พบผลลัพธ์ทั้งหมด 840 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความแย่งการครอบครอง: เริ่มนับเมื่อใด? การรับรองจะรื้อรั้วไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง
การที่จำเลยรับรองจะรื้อถอนรั้วที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์ออกไปนั้น เป็นการแสดงว่ายังเคารพสิทธิครอบครองของโจทก์อยู่ หาใช่เป็นการแย่งการครอบครองไม่ หากจำเลยขัดขืนเถียงสิทธิไม่ยอมรื้อถอนรั้วออกไปเมื่อใด อายุความจึงจะเริ่มนับแต่วันนั้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ที่นา: สิทธิความเป็นเจ้าของหลังไถ่ถอนและทอดทิ้ง
ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์กู้เงินจำเลยไป 300 บาทแล้วมอบที่นาพิพาทมือเปล่าให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยต่อมาโจทก์ได้นำเงิน 300 บาทไปชำระให้จำเลยเป็นการไถ่ถอนนาคืนมา และจำเลยได้ออกใบรับเงินให้ไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นโจทก์ก็ไปหากินรับจ้างที่ต่างจังหวัด ไม่เคยเข้าไปครอบครองทำนาพิพาทเลย ทั้งมิได้มอบหมายให้ผู้ใดครอบครองแทนโดยจำเลยยังคงครอบครองทำนาพิพาทนั้นตลอดมาดังนี้ การครอบครองของจำเลยในระยะหลังต่อมานั้นหาใช่เป็นการครอบครองทำนาต่างดอกเบี้ยไม่ จึงไม่ใช่เป็นการครอบครองแทนโจทก์แต่เป็นการครอบครองเพื่อตนเอง จึงไม่ต้องมีการบอกกล่าวไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนายึดถือนาพิพาทแทนโจทก์ต่อไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381เมื่อจำเลยครอบครองนาพิพาทเพื่อตนเองมาเกิน 1 ปีแล้วจำเลยก็ย่อมได้สิทธิเป็นเจ้าของนาพิพาทโดยทางครอบครอง
จากนั้นโจทก์ก็ไปหากินรับจ้างที่ต่างจังหวัด ไม่เคยเข้าไปครอบครองทำนาพิพาทเลย ทั้งมิได้มอบหมายให้ผู้ใดครอบครองแทนโดยจำเลยยังคงครอบครองทำนาพิพาทนั้นตลอดมาดังนี้ การครอบครองของจำเลยในระยะหลังต่อมานั้นหาใช่เป็นการครอบครองทำนาต่างดอกเบี้ยไม่ จึงไม่ใช่เป็นการครอบครองแทนโจทก์แต่เป็นการครอบครองเพื่อตนเอง จึงไม่ต้องมีการบอกกล่าวไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนายึดถือนาพิพาทแทนโจทก์ต่อไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381เมื่อจำเลยครอบครองนาพิพาทเพื่อตนเองมาเกิน 1 ปีแล้วจำเลยก็ย่อมได้สิทธิเป็นเจ้าของนาพิพาทโดยทางครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การครอบครองที่ดินมือเปล่าหลังไถ่ถอน และการเปลี่ยนแปลงลักษณะการครอบครอง
ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์กู้เงินจำเลยไป 300 บาท แล้วมอบที่นาพิพาทมือเปล่าให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย ต่อมาโจทก์ได้นำเงิน 300 บาทไปชำระให้จำเลยเป็นการไถ่ถอนนาคืนมา และจำเลยได้ออกใบรับเงินให้ไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นโจทก์ก็ไปหากินรับจ้างที่ต่างจังหวัด ไม่เคยเข้าไปครอบครองทำนาพิพาทเลย ทั้งมิได้มอบหมายให้ผู้ใดครอบครองแทนโดยจำเลยยังคงครอบครองทำนาพิพาทนั้นตลอดมา ดังนี้ การครอบครองของจำเลยในระยะหลังต่อมานั้นหาใช่เป็นการครอบครองทำนาต่างดอกเบี้ยไม่ จึงไม่ใช่เป็นการครอบครอบแทนโจทก์ แต่เป็นการครอบครองเพื่อตนเอง จึงไม่ต้องมีการบอกกล่าวไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนายึดถือนาพิพาทแทนโจทก์ต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 เมื่อจำเลยครอบครองนาพิพาทเพื่อตนเองมาเกิน 1 ปีแล้ว จำเลยก็ย่อมได้สิทธิเป็นเจ้าของนาพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1853/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแบ่งทรัพย์สินหลังเลิกคบ: ที่ดินมือเปล่า, การครอบครอง, การปฏิเสธแบ่ง
