พบผลลัพธ์ทั้งหมด 571 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงจัดหางานต่างประเทศ - ความผิดฐานฉ้อโกงและประกอบธุรกิจจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยเป็นผู้ติดต่อชักจูงให้ผู้เสียหายไปทำงานต่างประเทศและรับเงินบางส่วนจากผู้เสียหายไว้ ทั้งยังเป็นผู้เขียนแผนที่ให้ผู้เสียหายเดินทางไปหาพวกจำเลยที่ กรุงเทพฯ เมื่อผู้เสียหายไม่ได้เดินทางไปทำงาน จำเลยก็เป็นผู้ติดต่อกับพวกจำเลยเพื่อให้คืนเงินแก่ผู้เสียหายการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะที่แบ่งแยกหน้าที่กันทำในระหว่างจำเลยกับพวก หาใช่เป็นแต่เพียงผู้แนะนำให้ผู้ประสงค์จะไปทำงานในต่างประเทศติดต่อกับผู้ที่จะจัดส่งเองโดยตรงเท่านั้นไม่และการที่จำเลยกับพวกรับเงินผู้เสียหายไปแล้วไม่ดำเนินการให้ผู้เสียหายได้เดินทางไปทำงาน ตามที่จำเลยกับพวกพูดรับรองไว้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับพวกไม่มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง จำเลยกับพวกเคยส่งบุคคลอื่นไป ไต้หวัน โดยให้ถือหนังสือเดินทานักท่องเที่ยวแล้วมีนายจ้างมาคัดเลือกไปทำงานเมื่อไปถึง โดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงจัดหางานต่างประเทศ: เจตนาทุจริตและประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยเป็นผู้ติดต่อชักจูงให้ผู้เสียหายไปทำงานต่างประเทศและรับเงินค่าใช้จ่ายบางส่วนจากผู้เสียหายไว้ ทั้งยังเป็นผู้เขียนแผนที่ให้ผู้เสียหายเดินทางไปหาพวกจำเลยที่กรุงเทพฯ เมื่อผู้เสียหายไม่ได้เดินทางไปทำงาน จำเลยก็เป็นผู้ติดต่อกับพวกจำเลยเพื่อให้คืนเงินแก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเข้าลักษณะที่แบ่งแยกหน้าที่กันทำในระหว่างจำเลยกับพวก และการที่จำเลยกับพวกรับเงินผู้เสียหายไปแล้วไม่ดำเนินการให้ผู้เสียหายได้เดินทางไปทำงานตามที่พูดรับรองไว้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับพวกไม่มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง จำเลยกับพวกเคยส่งบุคคลอื่นไปทำงานต่างประเทศโดยให้ถือหนังสือเดินทางนักท่องเที่ยวแล้วมีนายจ้างมาคัดเลือกไปทำงานเมื่อไปถึงโดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางาน เพื่อไปทำงานในต่างประเทศ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงมติของราชการโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะกระทบสิทธิคู่สัญญาเดิม ก็ไม่ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
บริษัทขนส่ง จำกัด ผู้รับมอบอำนาจจากกรมการขนส่งทางบกได้ทำสัญญาให้โจทก์เข้าปรับปรุงพื้นที่สถานีขนส่งสายเหนือ (ตลาดหมอชิต)ของบริษัทขนส่ง จำกัด แต่บริษัทขนส่ง จำกัด ไม่สามารถส่งมอบที่ดินให้โจทก์ทำการก่อสร้างได้ เนื่องจากกรมธนารักษ์โต้แย้งว่าที่ดินดังกล่าวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะกรมการขนส่งทางบก จึงไม่มีสิทธิมอบอำนาจให้บริษัทขนส่ง จำกัด ทำสัญญา กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลังกรมการขนส่งทางบก กรมธนารักษ์ และบริษัทขนส่ง จำกัด ได้ร่วมประชุมและมีมติให้กรมการขนส่งทางบก มอบที่ดินดังกล่าวคืน กระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการถอนสภาพการเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ให้เป็นที่ดินราชพัสดุที่ใช้ในการจัดหาประโยชน์ เพื่อที่จะให้กรมธนารักษ์พิจารณาให้โจทก์มีสิทธิปลูกสร้างและรับประโยชน์ตอบแทนตามเงื่อนไขแห่งสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับบริษัทขนส่ง จำกัด ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 1ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และจำเลยที่ 2 ในฐานะปลัดกระทรวงคมนาคม