พบผลลัพธ์ทั้งหมด 571 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2017/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงทางภารจำยอมมีผลผูกพัน แม้จำเลยจะถอนข้อตกลงในภายหลัง โจทก์ไม่ต้องถอนตาม
โจทก์ จำเลย และ ช. ได้ แบ่งแยกกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เป็นส่วนสัดของแต่ ละคน และได้ ทำบันทึกตกลง กันต่อ เจ้าพนักงานที่ดินว่าไปจดทะเบียนทางภารจำยอมหลังจากได้ รับโฉนด ที่ดินแล้ว บันทึกข้อตกลงดังกล่าวใช้ บังคับได้ แม้ต่อมาภายหลังจำเลยได้ ถอน ข้อตกลงนั้น แต่ โจทก์ไม่ได้ถอน ด้วย ดังนี้ โจทก์ จำเลยต้อง ผูกพันตาม บันทึกข้อตกลงดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดิน: โจทก์มีชื่อในโฉนดย่อมมีสิทธิครอบครอง จำเลยต้องพิสูจน์การครอบครองปรปักษ์
โจทก์มีชื่อ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนด ที่ดิน พิพาท ซึ่งป.พ.พ. มาตรา 1373 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินดังกล่าว จำเลยจึงมีภาระการพิสูจน์ว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่ดินพิพาทด้วย เจตนาเป็นเจ้าของติดต่อ กันเป็นเวลา 10 ปี แม้จำเลยจะมีคำสั่งของศาลชั้นต้นถึงที่สุดแสดงว่าจำเลยได้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดย การครอบครองปรปักษ์ก็ตาม แต่ เมื่อโจทก์ซึ่ง เป็นบุคคลภายนอกคดีสามารถพิสูจน์ได้ ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ คำสั่งของศาลชั้นต้นย่อมไม่ผูกพันโจทก์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 145 วรรคสอง(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1888/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฉ้อโกง vs. จัดหางาน: การพิจารณาความผิดฐานจัดหางานเมื่อปรากฏเจตนาฉ้อโกง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกโดย ทุจริตร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายว่ามีงานกรรมกรก่อสร้างที่ประเทศ สิงคโปร์ ได้ รับค่าจ้างเดือน ละ 6,500 บาท อันเป็นเท็จ ซึ่ง ความจริงแล้วไม่มีงานให้ทำจำเลยกับพวกไม่มีเจตนาและไม่สามารถจะส่งผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศ สิงคโปร์ ได้ ตาม ฟ้อง โจทก์แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหาย จึงไม่เป็นความผิดฐาน จัดหางานโดย ไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน ดังนี้ จำเลยมีเจตนาฉ้อโกงทรัพย์ของผู้เสียหายเท่านั้น ปัญหาดังกล่าว เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีฝ่ายใด ยกขึ้นอ้างศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน: พิจารณาจากพฤติการณ์และสภาพแวดล้อม
บ้านผู้ตายชั้นบนด้านหน้าเปิดโล่ง ไม่มีฝาผนัง รอบบ้านไม่มีรั้ว สามารถมองเห็นภายในบ้านได้ จากระยะไกล หากจำเลยต้องการทราบเพียงว่าโจทก์อยู่ในบ้านหรือไม่ ย่อมไม่จำเป็นต้อง ทำทีไปขอยาจาก อ. เมื่อ อ. เอายาให้จำเลย จำเลยขอน้ำดื่มกับยาด้วย กรณีอาจเป็นได้ ว่า ขณะที่จำเลยไปขอยานั้น จำเลยป่วยจริงและยังมิได้มีเจตนาฆ่าผู้ตาย แต่ เมื่อพบผู้ตายอยู่ในบ้าน ความแค้นที่เคยมีต่อ ผู้ตายก็เกิดขึ้นมาอีกในทันทีทันใด จึงกลับไปเอาอาวุธปืนมายิงผู้ตาย พฤติการณ์ดังกล่าวยังถือ ไม่ได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดย ไตร่ตรอง ไว้ก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1313/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมข่มขืนกระทำชำเราโทรมหญิง: พฤติการณ์นั่งขวางประตูและไม่ห้ามปรามบ่งชี้ความร่วมมือ
