พบผลลัพธ์ทั้งหมด 840 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ แม้คดีก่อนหน้าเกี่ยวกับที่ดินเดียวกัน เพราะประเด็นต่างกัน และการครอบครองเป็นไปแทนโจทก์
จำเลยขายฝากที่ดินกับโจทก์จนครบกำหนดไถ่ถอนคืนแล้วโจทก์จำเลยตกลงกันเป็นหนังสือว่าโจทก์จะเอาที่ดินไว้เฉพาะด้านที่ติดถนน ส่วนด้านหลังทั้งหมดคืนให้แก่จำเลย และได้มอบที่ดินให้จำเลยครอบครอง ต่อมาโจทก์ขอออกโฉนดที่ดินพิพาท จำเลยจึงฟ้องบังคับให้โจทก์โอนที่ดินให้ตามสัญญา ขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทเป็นคดีนี้ เช่นนี้แม้คดีทั้งสองจะพิพาทเกี่ยวกับที่ดินแปลงเดียวกัน คู่ความรายเดียวกันและต่อมาคดีแรกศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องไปแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ เพราะคดีแรกจำเลยฟ้องโจทก์ให้ปฏิบัติตามสัญญา คดีมีประเด็นว่าสัญญามีผลบังคับหรือไม่ ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคำฟ้องในเรื่องละเมิดเกี่ยวกับที่ดินทั้งแปลง ประเด็นแห่งคดีต่างกัน ถือไม่ได้ว่าเป็นเรื่องเดียวกัน ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
แม้โจทก์จะยอมให้จำเลยครอบครองที่พิพาทตลอดมาโดยมีเจตนาจะให้ที่พิพาทแก่จำเลยก็เป็นเรื่องจะให้หรือคำมั่นจะให้ถือไม่ได้ว่าโจทก์สละสิทธิการครอบครองแล้ว การครอบครองของจำเลยเป็นการครอบครองแทนโจทก์ แม้ต่อมาจำเลยได้ฟ้องให้โจทก์โอนที่ดินแก่จำเลยตามสัญญาเพื่อแสดงการโต้แย้งสิทธิ หรือเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแต่โจทก์ก็ฟ้องคดีนี้ภายในหนึ่งปีนับแต่จำเลยฟ้องคดีดังกล่าว จำเลยจึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่พิพาท
ปัญหาเรื่องค่าเสียหาย โจทก์ไม่ได้ฎีกา การที่โจทก์ยื่นคำแก้ฎีกายกปัญหาข้อนี้ขึ้นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยด้วยเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
แม้โจทก์จะยอมให้จำเลยครอบครองที่พิพาทตลอดมาโดยมีเจตนาจะให้ที่พิพาทแก่จำเลยก็เป็นเรื่องจะให้หรือคำมั่นจะให้ถือไม่ได้ว่าโจทก์สละสิทธิการครอบครองแล้ว การครอบครองของจำเลยเป็นการครอบครองแทนโจทก์ แม้ต่อมาจำเลยได้ฟ้องให้โจทก์โอนที่ดินแก่จำเลยตามสัญญาเพื่อแสดงการโต้แย้งสิทธิ หรือเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแต่โจทก์ก็ฟ้องคดีนี้ภายในหนึ่งปีนับแต่จำเลยฟ้องคดีดังกล่าว จำเลยจึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่พิพาท
ปัญหาเรื่องค่าเสียหาย โจทก์ไม่ได้ฎีกา การที่โจทก์ยื่นคำแก้ฎีกายกปัญหาข้อนี้ขึ้นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยด้วยเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4824/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีหลังศาลตัดสินสิทธิในที่ดิน: การครอบครองต่อเนื่องไม่สร้างสิทธิใหม่
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง และคดีถึงที่สุดไปแล้ว จำเลยคงยึดถือที่นาพิพาทสืบเนื่องต่อมาเท่านั้น ไม่มีพฤติการณ์ใดขึ้นใหม่อันจะแสดงว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองที่นาพิพาท จึงจะนำระยะเวลาการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 กำหนด 1 ปี มาบังคับแก่โจทก์มิได้
โจทก์ขอให้บังคับคดีภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา แม้จำเลยได้ฟ้องโจทก์ขอแสดงสิทธิครอบครองนาพิพาทเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งคดีอยู่ระหว่างพิจารณา แต่เมื่อเป็นการครอบครองภายหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วซึ่งไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองแก่จำเลย จำเลยจึงจะขอให้งดการบังคับคดีไว้ไม่ได้
โจทก์ขอให้บังคับคดีภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา แม้จำเลยได้ฟ้องโจทก์ขอแสดงสิทธิครอบครองนาพิพาทเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งคดีอยู่ระหว่างพิจารณา แต่เมื่อเป็นการครอบครองภายหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วซึ่งไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองแก่จำเลย จำเลยจึงจะขอให้งดการบังคับคดีไว้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4824/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีหลังคำพิพากษาถึงที่สุด: สิทธิครอบครองใหม่ไม่ขัดขวางการบังคับคดีเดิม