สามีภรรยาอยู่กินกันมาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสระหว่างอยู่กินด้วยกันได้เอาเงินที่ทำมาหาได้ด้วยกันซื้อที่ดินมือเปล่าไว้ทำกินร่วมกัน ต่อมาเลิกเป็นสามีภรรยากัน ภรรยาขอให้แบ่งที่ดินนี้ให้ครึ่งหนึ่ง สามีไม่ยอมแบ่งให้ และสามีเป็นฝ่ายครอบครองทำกินแต่ฝ่ายเดียวหลังจากเลิกเป็นสามีภรรยากัน ดังนี้ เมื่อภรรยาจะฟ้องขอแบ่งเอาที่ดินนั้น ก็ต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่ทราบการที่สามีปฏิเสธไม่ยองแบ่งให้ เพราะการที่สามีปฏิเสธไม่ยอมแบ่งให้นั้น ย่อมเห็นได้ว่า สามีไม่ได้ปกครองที่ดินแทนภรรยาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1649/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดถือแทน vs. ยึดถือเพื่อตน: การบอกกล่าวเปลี่ยนแปลงฐานะสำคัญต่อการเริ่มนับระยะเวลาการครอบครองปรปักษ์
จำเลยขออาศัยอยู่ในที่ดินของโจทก์ จึงต้องถือว่าจำเลยยึดถือที่ดินในฐานะเป็นผู้แทนโจทก์ หากจำเลยยึดถือที่ดินในฐานะเป็นผู้แทนโจทก์ หากจำเลยจะเปลี่ยนลักษณะแพ่งการยึดถือเป็นเพื่อตน ก็ต้องบอกกล่าวไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนาจะยึกถือที่ดินแทนโจทก์ต่อไปเสียก่อน การเปลี่ยนเจตนายึดถือโดยไม่บอกกล่าว ไม่มีผลให้เปลี่ยนแปลงฐานะจากยึดถือแทนไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการสูญเสียสิทธิเรียกร้องคืนการครอบครองเกิน 1 ปี
เมื่อข้อเท็จจริงในห้องสำนวนฟังได้ว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองไปจากโจทก์ และโจทก์มิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองจนเกินกว่า 1 ปีแล้ว ศาลก็ชอบที่จะยกมาตรา 1375 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นวินิจฉัยให้ยกฟ้องโจทก์เสียได้ แม้จำเลยจะมิได้ยกมาตรานี้เป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การด้วยก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1568/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความได้สิทธิภาระจำยอม & ที่ดินสูงต่ำตามธรรมชาติ
อายุความได้สิทธิที่จะนำมาใช้แก่การจำยอม โดยอนุโลมดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 นั้น ได้แก่อายุความตามมาตรา 1382 มาตรานี้กำหนดอายุความไว้ 10 ปี โดยไม่แยกว่าจะเป็นที่ดินมือเปล่าหรือที่ดินมีโฉนด ส่วนอายุความตามมาตรา 1375 นั้น หาใช่อายุความได้สิทธิไม่
คำว่าที่ดินสูง ที่ดินต่ำตามมาตรา 1339, 1340 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น หมายถึงที่ดินสูงต่ำตามธรรมชาติ เจ้าของที่ดินต่ำหาจำต้องรับน้ำจากที่ดินที่ถมให้สูงขึ้นไม่
คำว่าที่ดินสูง ที่ดินต่ำตามมาตรา 1339, 1340 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น หมายถึงที่ดินสูงต่ำตามธรรมชาติ เจ้าของที่ดินต่ำหาจำต้องรับน้ำจากที่ดินที่ถมให้สูงขึ้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แม้ขาดอำนาจฟ้องเรียกคืนที่ดิน แต่ยังเรียกค่าเสียหายจากการแย่งการครอบครองได้ หากจำเลยไม่ยกอายุความ
