้งที่พิพาทโดยโจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาทเลยถือไม่ได้ว่าเป็นการแย่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 และการที่โจทก์ไปขอออก น.ส.3 ก. นั้นก็เป็นการละเมิดต่อจำเลย ตราบใดที่ น.ส.3 ก. ไม่ถูกเพิกถอนย่อมถือว่าการกระทำละเมิดยังมีอยู่ ฟ้องแย้งของจำเลย จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2801/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินต่อเนื่องโดยสงบและเปิดเผย แม้มีการฟ้องแย่งการครอบครองก่อน ก็ไม่ทำให้สิทธิครอบครองขาดอายุ
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ขอให้จำเลยส่งคืนแก่โจทก์และห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การต่อสู้ว่าเดิมที่พิพาทด้านทิศเหนือเป็นของ ท. ตอนกลางถัดมาเป็นของโจทก์ และตอนด้านล่างทิศใต้เป็นของ ว.ท.และโจทก์ได้ขายที่ดินให้จำเลยและจำเลยได้รับยกให้ที่ดินจากบิดามารดาของ ว. จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมา ดังนี้ตามคำให้การของจำเลยไม่มีปัญหาเรื่องการแย่งการครอบครองที่พิพาทเนื่องจากจำเลยครอบครองที่พิพาทของจำเลยเอง ศาลจึงไม่อาจยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสอง ขึ้นวินิจฉัยเองได้ เพราะไม่ได้กำหนดเป็นประเด็นไว้ ทั้งไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2445/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองแทน: สิทธิการครอบครองยังคงอยู่กับผู้ให้เช่า แม้สัญญาเช่าจะไม่ได้ทำกับผู้ครอบครองโดยตรง
แม้จำเลยทำสัญญาเช่าที่พิพาทกับ ส. บุตรของ ล.ไม่ได้เช่าจาก ล.ก็ตาม จำเลยก็เข้าไปอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่านั้นเอง จำเลยจึงอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครอง เมื่อ ล.เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่พิพาทการครอบครองของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทน ล. หาได้เป็นการแย่งการครอบครองไม่ สิทธิครอบครองในที่พิพาทยังเป็นของ ล. เมื่อ ล.ขายที่พิพาทและส่งมอบ ส.ค.1 ให้แก่โจทก์ ถือได้ว่าเป็นการส่งมอบการครอบครองแล้ว โจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2445/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การครอบครองแทน การบอกเลิกสัญญาเช่า และการได้มาซึ่งสิทธิครอบครอง
เดิมจำเลยทำสัญญาเช่าที่พิพาทมี ส.ค.1 จาก ล. ผู้มีสิทธิครอบครองครั้นสัญญาสิ้นสุด จำเลยได้ทำสัญญาเช่ากับส. ซึ่งเป็นบุตรของ ล. จำเลยจึงอยู่ในฐานะครอบครองแทนล. ต่อมา ล. บอกเลิกการเช่ากับจำเลยอ้างว่า ส. ให้เช่าโดยไม่ได้รับความยินยอม และจำเลยก็มิได้บอกกล่าว ล. ว่าไม่เจตนายึดถือที่พิพาทแทน ล. ต่อไป ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริตอาศัยอำนาจใหม่จากบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 การครอบครอง ของจำเลยจึงหาได้เป็นการแย่งการครอบครองไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2445/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การครอบครองแทนเจ้าของเดิมและการส่งมอบสิทธิให้แก่โจทก์
แม้จำเลยทำสัญญาเช่าที่พิพาทกับ ส. บุตรของ ล. ไม่ได้เช่าจาก ล. ก็ตาม จำเลยก็เข้าไปอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่านั้นเอง จำเลยจึงอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครอง เมื่อ ล.เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่พิพาท การครอบครองของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทน ล. หาได้เป็นการแย่งการครอบครองไม่ สิทธิครอบครองในที่พิพาทยังเป็นของ ล. เมื่อ ล. ขายที่พิพาทและส่งมอบส.ค.1 ให้แก่โจทก์ ถือได้ว่าเป็นการส่งมอบการครอบครองแล้วโจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายและการแย่งการครอบครอง
โจทก์บรรยายฟ้องโดยสรุปว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 44 ไร่ 1 งาน ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 3ตำบลบางนอน อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง ตามแผนที่สังเขปเอกสารท้ายฟ้อง โดยได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าวตั้งแต่ พ.ศ. 2519 ตลอดมา เมื่อประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์พ.ศ. 2530 จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกต้นไม้ในที่ดินของโจทก์เนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ 50 ตารางวา โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ปรากฏตามแผนที่สังเขปแสดงตำแหน่งที่ดินพิพาทในบริเวณระบายสีแดง การละเมิดของจำเลยทำให้โจทก์เสียหายเดือนละ 12,100 บาท ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และให้บังคับจำเลยดังนี้คำฟ้องได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วคำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ที่ดินพิพาทเดิมเป็นที่ดินที่ทางราชการออกประทานบัตรทำเหมืองแร่ให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ร. แล้วห้างฯ ดังกล่าวเลิกดำเนินการไป ทางราชการจึงให้ราษฎรเข้าจับจองโดยต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขตามบทกฎหมายข้างต้นที่ดินพิพาทจึงยังคงเป็นที่ดินของรัฐ โจทก์ได้ดำเนินการขออนุญาตจับจองตามที่กฎหมายกำหนด จนทางราชการอนุญาตให้โจทก์เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทได้เป็นการชั่วคราวโดยออกใบจอง (น.ส.2) ให้เป็นหลักฐานโจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยปฏิบัติตามประมวลกฎหมายที่ดิน แม้ทางนำสืบของจำเลยจะได้ความว่าจำเลยเข้ายึดถือครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2528 อันเป็นการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทเกินกว่า 1 ปีก็ตาม ก็เป็นการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้รับอนุญาต ดังนั้นจำเลยจะอ้างเอาระยะเวลาการฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสอง มาเป็นข้อต่อสู้โจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ: ใบจอง (น.ส.2) และการครอบครองปรปักษ์