จำเลยบอกผู้เสียหายว่า ป. กับ ย. ต้องการร่วม ประเวณีกับผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ยินยอม จำเลยจึงลุกขึ้นไปนั่งตรงประตูห้องไว้ไม่ให้คนเปิดประตูมาเห็นเพื่อให้ ป. กับ ย.ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหาย โดย จำเลยมิได้ห้ามปรามคนทั้งสอง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยร่วมมือกับ ป.และ ย. เพื่อให้คนทั้งสองข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงดังนี้ จำเลยเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิดดังกล่าวด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1306/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจฟ้องคดีและการรับผิดในสัญญาโฆษณา: การพิสูจน์อำนาจฟ้องและข้อผูกพันตามสัญญา
โจทก์มีตัวผู้รับมอบอำนาจมาสืบประกอบสำเนาหนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัทโจทก์ โดยนายทะเบียนบริษัทเมืองฮ่องกงและมีโนตารีปับลิกเมืองฮ่องกงรับรองสำเนาหนังสือรับรองดังกล่าวและมีหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ให้ ป. ดำเนินคดีแทน โดยมีคำรับรองของโนตารีปับลิกเมืองฮ่องกงและกงสุลแห่งประเทศไทยว่าจ. และ อ. กรรมการบริษัทโจทก์ได้ลงนามอย่างเป็นทางการในหนังสือมอบอำนาจและเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของ จ. และ อ.จึงเชื่อได้ว่าบริษัทโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ป. ดำเนินคดีนี้จริงหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 47
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1306/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีและการรับผิดตามสัญญา: หลักฐานการมอบอำนาจและการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
โจทก์มีตัว ผู้รับมอบอำนาจมาสืบประกอบสำเนาหนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัทโจทก์โดย นายทะเบียนบริษัทเมืองฮ่องกงและมีโนตารีปับลิก เมืองฮ่องกงรับรองสำเนาหนังสือรับรองดังกล่าวและมีหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ให้ ป. ดำเนิน คดีแทน โดย มีคำรับรองของโนตารีปับลิก เมืองฮ่องกง และกงสุลแห่งประเทศ ไทยว่า จ. และ อ. กรรมการบริษัทโจทก์ได้ ลงนามอย่างเป็นทางการในหนังสือมอบอำนาจและเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของ จ. และ อ.จึงเชื่อ ได้ ว่าบริษัทโจทก์ได้ มอบอำนาจให้ ป. ดำเนิน คดีนี้จริงหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 47.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนและการสิทธิในที่ดิน: การครอบครองเพื่อแบ่งมรดก มิใช่การครอบครองเพื่อตนเอง
ในคดีอาญาพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นจำเลยในข้อหาบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ในที่นาของโจทก์คดีนี้จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่าโจทก์เป็นเพียงผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนพระภิกษุ ท. บิดาโจทก์จำเลยตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย ล.1ที่โจทก์ทำไว้กับพระภิกษุ ท. ศาลในคดีอาญาฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้ทำหนังสือเอกสารหมาย ล.1 ไว้จริง จำเลยทั้งสองเข้าไปทำนาในที่ดินพิพาทโดยเชื่อว่ามีสิทธิเข้าไปทำได้โดยสุจริต จึงไม่มีเจตนาบุกรุก พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นคดีนี้หาว่าบุกรุกที่ดินพิพาทในคดีอาญาและที่ดินแปลงอื่นจนเต็มพื้นที่ การบุกรุกตามฟ้องในคดีอาญากับคดีนี้เป็นการบุกรุกในช่วงเวลาเดียวกัน จึงเป็นการบุกรุกในคราวเดียวกัน การฟ้องคดีนี้ส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินพิพาทบริเวณเดียวกันกับในคดีอาญาจึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ข้อเท็จจริงในคดีนี้จึงต้องฟังตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีอาญาว่าโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทแทนพระภิกษุ ท. โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของที่ดินพิพาท ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยที่ 2 ที่ 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนและการฟ้องขับไล่: สิทธิในที่ดินพิพาทเมื่อมีเอกสารรับรองสิทธิของผู้อื่น
