คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1375

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 840 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2028/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดที่ดินรุกล้ำ และการโอนสิทธิที่ไม่ชอบ การโอนสิทธิโดยผู้ไม่มีสิทธิย่อมไม่ก่อให้เกิดกรรมสิทธิ์
จำเลยที่ 1 ขอรังวัดที่ดินตามโฉนดของตนเพื่อทำแผนที่หลังโฉนดขึ้นใหม่ การรังวัดได้กระทำไปโดยได้แจ้งให้เจ้าของที่ดินข้างเคียงทุกแปลงไประวังแนวเขต แต่มิได้แจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงด้านหนึ่งทราบด้วย แล้วจำเลยที่ 1 นำรังวัดรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ดังนี้ ต้องถือว่าการออกโฉนดของจำเลยที่ 1 ซึ่งแก้ไขใหม่นั้นได้กระทำไปโดยไม่ชอบ จำเลยที่ 1 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่รุกล้ำเข้าไปนั้น แม้จำเลยที่ 1 จะโอนขายที่ดินตามโฉนดนั้นให้จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 รับซื้อไว้โดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิแล้ว ก็เป็นการโอนสิ่งซึ่งตนไม่มีสิทธิ หาก่อให้เกิดกรรมสิทธิ์แก่จำเลยที่ 2 ในที่ดินที่รังวัดรุกล้ำไปนั้นไม่ จำเลยที่ 2 จะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299, 1300 มายันโจทก์หาได้ไม่
จำเลยจ้างให้คนทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินที่ไม่มีหนังสือสำคัญของโจทก์ ขณะที่กำลังฝังเสาจะทำรั้วอยู่นั้น โจทก์พบเข้าก็ได้ห้ามปรามคนเหล่านั้นก็เลิกทำ อีก 2 วันต่อมาได้กลับมาทำรั้วต่ออีกพอโจทก์ห้ามก็ขนเครื่องมือหนีไป การลักลอบเข้าไปปักเสารั้วแล้วหนีไปเมื่อถูกห้ามเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 เข้าแย่งการครอบครองของโจทก์มาได้แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2028/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดที่ดินรุกล้ำ การโอนสิทธิที่ดินโดยไม่ชอบ และอายุความฟ้องร้อง
จำเลยที่ 1 ขอรังวัดที่ดินตามโฉนดของตนเพื่อทำแผนที่หลังโฉนดขึ้นใหม่ การรังวัดได้กระทำไปโดยได้แจ้งให้เจ้าของที่ดินข้างเคียงทุกแปลงไประวังแนวเขต แต่มิได้แจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงด้านหนึ่งทราบด้วย แล้วจำเลยที่ 1 นำรังวัดรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ดังนี้ ต้องถือว่าการออกโฉนดของจำเลยที่ 1ซึ่งแก้ไขใหม่นั้นได้กระทำไปโดยไม่ชอบ จำเลยที่ 1 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่รุกล้ำเข้าไปนั้น แม้จำเลยที่ 1 จะโอนขายที่ดินตามโฉนดนั้นให้จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 รับซื้อไว้โดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิแล้ว ก็เป็นการโอนสิ่งซึ่งตนไม่มีสิทธิ หาก่อให้เกิดกรรมสิทธิ์แก่จำเลยที่ 2 ในที่ดินที่รังวัดรุกล้ำไปนั้นไม่ จำเลยที่ 2จะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299, 1300 มายันโจทก์หาได้ไม่
จำเลยจ้างให้คนทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินที่ไม่มีหนังสือสำคัญของโจทก์ ขณะที่กำลังฝังเสาจะทำรั้วอยู่นั้น โจทก์พบเข้าก็ได้ห้ามปรามคนเหล่านั้นก็เลิกทำ อีก 2 วันต่อมาได้กลับมาทำรั้วต่ออีกพอโจทก์ห้ามก็ขนเครื่องมือหนีไป การลักลอบเข้าไปปักเสารั้วแล้วหนีไปเมื่อถูกห้ามเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 เข้าแย่งการครอบครองของโจทก์มาได้แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1890/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิประทานบัตรทำเหมืองแร่และการละเมิด: การคัดค้านขัดขวางการดำเนินการขอประทานบัตร
การดำเนินการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่เป็นสิทธิอย่างหนึ่งเมื่อโจทก์ใช้สิทธินั้นแล้ว หากผู้ใดเข้ามาคัดค้านขัดขวางทำให้การดำเนินการไปตามสิทธินั้นต้องหยุดชะงักลงย่อมอาจเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ได้ ทั้งนี้ ย่อมแล้วแต่ว่าการคัดค้านขัดขวางนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
การที่โจทก์ใช้สิทธิขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ในที่ดิน โจทก์ยังไม่มีสิทธิอะไรในที่ดินที่ขอประทานบัตร แม้จำเลยจะบุกรุกเข้ามาในที่ดิน โจทก์ก็ยังไม่มีเหตุอะไรที่ได้รับการโต้แย้งจากจำเลยในกรณีที่เกี่ยวข้องกับตัวที่ดินนั้นโดยตรง โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ดินนั้น
อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 หมายถึงการฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดเท่านั้น ส่วนการฟ้องขอให้ห้ามขัดขวางการขอประทานบัตร เป็นการฟ้องขอให้ระงับหรือเพิกถอนการทำละเมิดที่ยังมีอยู่ มิใช่เป็นการเรียกเอาค่าเสียหายจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งอายุความตามมาตราดังกล่าว
ฟ้องของโจทก์มีคำขอบังคับอยู่ 2 คำขอ ศาลล่างสั่งงดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องทั้งหมด เมื่อศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยเพียงคำขอเดียวส่วนอีกคำขอหนึ่งเห็นว่าต้องทำการพิจารณาต่อไป ย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างเพียงบางส่วน ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาฟ้องของโจทก์ต่อไปในประเด็นข้อนั้น แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความส่วนคำขอตามฟ้องนอกจากนั้นคงเป็นอันให้ยกฟ้องดังที่ศาลล่างพิพากษามาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1890/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่และการคุ้มครองจากการขัดขวาง รวมถึงประเด็นสิทธิในที่ดินและการขาดอายุความ
การดำเนินการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่เป็นสิทธิอย่างหนึ่งเมื่อโจทก์ใช้สิทธินั้นแล้ว หากผู้ใดเข้ามาคัดค้านขัดขวางทำให้การดำเนินการไปตามสิทธินั้นต้องหยุดชะงักลงย่อมอาจเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ได้ ทั้งนี้ ย่อมแล้วแต่ว่าการคัดค้านขัดขวางนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
การที่โจทก์ใช้สิทธิขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ในที่ดิน โจทก์ยังไม่มีสิทธิอะไรในที่ดินที่ขอประทานบัตร แม้จำเลยจะบุกรุกเข้ามาในที่ดิน โจทก์ก็ยังไม่มีเหตุอะไรที่ได้รับการโต้แย้งจากจำเลยในกรณีที่เกี่ยวข้องกับตัวที่ดินนั้นโดยตรง โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ดินนั้น
อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 หมายถึงการฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดเท่านั้น ส่วนการฟ้องขอให้ห้ามขัดขวางการขอประทานบัตร เป็นการฟ้องขอให้ระงับหรือเพิกถอนการทำละเมิดที่ยังมีอยู่ มิใช่เป็นการเรียกเอาค่าเสียหายจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งอายุความตามมาตราดังกล่าว
ฟ้องของโจทก์มีคำขอบังคับอยู่ 2 คำขอ ศาลล่างสั่งงดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องทั้งหมด เมื่อศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยเพียงคำขอเดียวส่วนอีกคำขอหนึ่งเห็นว่าต้องทำการพิจารณาต่อไป ย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างเพียงบางส่วน ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาฟ้องของโจทก์ต่อไปในประเด็นข้อนั้น แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความส่วนคำขอตามฟ้องนอกจากนั้นคงเป็นอันให้ยกฟ้องดังที่ศาลล่างพิพากษามาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886-1888/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินวังขังน้ำใช้ร่วมกัน การแบ่งสันปันส่วนเมื่อเกิดข้อพิพาท
โจทก์จำเลยและผู้อื่นอีก 3 คนต่างเป็นเจ้าของที่ดินนาเกลือซึ่งอยู่ทางเหนือต่อจากที่ดินเหล่านี้ลงไปทางใต้ เป็นที่ดินยังไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ซึ่งเป็นวังขังน้ำที่คนเหล่านี้ช่วยกันทะนุบำรุงรักษาและใช้น้ำในวังขังน้ำ สำหรับทำนาเกลือร่วมกัน ไม่อาจกำหนดลงได้ว่าเจ้าของนาเกลือคนใดเป็นเจ้าของที่ดินวังขังน้ำตรงไหน เมื่อโจทก์เลิกทำนาเกลือจะเปลี่ยนเป็นทำนากุ้งในที่ดินวังขังน้ำซึ่งอยู่ติดต่อตรงกับที่ดินนาเกลือของโจทก์ แต่พอเริ่มเข้าทำ จำเลยก็ขัดขวางและเข้าทำบ้าง และเกิดพิพาทกันในชั้นตำรวจและอำเภอตลอดมาโจทก์จำเลยต่างแยกกันครอบครองและแย่งกันทำประโยชน์ ต่างก็ได้เข้าครอบครองที่พิพาท แต่ยังไม่มีฝ่ายใดเข้าครอบครองโดยสงบเป็นส่วนสัดเมื่อคดีมาสู่ศาล ศาลย่อมแบ่งที่พิพาทให้โจทก์จำเลยฝ่ายละครึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886-1888/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินวังขังน้ำร่วมกัน การแบ่งแยกที่ดินพิพาทเมื่อไม่สามารถระบุขอบเขตกรรมสิทธิ์ชัดเจน
