พบผลลัพธ์ทั้งหมด 571 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงทำร้ายผู้เสียหายโดยบันดาลโทสะจากเหตุข่มเหงน้ำใจ และพิรุธในการให้การของจำเลย
วันเวลาเกิดเหตุจำเลยนอนเฝ้าห้างนาเพียงคนเดียว ผู้เสียหายซึ่งเป็นสามีได้ไปดื่มสุรากับเพื่อน เพิ่งไปหาจำเลยเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน ทั้งยังได้บอกให้จำเลยไปหาข้าวมาให้รับประทานจำเลยต้องเดินไปเอาข้าวที่บ้านซึ่งอยู่ห่างห้างนาประมาณ 3 เส้นเมื่อเอามาให้แล้ว ผู้เสียหายไม่ยอมรับประทาน กลับบ่นว่าจำเลยและยังพูดถึงภรรยาน้อยอีกด้วย การกระทำของผู้เสียหายถือเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยได้ใช้ปืนยิงผู้เสียหายในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะจากพฤติกรรมข่มเหงของผู้เสียหายนำไปสู่การยิง
ในวันเกิดเหตุจำเลยซึ่งเป็นภริยาผู้เสียหายนอนเฝ้าห้างนาเพียงคนเดียวผู้เสียหายไปดื่มสุรากับเพื่อน เพิ่งไปหาจำเลยเมื่อเวลา 24 นาฬิกา และให้จำเลยไปหาข้าวมาให้ผู้เสียหายรับประทาน จำเลยต้องเดินไปเอาข้าวที่บ้านซึ่งอยู่ห่างห้างนา 3 เส้น เมื่อเอามาแล้วผู้เสียหายไม่ยอมรับประทาน กลับบ่นว่าจำเลย และยังพูดถึงภรรยาน้อยอีกด้วย การกระทำของผู้เสียหายเป็นการข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1183/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยกำแพงรั้ว แม้ผู้ซื้อที่ดินก็ต้องร่วมรื้อถอน
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงออกค่าใช้จ่ายในการสร้างกำแพงรั้วพิพาทคนละครึ่ง แต่โจทก์มิได้ตกลงให้จำเลยที่ 1 ก่อสร้างกำแพงรั้วพิพาทล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ได้ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิก่อสร้างกำแพงรั้วพิพาทรุกล้ำเข้าไป เมื่อโจทก์ให้รื้อถอน จำเลยที่ 1 จึงต้องรื้อถอนออกไป จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 เป็นผู้ซื้อตึกแถวและที่ดินที่มีบางส่วนของกำแพงรั้วพิพาทก่อสร้างอยู่จากจำเลยที่ 1 แม้มิได้เป็นผู้ก่อสร้างกำแพงรั้วพิพาทก็ตาม ก็ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รื้อถอนกำแพงรั้วดังกล่าวออกไปจากที่ดินของโจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 893/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีละเมิดและการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม: การมอบอำนาจที่ไม่ชัดเจนและการโต้แย้งสิทธิ
การฟ้องคดีเรื่องจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินกับเรื่องละเมิดและเรียกค่าเสียหายที่จำเลยนำบ้านซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวออกให้เช่าเป็นคนละเรื่องมิได้เกี่ยวเนื่องกันเมื่อโจทก์มอบอำนาจให้ ย. ดำเนินคดีเฉพาะเรื่องจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดิน ไม่ได้มอบอำนาจให้ฟ้องคดีเรื่องละเมิดและเรียกค่าเสียหาย แม้โจทก์จะเบิกความว่าได้ให้ ย. ดำเนินคดีเกี่ยวกับละเมิดและเรียกค่าเสียหายด้วยก็จะฟังคำเบิกความดังกล่าวเป็นการให้สัตยาบันตามกฎหมายหาได้ไม่ คำฟ้องเรื่องละเมิดและเรียกค่าเสียหายจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คดีก่อนศาลวินิจฉัยเพียงว่า ตามคำฟ้องโจทก์ยังไม่ปรากฏว่ามีการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ มิได้วินิจฉัยประเด็นแห่งคดีที่ว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมหรือไม่ ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ โจทก์ขอแบ่งสัดส่วนในที่ดินและบ้านพิพาทซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์รวมตามข้อตกลงที่ทำขึ้นระหว่างโจทก์จำเลยโดยขอให้จำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกให้ เป็นการแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวม ซึ่งจำเลยในฐานะผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมจะต้องดำเนินการทางทะเบียนด้วย เมื่อจำเลยไม่ยอมดำเนินการดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยให้แบ่งกรรมสิทธิ์รวมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อออกใบอนุญาตเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้ออกตรวจสถานประกอบการค้ามีอำนาจหน้าที่เสนอต่อผู้บังคับบัญชาให้ออกหรือไม่ให้ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบกิจการค้าถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการพิจารณาออกใบอนุญาต จำเลยเรียกร้องเงินเป็นการตอบแทนการออกใบอนุญาต จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อเอื้อประโยชน์ในการออกใบอนุญาต ถือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
จำเลยเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานคร ตำแหน่งเจ้าหน้าที่อนามัยมีหน้าที่ตรวจโรงงานและมีอำนาจเสนอความเห็นต่อผู้บังคับบัญชาว่าจะออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอใบอนุญาตประกอบกิจการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพหรือไม่ จำเลยไปตรวจโรงงานของผู้เสียหายพบว่ามีข้อบกพร่องในการขอออกใบอนุญาตประกอบกิจการค้าดังกล่าว ต่อมาจำเลยรับเงินจากผู้เสียหาย 2,000 บาท เป็นค่าธรรมเนียมในการออกใบอนุญาต 1,000 บาท ส่วนที่เกินเป็นเงินที่จำเลยเรียกร้องเอาเป็นค่าตอบแทนในการทำเรื่องเพื่อออกใบอนุญาตถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการพิจารณาว่าจะออกใบอนุญาตให้แก่บุคคลใดในการประกอบกิจการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร การที่จำเลยเรียกร้องเงินจากผู้เสียหายเป็นการตอบแทนในการดำเนินการออกใบอนุญาตดังกล่าว จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อออกใบอนุญาตเป็นความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
จำเลยมีหน้าที่ออกตรวจพื้นที่มีอำนาจที่จะเสนอความเห็นต่อผู้บังคับบัญชา ให้ออกหรือไม่ให้ออกใบอนุญาตก็ได้ ถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการพิจารณาว่าจะออกใบอนุญาตให้แก่บุคคลใดในการประกอบกิจการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครการที่จำเลยเรียกร้องเงินจากผู้เสียหายเป็นการตอบแทนในการดำเนินการออกใบอนุญาตดังกล่าว จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง กรณีรื้อถอนอาคารและเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่น
ตามสัญญาซื้อขายอาคารเพื่อรื้อถอนไป จำเลยที่ 1ยินยอมรับผิดในความเสียหายที่เกิดแก่เทศบาลเมืองสระบุรีผู้ขายและบุคคลภายนอกอันเนื่องจากการรื้อถอนอาคารและเก็บขนวัสดุที่รื้อถอนของจำเลยที่ 1 ผู้ซื้อทั้งสิ้นและเมื่อรื้อถอนตึกแถวแล้ว ตึกพังลงทับสายโทรศัพท์โจทก์เสียหาย จำเลยที่ 2 ก็ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสระบุรีไว้เป็นหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 ได้จ้างจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 4 คน ให้ช่วยกันรื้อถอนตึกแถวตลาดเทศบาลเมืองสระบุรี การทำงานของจำเลยที่ 2 อยู่ในความควบคุมและสั่งการของจำเลยที่ 1 อย่างใกล้ชิด แสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำการรื้อตึกแถวด้วยตนเองเพียงแต่ จ้างแรงงานของจำเลยที่ 2 กับพวก เพราะหากจำเลยที่ 1 ไม่มีความประสงค์จะรื้อถอนด้วยตนเอง ก็ไม่มีเหตุที่จะยอม ทำสัญญายอมรับผิดชอบเรื่องความเสียหายไว้ล่วงหน้า อีกทั้งโจทก์เคยเจรจาเรื่องค่าเสียหายกับจำเลยที่ 1 แต่ตกลงกันไม่ได้ โดยไม่ปรากฏรายละเอียดว่าจำเลยที่ 1 ได้อ้างเหตุผลที่ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 และกระทำการ ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 742/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ไม่มีของกลางก็ฟังได้จากคำรับสารภาพ
จำเลยพาอาวุธปืนพกเข้าไปร่วมชิงทรัพย์ของผู้เสียหาย การพาอาวุธปืนของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการมีไว้ในครอบครองซึ่งอาวุธปืนด้วยแม้เจ้าพนักงานตำรวจจะไม่ได้อาวุธปืนนั้นมาเป็นของกลางเพื่อยืนยันว่าเป็นอาวุธปืนมีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับอยู่หรือไม่ก็ตาม แต่ในชั้นสอบสวน จำเลยก็ให้การรับสารภาพในความผิดข้อหานี้คดีจึงฟังได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อไม่ปรากฏว่าอาวุธปืนที่จำเลยนำไปกระทำผิดเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายแล้วหรือไม่จึงต้องฟังในทางที่เป็นคุณแก่จำเลยว่าเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเพิกถอนพินัยกรรม: ทายาทมีสิทธิฟ้องหากพินัยกรรมทำโดยข่มขู่หรือฉ้อฉล
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นบุตร ของ ส.ซึ่งมีสิทธิได้รับทรัพย์คนละส่วนตามข้อกำหนดในพินัยกรรมของส.กับพินัยกรรมมีข้อกำหนดให้ทรัพย์อีกส่วนหนึ่งตกได้แก่ผู้ทำบุญ อุทิศให้แก่ ส.เมื่อส.ถึงแก่กรรมอันเป็นเจตนาของส. จำเลยที่ 3ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมได้ยื่นเรื่องขอจดทะเบียนผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมต่อนายอำเภอ คดีนี้ เมื่อโจทก์เห็นว่าพินัยกรรมไม่ถูกต้อง เป็นโมฆะทำขึ้นโดย มีการบังคับขู่เข็ญหรือฉ้อฉลไม่เป็นไปตามเจตนาเดิมของ ส. โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในฐานะทายาทของ ส. ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมดังกล่าวได้ตามป.พ.พ. มาตรา 1708 และมาตรา 1709.