แม้ศาลจะฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยได้ เพราะโจทก์ฟ้งอคดีภายหลังที่จำเลยเข้าแย่งการครอบครองเกิน 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้ฟ้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายในการที่จำเลยได้เข้าแย่งการครอบครองมาในฟ้องด้วย โดยจำเลยมิได้ยกอายุความเรื่องละเมิดขึ้นต่อสู้ ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิครอบครองที่ดินและเรือน การยกทรัพย์สินให้ผู้อื่น และการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ
เมื่อคดีไม่มีประเด็นหรือไม่ได้นำสืบกันมาว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 ศาลจะยกคำให้การของผู้ตายซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินรายนี้ในคดีก่อนมาฟังว่า เป็นที่บ้านที่สวนโดยคู่ความคดีนี้มิได้อ้างเป็นพยานและไม่ใช่พยานของศาลด้วย ไม่ได้
ในกรณีเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นที่บ้านที่สวนมือเปล่าธรรมดา ที่ต้องบังคับตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชน์ ผู้ยึดถือมีแต่สิทธิครอบครอง เมื่อสละและโอนการครอบครองให้ผู้รับยกให้เกิน 1 ปี แล้ว ย่อมขาดสิทธิ แม้การยกให้จำทำไม่ถูกแบบตามมาตรา 525 ผู้รับได้สิทธิครอบครองแล้ว (อ้างฎีกาที่ 1101/2504)
การยกไม้ 3 ตันให้เขาออกทุนปลูกเรือนขึ้นโดยตกลงกันให้เจ้าของไม่ได้อยู่อาศัยด้วยจนตลอดชีวิตนั้น เป็นเรื่องยกไม้ให้เขา ไม่ใช่ยกเรือนให้ เรือนนั้นจึงเป็นของผู้ออกทุนปลูกสร้างฝ่ายเดียว
ในกรณีเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นที่บ้านที่สวนมือเปล่าธรรมดา ที่ต้องบังคับตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชน์ ผู้ยึดถือมีแต่สิทธิครอบครอง เมื่อสละและโอนการครอบครองให้ผู้รับยกให้เกิน 1 ปี แล้ว ย่อมขาดสิทธิ แม้การยกให้จำทำไม่ถูกแบบตามมาตรา 525 ผู้รับได้สิทธิครอบครองแล้ว (อ้างฎีกาที่ 1101/2504)
การยกไม้ 3 ตันให้เขาออกทุนปลูกเรือนขึ้นโดยตกลงกันให้เจ้าของไม่ได้อยู่อาศัยด้วยจนตลอดชีวิตนั้น เป็นเรื่องยกไม้ให้เขา ไม่ใช่ยกเรือนให้ เรือนนั้นจึงเป็นของผู้ออกทุนปลูกสร้างฝ่ายเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1568/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองปรปักษ์: ผลของการตกลงไม่สืบพยานหลักฐานเพิ่มเติม
คู่ความพิพาทกันเรื่องที่ดิน ศาลสืบพยานโจทก์เสร็จและสืบพยานจำเลยได้ 3 ปาก คู่ความท้าและรับกันว่า 1. โจทก์รับว่าที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า 2. โจทก์รับว่าจำเลยเข้าแย่งการครอบครองที่พิพาทมา 2-3 ปีแล้ว จำเลยก็รับว่าโจทก์แย่งการครอบครองที่พิพาทมา 2-3 ปีแล้ว และ 3. โจทก์จำเลยขอให้ศาลวินิจฉัยข้อเดียวว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ทั้งสองฝ่ายไม่ติดในให้วินิจฉัยคำพยานที่นำสืบมาแล้ว ดังนี้ตามคำรับข้อ 1,2 ไม่อาจวินิจฉัยได้ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ และผลของคำท้าข้อ 3 ตกเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบว่าฟ้องของโจทก์ไม่ขาดอายุความ เมื่อโจทก์ตกลงกับจำเลยไม่ติดใจให้วินิจฉัยคำพยานที่นำสืบกันแล้ว ทั้งไม่สืบพยานกันต่อไป ก็เท่ากับโจทก์ไม่มีพยานนำสืบ โจทก์ต้องแพ้คดี