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องและคดีถึงที่สุดไปแล้วจำเลยคงยึดถือที่นาพิพาทสืบเนื่องต่อมาเท่านั้นไม่มีพฤติการณ์ใดขึ้นใหม่อันจะแสดงว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองที่นาพิพาทจึงจะนำระยะเวลาการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375กำหนด1ปีมาบังคับแก่โจทก์มิได้ โจทก์ขอให้บังคับคดีภายใน10ปีนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษาแม้จำเลยได้ฟ้องโจทก์ขอแสดงสิทธิครอบครองนาพิพาทเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งคดีอยู่ระหว่างพิจารณาแต่เมื่อเป็นการครอบครองภายหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วซึ่งไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองแก่จำเลยจำเลยจึงจะขอให้งดการบังคับคดีไว้ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4824/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีหลังศาลตัดสินสิทธิในที่ดิน การครอบครองต่อเนื่องไม่สร้างสิทธิใหม่
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง และคดีถึงที่สุดไปแล้วจำเลยคงยึดถือที่นาพิพาทสืบเนื่องต่อมาเท่านั้น ไม่มีพฤติการณ์ใดขึ้นใหม่อันจะแสดงว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองที่นาพิพาท จึงจะนำระยะเวลาการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375กำหนด 1 ปี มาบังคับแก่โจทก์มิได้
โจทก์ขอให้บังคับคดีภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษาแม้จำเลยได้ฟ้องโจทก์ขอแสดงสิทธิครอบครองนาพิพาทเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งคดีอยู่ระหว่างพิจารณา แต่เมื่อเป็นการครอบครองภายหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วซึ่งไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองแก่จำเลยจำเลยจึงจะขอให้งดการบังคับคดีไว้ไม่ได้
โจทก์ขอให้บังคับคดีภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษาแม้จำเลยได้ฟ้องโจทก์ขอแสดงสิทธิครอบครองนาพิพาทเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งคดีอยู่ระหว่างพิจารณา แต่เมื่อเป็นการครอบครองภายหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วซึ่งไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองแก่จำเลยจำเลยจึงจะขอให้งดการบังคับคดีไว้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4114/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานะการครอบครอง และผลต่ออายุความฟ้องแย่งการครอบครอง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านและที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จำเลยและจำเลยร่วมให้การว่า เมื่อโจทก์มาพูดขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านและที่ดินพิพาท จำเลยและบริวารไม่ยอมออกอ้างว่า บ้านและที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลย และให้การตัดฟ้องโจทก์ว่า โจทก์มิได้ฟ้องคดีซึ่งมีการแย่งการครอบครองภายใน 1 ปี จำเลยจึงได้สิทธิครอบครองตามกฎหมายดังนี้ถือได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือบ้านและที่ดินพิพาทโดยบอกกล่าวต่อโจทก์แล้ว จึงเป็นประเด็นโดยตรงในคดีที่ศาลจะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
เมื่อโจทก์บอกจำเลยว่าได้ซื้อบ้านและที่ดินพิพาทไว้แล้ว ให้จำเลยกับบริวารออกไปจากบ้านและที่ดินพิพาท จำเลยไม่ยอมออกโดยบอกโจทก์ว่าไม่มีที่จะไป แล้วจำเลยคงอยู่ในบ้านและที่ดินพิพาทต่อมา คำพูดของจำเลยดังกล่าวมิใช่เป็นการบอกกล่าวว่าไม่เจตนาจะยึดถือบ้านและที่ดินรายพิพาทแทนโจทก์ต่อไป อันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 การที่จำเลยอาศัยอยู่ต่อมาเป็นการครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทในฐานะเป็นผู้แทนโจทก์ โจทก์จึงไม่จำต้องฟ้องจำเลยภายในกำหนด 1 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
เมื่อโจทก์บอกจำเลยว่าได้ซื้อบ้านและที่ดินพิพาทไว้แล้ว ให้จำเลยกับบริวารออกไปจากบ้านและที่ดินพิพาท จำเลยไม่ยอมออกโดยบอกโจทก์ว่าไม่มีที่จะไป แล้วจำเลยคงอยู่ในบ้านและที่ดินพิพาทต่อมา คำพูดของจำเลยดังกล่าวมิใช่เป็นการบอกกล่าวว่าไม่เจตนาจะยึดถือบ้านและที่ดินรายพิพาทแทนโจทก์ต่อไป อันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 การที่จำเลยอาศัยอยู่ต่อมาเป็นการครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทในฐานะเป็นผู้แทนโจทก์ โจทก์จึงไม่จำต้องฟ้องจำเลยภายในกำหนด 1 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3721/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งการครอบครองที่ดินและอายุความฟ้องร้อง คดีนี้ศาลฎีกายกประเด็นอายุความขึ้นวินิจฉัยเองได้แม้ศาลชั้นต้นไม่ได้ตั้งไว้
จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้พ้นระยะเวลาเอาคืนซึ่งการครอบครองและศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้จำเลยได้โต้แย้งคัดค้านและตั้งประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์และคำแก้ฎีกาตลอดมาประเด็นดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ศาลชั้นต้นจะมิได้ตั้งประเด็นไว้เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะจำเลยให้การต่อสู้ไว้แต่แรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3721/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระยะเวลาฟ้องคดีแย่งการครอบครอง: การเริ่มนับระยะเวลาตามมาตรา 1375 วรรคสอง
ประเด็นที่ว่าโจทก์ฟ้องคดีพ้นระยะเวลาเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375วรรคสองหรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ศาลชั้นต้นจะมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยได้ จำเลยเข้าแย่งการครอบครองที่พิพาทโดยเข้าไปทำรั้วโจทก์ไปเห็นรั้วที่จำเลยทำในวันที่29เมษายน2524ขณะนั้นจำเลยยังทำรั้วไม่เสร็จเมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์แย่งการครอบครองด้วยประการอื่นก่อนหน้านั้นยังถือไม่ได้ว่าจำเลยแย่งการครอบครองของโจทก์ไปได้แล้วในวันดังกล่าวโจทก์ฟ้องเอาคืนการครอบครองเมื่อวันที่23เมษายน2525ยังไม่ถึง1ปีจึงยังไม่ขาดสิทธิฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3635/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับ น.ส.3 ที่มีเนื้อที่ดินไม่ตรงกับความเป็นจริง ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยออกน.ส.3ให้โจทก์ไม่เต็มตามเนื้อที่ดินของโจทก์ข้อเท็จจริงที่ยุติมีว่าน.ส.3ที่โจทก์รับมานั้นไม่เต็มเนื้อที่ดินที่โจทก์อ้างขาดไป16ตารางวาซึ่งส่วนที่ขาดนี้ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่าโจทก์ครอบครองอยู่ไม่ได้ยกให้เป็นทางสาธารณะจำเลยให้การว่าโจทก์ยกส่วนนี้ให้เป็นทางสาธารณะจึงเป็นข้อเท็จจริงที่โต้แย้งกันอยู่ต้องฟังพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายต่อไปการที่โจทก์ยอมรับเอาน.ส.3ไปทั้งที่เนื้อที่ดินตามน.ส.3ขาดไป16ตารางวานั้นข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้จะถือว่าที่ดินที่ไม่อยู่ในน.ส.3ของโจทก์นั้นถูกแย่งการครอบครองยังมิได้ถึงแม้โจทก์จะรับน.ส.3ไปเกิน1ปีเมื่อมิใช่กรณีแย่งการครองครองจึงถือว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3635/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับ น.ส.3 ที่มีเนื้อที่ดินไม่ตรงกับที่ครอบครอง ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยออก น.ส.3 ให้โจทก์ไม่เต็มตามเนื้อที่ดินของโจทก์ ข้อเท็จจริงที่ยุติมีว่า น.ส.3 ที่โจทก์รับมานั้นไม่เต็มเนื้อที่ดินที่โจทก์อ้างขาดไป 16 ตารางวา ซึ่งส่วนที่ขาดนี้ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่าโจทก์ครอบครองอยู่ไม่ได้ยกให้เป็นทางสาธารณะ จำเลยให้การว่าโจทก์ยกส่วนนี้ให้เป็นทางสาธารณะ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่โต้แย้งกันอยู่ ต้องฟังพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายต่อไป การที่โจทก์ยอมรับเอาน.ส.3 ไปทั้งที่เนื้อที่ดินตาม น.ส.3ขาดไป 16 ตารางวานั้นข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้จะถือว่าที่ดินที่ไม่อยู่ใน น.ส.3ของโจทก์นั้นถูกแย่งการครอบครองยังมิได้ ถึงแม้โจทก์จะรับน.ส.3 ไปเกิน1 ปี เมื่อมิใช่กรณีแย่งการครองครอง จึงถือว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3635/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินไม่ตรงกับ น.ส.3 ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง ทำให้ขาดอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยออก น.ส.3 ให้โจทก์ไม่เต็มตามเนื้อที่ดินของโจทก์ ข้อเท็จจริงที่ยุติมีว่า น.ส.3 ที่โจทก์รับมานั้นไม่เต็มเนื้อที่ดินที่โจทก์อ้างขาดไป 16 ตารางวา ซึ่งส่วนที่ขาดนี้ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่าโจทก์ครอบครองอยู่ไม่ได้ยกให้เป็นทางสาธารณะ จำเลยให้การว่าโจทก์ยกส่วนนี้ให้เป็นทางสาธารณะ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่โต้แย้งกันอยู่ ต้องฟังพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายต่อไป การที่โจทก์ยอมรับเอา น.ส.3 ไปทั้งที่เนื้อที่ดินตาม น.ส.3 ขาดไป 16 ตารางวานั้น ข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้จะถือว่าที่ดินที่ไม่อยู่ใน น.ส.3 ของโจทก์นั้นถูกแย่งการครอบครองยังมิได้ ถึงแม้โจทก์จะรับ น.ส.3 ไปเกิน 1 ปีเมื่อมิใช่กรณีแย่งการครองครอง จึงถือว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ได้