พิจารณาเห็นว่ามติดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ก็ย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่นได้การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำเรื่องขอที่ดินดังกล่าวคืนจากจำเลยที่ 3 ในฐานะรองอธิบดีกรมธนารักษ์ รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อ กระทรวงคมนาคม จะได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกนำที่ดินบริเวณสถานีขนส่งตลาดหมอชิตทั้งหมด รวมทั้งที่ดินแปลงดังกล่าวไปดำเนินการตามโครงการที่ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศ เบลเยี่ยม เสนอ อันจะเป็นประโยชน์ต่อทางราชการมากกว่าที่จะแบ่งให้โจทก์ไปทำการปรับปรุงแต่เพียงบางส่วนการกระทำของจำเลยทั้งสามจึงหาใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์แต่อย่างใดไม่ อีกทั้งโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามทุจริตอย่างไร คดีโจทก์จึงไม่มีมูล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนมติของหน่วยงานราชการและการไม่มีความเสียหายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
บริษัทขนส่ง จำกัด ผู้รับมอบอำนาจจากกรมการขนส่งทางบกได้ทำสัญญาให้โจทก์เข้าปรับปรุงพื้นที่สถานีขนส่งสายเหนือ (ตลาดหมอชิต)ของบริษัทขนส่ง จำกัด แต่บริษัทขนส่ง จำกัด ไม่สามารถส่งมอบที่ดินให้โจทก์ทำการก่อสร้างได้ เนื่องจากกรมธนารักษ์โต้แย้งว่าที่ดินดังกล่าวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะกรมการขนส่งทางบก จึงไม่มีสิทธิมอบอำนาจให้บริษัทขนส่ง จำกัด ทำสัญญา กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลังกรมการขนส่งทางบก กรมธนารักษ์ และบริษัทขนส่ง จำกัด ได้ร่วมประชุมและมีมติให้กรมการขนส่งทางบก มอบที่ดินดังกล่าวคืน กระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการถอนสภาพการเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ให้เป็นที่ดินราชพัสดุที่ใช้ในการจัดหาประโยชน์ เพื่อที่จะให้กรมธนารักษ์พิจารณาให้โจทก์มีสิทธิปลูกสร้างและรับประโยชน์ตอบแทนตามเงื่อนไขแห่งสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับบริษัทขนส่ง จำกัด ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 1ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และจำเลยที่ 2 ในฐานะปลัดกระทรวงคมนาคม พิจารณาเห็นว่ามติดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ก็ย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่นได้การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำเรื่องขอที่ดินดังกล่าวคืนจากจำเลยที่ 3 ในฐานะรองอธิบดีกรมธนารักษ์ รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อ กระทรวงคมนาคม จะได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกนำที่ดินบริเวณสถานีขนส่งตลาดหมอชิตทั้งหมด รวมทั้งที่ดินแปลงดังกล่าวไปดำเนินการตามโครงการที่ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศ เบลเยี่ยม เสนอ อันจะเป็นประโยชน์ต่อทางราชการมากกว่าที่จะแบ่งให้โจทก์ไปทำการปรับปรุงแต่เพียงบางส่วนการกระทำของจำเลยทั้งสามจึงหาใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์แต่อย่างใดไม่ อีกทั้งโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามทุจริตอย่างไร คดีโจทก์จึงไม่มีมูล.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขมติของราชการเพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการ แม้จะทำให้เอกชนได้รับความเสียหาย ไม่ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