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของรัฐซึ่งโจทก์ได้ขออนุญาตจับจองตามที่กฎหมายกำหนดจนทางราชการอนุญาตให้โจทก์เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทได้เป็นการชั่วคราวโดยออกใบจอง (น.ส.2) ให้เป็นหลักฐาน โจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยปฏิบัติตาม ประมวลกฎหมายที่ดินฯ แม้จำเลยจะได้เข้ายึดถือครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์เกินกว่า 1 ปีก็ตาม ก็เป็นการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้รับอนุญาตจำเลยจึงอ้างเอาระยะเวลาการฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสอง มาเป็นข้อต่อสู้โจทก์ไม่ได้ โจทก์บรรยายฟ้องถึงที่ตั้งของที่ดินพิพาทและเวลาที่เข้าครอบครองที่ดินพิพาท ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน แม้ไม่ได้ระบุอาณาเขตกว้างยาวไว้ แต่มีแผนที่สังเขปท้ายฟ้องระบุอาณาเขตกว้างยาวไว้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมายส่วนรายละเอียดนอกจากนี้โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 156/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การขัดแย้ง-ไม่ชัดเจน, ประเด็นข้อพิพาทไม่ถูกต้อง, สิทธิครอบครองที่ดิน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่พิพาทขอให้ขับไล่ จำเลยให้การตอนแรกอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยโจทก์ยกให้ แต่ให้การตอนหลังว่า หากที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยก็ครอบครองมากว่า 20 ปีแล้ว จึงพ้นกำหนดเวลาฟ้องเรียกคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 เช่นนี้เป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งและขัดแย้งกันเองไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง แต่เป็นคำให้การที่เข้าใจได้ว่า จำเลยให้การปฏิเสธฟ้องของโจทก์โดยสิ้นเชิง คดีจึงยังมีประเด็นข้อพิพาทว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ คดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่า โจทก์ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในกำหนดเวลา 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองหรือไม่การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทในข้อนี้และศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้นจึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ประเด็นที่ว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่นั้นศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยังไม่ได้วินิจฉัย ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5586/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทายาทและการครอบครองมรดก: อายุความฟ้องเรียกคืน และการเปลี่ยนแปลงลักษณะการครอบครอง
พ. เจ้ามรดกมิได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ พ. จึงอยู่ในฐานะเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ทั้งสี่และว. พี่สาวของโจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดก แม้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตายหรือนับแต่โจทก์ทั้งสี่ได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายเจ้าของมรดกคดีโจทก์ทั้งสี่ก็ ไม่ขาดอายุความ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้บอกกล่าวเปลี่ยนเป็นลักษณะแห่งการยึดถือที่พิพาทไปยังโจทก์ทั้งสี่และว.พี่สาวโจทก์ทั้ง สี่ผู้เป็นทายาทของเจ้ามรดกว่าไม่มีเจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนอีกต่อไป จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ทั้งสี่ไม่ได้ฟ้องเรียกที่พิพาทคืนภายใน 1 ปี นับแต่จำเลยแย่งการครอบครอง จึงขาดสิทธิฟ้องเรียกคืนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5586/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินของทายาทและอายุความฟ้องเรียกคืน
พ. เจ้ามรดกมิได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ พ. จึงอยู่ในฐานะเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ทั้งสี่และว.พี่สาวของโจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดก แม้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตายหรือนับแต่โจทก์ทั้งสี่ได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก คดีโจทก์ทั้งสี่ก็ไม่ขาดอายุความ
เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือที่พิพาทไปยังโจทก์ทั้งสี่และ ว.พี่สาวโจทก์ทั้งสี่ผู้เป็นทายาทของเจ้ามรดกว่าไม่มีเจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนอีกต่อไป จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ทั้งสี่ไม่ได้ฟ้องเรียกที่พิพาทคืนภายใน 1 ปี นับแต่จำเลยแย่งการครอบครอง จึงขาดสิทธิฟ้องเรียกคืนหาได้ไม่
of 84