โจทก์จำเลยและผู้อื่นอีก 3 คนต่างเป็นเจ้าของที่ดินนาเกลือซึ่งอยู่ทางเหนือต่อจากที่ดินเหล่านี้ลงไปทางใต้ เป็นที่ดินยังไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ซึ่งเป็นวังขังน้ำที่คนเหล่านี้ช่วยกันทะนุบำรุงรักษาและใช้น้ำในวังขังน้ำสำหรับทำนาเกลือร่วมกัน ไม่อาจกำหนดลงได้ว่าเจ้าของนาเกลือคนใดเป็นเจ้าของที่ดินวังขังน้ำตรงไหน เมื่อโจทก์เลิกทำนาเกลือจะเปลี่ยนเป็นทำนากุ้งในที่ดินวังขังน้ำซึ่งอยู่ติดต่อตรงกับที่ดินนาเกลือของโจทก์ แต่พอเริ่มเข้าทำจำเลยก็ขัดขวางและเข้าทำบ้าง และเกิดพิพาทกันในชั้นตำรวจและอำเภอตลอดมาโจทก์จำเลยต่างแยกกันครอบครองและแย่งกันทำประโยชน์ ต่างก็ได้เข้าครอบครองที่พิพาท แต่ยังไม่มีฝ่ายใดเข้าครอบครองโดยสงบเป็นส่วนสัด เมื่อคดีมาสู่ศาล ศาลย่อมแบ่งที่พิพาทให้โจทก์จำเลยฝ่ายละครึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1163/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดิน เกิน 1 ปี สิทธิขาดอายุความ
ตามฟ้องโจทก์กล่าวว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เมื่อปรากฏว่าสามีโจทก์เคยไปขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่พิพาทเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2506 จำเลยคัดค้านว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยสามีโจทก์ขายให้และครอบครองตลอดมา แสดงว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองที่พิพาทจากสามีโจทก์แล้ว โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2510ถือได้ว่าเป็นการฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองเกินหนึ่งปี โจทก์เสียสิทธิที่จะเอาคืนซึ่งการครอบครองไปเด็ดขาดก่อนฟ้องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1163/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดิน เกิน 1 ปี เสียสิทธิเรียกร้อง
ตามฟ้องโจทก์กล่าวว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เมื่อปรากฏว่าสามีโจทก์เคยไปขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่พิพาทเมื่อวันที่ 15กุมภาพันธ์ 2506 จำเลยคัดค้านว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยสามีโจทก์ขายให้และครอบครองตลอดมา แสดงว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองที่พิพาทจากสามีโจทก์แล้ว โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2510 ถือได้ว่าเป็นการฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองเกินหนึ่งปี โจทก์เสียสิทธิที่จะเอาคืนซึ่งการครอบครองไปเด็ดขาดก่อนฟ้องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการขาดอายุความฟ้องคดีแย่งการครอบครองที่ดินจากการขายทอดตลาด
ที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญของจำเลยถูกศาลยึดมาขายทอดตลาดโจทก์เป็นผู้ซื้อได้และได้รับมอบที่ดินแล้ว จำเลยขัดขวางไม่ให้โจทก์เข้าครอบครองแสดงออกซึ่งการแย่งการครอบครองตลอดมา โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองได้ภายหลังที่จำเลยแย่งการครอบครองมาเกิน 1 ปีแล้ว แม้ศาลจะได้มีหนังสือสั่งให้อำเภอทำนิติกรรมจดทะเบียนโอนที่ดินนี้ให้โจทก์ และนับแต่วันที่อำเภอจดทะเบียนโอนให้จนถึงวันฟ้องจะยังไม่เกิน 1 ปีก็ตาม
การครอบครองของจำเลยหลังจากจำเลยได้สิทธิครอบครองมาโดยการแย่งครอบครองจากโจทก์นั้น ไม่นับว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์โจทก์เรียกค่าเสียหายสำหรับระยะเวลานี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการขาดอายุความฟ้องแย่งการครอบครองที่ดิน
ที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญของจำเลยถูกศาลยึดมาขายทอดตลาดโจทก์เป็นผู้ซื้อได้และได้รับมอบที่ดินแล้ว จำเลยขัดขวางไม่ให้โจทก์เข้าครอบครองแสดงออกซึ่งการแย่งการครอบครองตลอดมา โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองได้ภายหลังที่จำเลยแย่งการครอบครองมาเกิน 1 ปีแล้ว แม้ศาลจะได้มีหนังสือสั่งให้อำเภอทำนิติกรรมจดทะเบียนโอนที่ดินนี้ให้โจทก์ และนับแต่วันที่อำเภอจดทะเบียนโอนให้จนถึงวันฟ้องจะยังไม่เกิน 1 ปีก็ตาม
การครอบครองของจำเลยหลังจากจำเลยได้สิทธิครอบครองมาโดยการแย่งครอบครองจากโจทก์นั้น ไม่นับว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์โจทก์เรียกค่าเสียหายสำหรับระยะเวลานี้ไม่ได้
of 84