การที่บริษัทขนส่ง จำกัด ผู้รับมอบอำนาจจากกรมการขนส่งทางบกได้ทำสัญญาให้โจทก์เข้าปรับปรุงพื้นที่สถานีขนส่งสายเหนือ(ตลาดหมอชิต) ของบริษัทขนส่ง จำกัด แต่บริษัทขนส่ง จำกัดไม่สามารถส่งมอบที่ดินให้โจทก์ทำการก่อสร้าง เนื่องจากกรมธนารักษ์โต้แย้งว่าที่ดินดังกล่าวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ กรมการขนส่งทางบกไม่มีสิทธิมอบอำนาจให้บริษัทขนส่ง จำกัด ทำสัญญาแล้วกระทรวงคมนาคมกระทรวงการคลัง กรมการขนส่งทางบก กรมธนารักษ์และบริษัทขนส่งจำกัด ได้ร่วมประชุม และมีมติให้กรมการขนส่งทางบกมอบที่ดินดังกล่าวคืนกระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการถอนสภาพการเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะให้เป็นที่ดินราชพัสดุที่ใช้ในการจัดหาประโยชน์ เพื่อที่จะให้กรมธนารักษ์ พิจารณาให้โจทก์มีสิทธิปลูกสร้าง และรับประโยชน์ตอบแทนตามเงื่อนไขแห่งสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับบริษัทขนส่ง จำกัด แต่ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 1 ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และจำเลยที่ 2 ในฐานะปลัดกระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นว่ามติดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ก็ย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้ การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำเรื่องขอที่ดินดังกล่าวคืนจากจำเลยที่ 3 ในฐานะรองอธิบดีกรมธนารักษ์รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อกระทรวงคมนาคมจะได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกนำที่ดินบริเวณสถานีขนส่งตลาดหมอชิตทั้งหมด รวมทั้งที่ดินแปลงดังกล่าวไปดำเนินการตามโครงการที่ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเบลเยี่ยมเสนออันจะเป็นประโยชน์ต่อทางราชการมากกว่าที่จะแบ่งให้โจทก์ไปทำการปรับปรุงแต่เพียงบางส่วน การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงหาใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์แต่อย่างใดไม่ อีกทั้งโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามทุจริตอย่างไร คดีโจทก์จึงไม่มีมูล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ประโยชน์ถนนสาธารณะ การละเมิดสิทธิ และอายุความของการกระทำละเมิดต่อเนื่อง
แม้ถนนสาธารณะจะอยู่ในความดูแลของสุขาภิบาล แต่ประชาชนทั่วไปก็มีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะโจทก์ซึ่งมีที่ดินและบ้านเรือนอยู่ติดถนนสาธารณะดังกล่าวย่อมได้รับประโยชน์จากการใช้ถนนสาธารณะนั้นยิ่งกว่าบุคคลทั่วไป การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนปิดกั้นถนนสาธารณะเป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตามปกติ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปได้ การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่พิพาทอันเป็นถนนสาธารณะเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ในอันที่จะใช้ประโยชน์จากที่พิพาทดังกล่าว เมื่อจำเลยยังไม่รื้อถอนโรงเรือนออกจากที่พิพาท การกระทำละเมิดของจำเลยยังคงมีอยู่ตลอดไป คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการใช้ประโยชน์ทางร่วม และอายุความละเมิดต่อเนื่อง กรณีการปลูกสร้างสิ่งกีดขวางทางสาธารณะ
แม้ถนนสาธารณะอยู่ในความดูแลของสุขาภิบาล แต่ประชาชนทั่วไปก็มีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะโจทก์ซึ่งมีที่ดินและบ้านเรือนอยู่ติดถนนสาธารณะดังกล่าวย่อมได้รับประโยชน์จากการใช้ถนนสาธารณะนั้นยิ่งกว่าบุคคลทั่วไป การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนปิดกั้นถนนสาธารณะเป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตามปกติโจทก์ย่อมได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปได้.
การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่พิพาทอันเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ในอันที่จะใช้ประโยชน์จากที่พิพาทดังกล่าว เมื่อจำเลยยังไม่รื้อถอนโรงเรือนออกจากที่พิพาท การกระทำละเมิดของจำเลยยังคงมีอยู่ตลอดไปคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ.
การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่พิพาทอันเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ในอันที่จะใช้ประโยชน์จากที่พิพาทดังกล่าว เมื่อจำเลยยังไม่รื้อถอนโรงเรือนออกจากที่พิพาท การกระทำละเมิดของจำเลยยังคงมีอยู่ตลอดไปคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางร่วมกัน, การรอนสิทธิใช้ประโยชน์, อายุความละเมิดต่อเนื่อง, อำนาจฟ้องผู้เสียหายพิเศษ
แม้ถนนสาธารณะจะอยู่ในความดูแลของสุขาภิบาล แต่ประชาชนทั่วไปก็มีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะโจทก์ซึ่งมีที่ดินและบ้านเรือนอยู่ติดถนนสาธารณะดังกล่าวย่อมได้รับประโยชน์จากการใช้ถนนสาธารณะนั้นยิ่งกว่าบุคคลทั่วไป การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนปิดกั้นถนนสาธารณะเป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตามปกติ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปได้
การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่พิพาทอันเป็นถนนสาธารณะเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ในอันที่จะใช้ประโยชน์จากที่พิพาทดังกล่าว เมื่อจำเลยยังไม่รื้อถอนโรงเรือนออกจากที่พิพาท การกระทำละเมิดของจำเลยยังคงมีอยู่ตลอดไป คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่พิพาทอันเป็นถนนสาธารณะเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ในอันที่จะใช้ประโยชน์จากที่พิพาทดังกล่าว เมื่อจำเลยยังไม่รื้อถอนโรงเรือนออกจากที่พิพาท การกระทำละเมิดของจำเลยยังคงมีอยู่ตลอดไป คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการใช้ประโยชน์ทางสาธารณะ การรุกล้ำที่ดิน และอายุความละเมิด
ถนนสาธารณะอยู่ในความดูแลของสุขาภิบาล แต่ประชาชนทั่วไปก็มีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน โจทก์มีที่ดินและบ้านเรือนอยู่ติดถนนสาธารณะดังกล่าวย่อมได้รับประโยชน์จากการใช้ถนนสาธารณะนั้นยิ่งกว่าบุคคลทั่วไปการที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนปิดกั้นถนนสาธารณะเป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตามปกติโจทก์ย่อมได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปได้ จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่พิพาทอันเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ในอันที่จะใช้ประโยชน์จากที่พิพาทดังกล่าว เมื่อจำเลยยังไม่รื้อถอนโรงเรือนออกจากที่พิพาท การกระทำละเมิดของจำเลยยังคงมีอยู่ตลอดไป คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2463/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผูกพันของสัญญาจากตัวแทนกรรมการ และการพิสูจน์ผลสำเร็จจากสัญญาจ้างวิ่งเต้น
ในเรื่องความเกี่ยวพันกันในระหว่างกรรมการและบริษัทและบุคคลภายนอกนั้นต้องบังคับตามบทบัญญัติว่าด้วยตัวแทนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1167 การที่บริษัทจำเลยโดย ธ.ประธานกรรมการ ม. กรรมการผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัท และ พ.กรรมการอีกคนหนึ่งทำการแทนกรรมการผู้จัดการลงนามในสัญญาให้คำมั่นแก่โจทก์ทั้งสองว่าจะให้บำเหน็จรางวัลในการทีโจทก์ทั้งสองวิ่งเต้นติดต่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตให้ตั้งโรงงานน้ำตาลอันเป็นวัตถุประสงค์ของบริษัทจำเลย จึงเป็นการกระทำแทนบริษัทจำเลย แม้จะปรากฏว่า พ. กรรมการของบริษัทจะไม่มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทจำเลยในฐานะกรรมการผู้จัดการก็ตาม แต่ก็เท่ากับเป็นการเชิดให้กระทำแทนในหน้าที่กรรมการผู้จัดการ ทั้งได้ประทับตราบริษัทไว้ด้วยถือได้ว่าบริษัทจำเลยทำนิติกรรมกับโจทก์เอง นิติกรรมดังกล่าวย่อมผูกพันบริษัทจำเลย บริษัทจำเลยจะปฏิเสธความรับผิดไม่ได้ แต่เมื่อปรากฏว่าความสำเร็จในการที่บริษัทจำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานน้ำตาลได้เป็นผลเนื่องมาจากบริษัทจำเลยโดย ป. และ ว. วิ่งเต้นติดต่อกับทางฝ่ายรัฐบาลเอง หาใช่เป็นผลสืบเนื่องจากการที่โจทก์ยื่นเรื่องราวขอความเป็นธรรม โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินบำเหน็จรางวัลตามสัญญา.