ในคดีก่อนพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในคดีนี้เป็นจำเลยในข้อหาบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ในที่นาของโจทก์ ซึ่งเป็นที่ดินพิพาทในคดีนี้เพียงบางส่วน จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่าโจทก์เป็นเพียงผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนพระภิกษุ ทองพูนบิดาโจทก์จำเลย ตามหนังสือรับรองที่โจทก์ทำไว้กับพระภิกษุ ทองพูนเอกสารหมาย ล.1 ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้ทำหนังสือเอกสารหมาย ล.1 ไว้จริง จำเลยทั้งสองเข้าไปทำนาในที่ดินพิพาทโดยเชื่อว่ามีสิทธิเข้าไปทำได้โดยสุจริต จึงไม่มีเจตนาบุกรุกพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ในคดีนี้หาว่าบุกรุกที่ดินพิพาทในคดีอาญาและที่ดินแปลงอื่นจนเต็มพื้นที่ การฟ้องคดีนี้ส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินพิพาทบริเวณเดียวกันกับในคดีอาญา จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาในคดีอาญาศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์ทำเอกสารหมาย ล.1 ไว้จริง และคดีถึงที่สุดแล้ว คดีนี้จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญาว่าโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทแทนพระภิกษุ ทองพูน โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของที่ดินพิพาท ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยที่ 2 ที่ 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนสิทธิบิดาและการได้มาซึ่งสิทธิครอบครอง: กรณีครอบครองเพื่อแบ่งมรดก
ในคดีอาญาแม้ศาลชั้นต้นเพียงแต่ วินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีเจตนาบุกรุกจึงไม่มีความผิด แต่ ศาลชั้นต้นก็ได้ วินิจฉัยข้อเท็จจริงก่อนว่าโจทก์ได้ ทำหนังสือรับรองเอกสารหมาย ล.1ว่าบิดาโจทก์ได้ มอบสวนและที่นาพิพาทให้โจทก์เป็นผู้รับรักษาทำกินโดย ไม่ยึดถือเป็นของตน ผู้เดียว แล้วจึงอาศัยข้อความวินิจฉัยถึง เจตนาของจำเลย ถือ ได้ ว่าข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์ได้ ทำหนังสือรับรองเอกสารหมาย ล.1 ไว้จริงหรือไม่ เป็นประเด็นโดยตรงในคดีอาญา เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่ง ต่าง เป็นคู่ความเดียว กันในคดีอาญาเป็นคดีนี้อีก และมีประเด็นโต้เถียง อย่างเดียวกันว่าเอกสารหมาย ล.1 ในคดีอาญานั้นปลอมหรือไม่ ศาลฎีกาจึงต้องถือ ตาม ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาแล้ว โจทก์จะโต้เถียงว่าเอกสารหมาย ล.1 เป็นเอกสารปลอมหาได้ไม่ โจทก์ทำสัญญาไว้กับบิดาโจทก์ว่า บิดาโจทก์ได้ มอบที่สวนและที่นา ซึ่ง เป็นที่พิพาทกับทรัพย์อื่นให้โจทก์เป็นผู้รับรักษาทำกินโดย จะไม่ยึดถือเป็นของตน แต่ ผู้เดียว และจะยอมแบ่งให้น้องทุกคน ดังนี้ ถือ ได้ ว่าเป็นการรับรองสิทธิของบิดาโจทก์ในทรัพย์ดังกล่าว การที่โจทก์ครอบครองที่พิพาท จึงเป็นการครอบครองแทนบิดาโจทก์เพื่อแบ่งให้น้อง ๆ ต่อไป เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ แสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือเป็นการยึดถือเพื่อตน ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1381 แม้โจทก์จะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง.