พบผลลัพธ์ทั้งหมด 459 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย: เหตุจำเป็นที่ศาลควรอนุญาตเพื่อความยุติธรรม
ในวันนัดสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยที่ 2 นอนรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลมีบัตรตรวจโรคผู้ป่วย รายงานการรักษาและใบรับรองแพทย์มาเป็นหลักฐาน เชื่อ ได้ว่าทนายจำเลยที่ 2 ป่วยจนไม่สามารถมาศาลได้จริง เป็นเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ การนัดสืบพยานจำเลยในวันนั้นเป็นการซักค้านตัวจำเลยที่ 2 ของทนายโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 2 ยังเบิกความไม่เสร็จก็ยากที่จะรับฟังเป็นความจริงได้ถ้า ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีย่อมจะทำให้เสียความยุติธรรมชอบที่ศาลจะสั่งเลื่อนคดีต่อไปเท่าที่จำเป็นแม้จะเกินกว่าหนึ่งครั้งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาซื้อขายแผ่นป้ายอลูมิเนียมเนื่องจากคุณภาพสินค้าไม่ตรงตามสัญญา จำเลยมีสิทธิเลิกสัญญา
ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ฝ่ายเดียวเป็นผู้แถลงขอส่งแผ่นป้ายที่สุ่มตัวอย่างไปตรวจพิสูจน์ และฝ่ายจำเลยก็มิได้รับคำท้าพิสูจน์ของโจทก์ แต่กลับปรากฏว่าจำเลยได้แถลงโต้แย้งไว้ชัดเจนว่า แผ่นป้ายของโจทก์ได้รับการตรวจพิสูจน์จากคณะกรรมการของจำเลยแล้วว่ามีคุณภาพไม่ตรงตามสัญญา จำเลยจะขอสืบพยาน กรณีจึงไม่ใช่เรื่องจำเลยยอมรับคำท้าของโจทก์ โจทก์ยังคงมีภาระการพิสูจน์ว่าแผ่นป้ายสินค้าของโจทก์มีคุณลักษณะเฉพาะตรงตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าแผ่นป้ายสินค้าของโจทก์ที่ส่งไปให้จำเลยไม่มีคุณลักษณะเฉพาะการงานที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายและตามข้อกำหนดอันเป็นสาระสำคัญในการทำสัญญาซื้อขาย โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาซื้อขายจำเลยมีสิทธิเลิกสัญญาได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 386.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดลิขสิทธิ์มี 2 กรณี: ละเมิดโดยตรง (มาตรา 24) หรือโดยอ้อม (มาตรา 27) โดยต้องพิสูจน์เจตนาของผู้กระทำ
การละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521มีได้ 2 กรณี คือ กรณีแรกเป็นการทำละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรงตามมาตรา 24 ได้แก่ การกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ระบุไว้ในมาตรา (1) หรือ (2) คือ การกระทำซ้ำหรือดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือการนำออกโฆษณา ซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยมิได้รับอนุญาตตามมาตรา 13 กรณีที่สอง เป็นกรณีที่กฎหมายให้ถือว่าเป็นการละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตามมาตรา 27 ได้แก่การกระทำบางอย่างที่มิใช่การทำละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง แต่เป็นการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ระบุไว้ในมาตรา 27(1) ถึง (4)แก่งานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรงอีกต่อหนึ่ง ในกรณีเช่นนี้จึงต้องปรากฏว่าผู้กระทำรู้อยู่แล้วว่างานนั้นทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดลิขสิทธิ์ต้องปรากฏว่าผู้กระทำรู้ว่างานนั้นละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น การกระทำโดยตรงหรือทางอ้อมก็ถือเป็นการละเมิดได้
การละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521มีได้ 2 กรณี คือ กรณีที่เป็นการทำละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรงตามมาตรา 24 ซึ่งได้แก่การกระทำซ้ำหรือดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หรือการนำออกโฆษณาซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 13 กับกรณีที่กฎหมายให้ถือว่าเป็นการละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตามมาตรา 27ซึ่งได้แก่การกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ระบุไว้ในมาตรา 27(1)ถึง (5) แต่งานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรงอีกต่อหนึ่ง ดังนั้นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรา 27จึงต้องปรากฏว่าผู้กระทำรู้อยู่แล้วว่างานนั้นทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดลิขสิทธิ์: จำเลยทำซ้ำ/ดัดแปลงงานมีลิขสิทธิ์โดยตรง แม้ไม่ต้องพิสูจน์ว่ารู้ว่าละเมิด
การละเมิดลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มีได้ 2กรณี คือ กรณีแรกเป็นการละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง ตามมาตรา 24 ได้แก่การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบุไว้ในมาตรา 24(1) หรือ (2) คือการกระทำซ้ำหรือดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หรือการนำออกโฆษณาซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยมิได้รับอนุญาตตามมาตรา 13 กรณีที่สองเป็นกรณีที่กฎหมายให้ถือว่าเป็นการละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ตามมาตรา 27 ได้แก่การกระทำบางอย่างที่มิใช่เป็นการทำละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรงอย่างเช่น กรณีมาตรา 24 แต่เป็นการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ระบุไว้ในมาตรา 27(1) ถึง (4) แก่งานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรงอีกต่อหนึ่ง ในกรณีเช่นนี้จึงต้องปรากฏว่าผู้กระทำรู้อยู่แล้วว่างานนั้นทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานหนังสือคู่มือครูคณิตศาสตร์ช่าง อุตสาหกรรม1,2 และ 3 ตามเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.3 จำเลยทั้งห้าได้ทำละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ดังกล่าว คือร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 โดยลอกเลียนจากหนังสือเอกสารหมาย จ.1ถึง จ.3 และศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าโจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานหนังสือเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.3 จำเลยทั้งห้าร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือเอกสารหมาย จ.5 และเฉพาะจำเลยที่ 1ที่ 2 ยังได้จัดพิมพ์หนังสือเอกสารหมาย จ.4 โดยลอกเลียนดัดแปลงจากหนังสือเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.3 ซึ่งเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ก่อน ดังนี้เท่ากับศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยทั้งห้าได้ทำซ้ำหรือดัดแปลงแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ เป็นกรณีจำเลยทั้งห้าทำละเมิดต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์โดยตรงตามมาตรา 24.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: สถานที่เกิดเหตุที่พอสมควรต่อการเข้าใจข้อหา
ฟ้องโจทก์ระบุว่าสถานที่เกิดเหตุคือบริเวณบริษัท ค. แม้มิได้ระบุว่าบริษัทดังกล่าวตั้งอยู่ที่ใดก็ตาม แต่ในตอนท้ายของคำฟ้องได้กล่าวไว้ว่า ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ตามหมายขังของศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขดำที่ พ.812/2533 ซึ่งพออนุโลมได้ว่าเป็นส่วนประกอบของคำฟ้อง และปรากฏว่าในสำนวนคดีดังกล่าวซึ่งติดอยู่ตอนหน้าของสำนวนคดีนี้นั้นตามคำร้องของพนักงานสอบสวนที่ขอฝากขังจำเลยในขณะที่เป็นผู้ต้องหาได้ระบุสถานที่เกิดเหตุที่บริษัทดังกล่าวว่าอยู่ที่ตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการและจำเลยได้รับสำเนาคำร้องฉบับนี้ไปแล้ว จำเลยย่อมจะเข้าใจได้ดีว่าเหตุคดีนี้เกิดที่ใดจึงได้ให้การรับสารภาพ ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158(5) แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: สถานที่เกิดเหตุและความเข้าใจของจำเลย
แม้คำฟ้องโจทก์จะมิได้ระบุว่าบริษัทที่เกิดเหตุตั้งอยู่ที่ใดก็ตาม แต่เมื่อตอนท้ายของคำฟ้องกล่าวไว้ว่า ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ตามหมายขังของศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขดำที่พ.812/2533 พออนุโลมได้ว่าเป็นส่วนประกอบของคำฟ้องและปรากฏว่าในสำนวนคดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนที่ขอฝากขังจำเลยในขณะที่เป็นผู้ต้องหาได้ระบุสถานที่เกิดเหตุที่บริษัทอยู่ที่ตำบลสำโรงใต้อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ และจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว จำเลยย่อมจะเข้าใจได้ดีว่าเหตุเกิดที่ใด ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158(5).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: สถานที่เกิดเหตุและข้อเท็จจริงที่จำเลยเข้าใจ
ฟ้องโจทก์ระบุว่า สถานที่เกิดเหตุคือบริเวณบริษัท ค.แม้มิได้ระบุว่าบริษัทดังกล่าวตั้งอยู่ที่ใดก็ตาม แต่ในตอนท้ายของคำฟ้องได้กล่าวไว้ว่า ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ตามหมายขังของศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขดำที่ พ.812/2533 ซึ่งพออนุโลมได้ว่าเป็นส่วนประกอบของคำฟ้อง และปรากฏว่าในสำนวนคดีดังกล่าวซึ่งติดอยู่ตอนหน้าของสำนวนคดีนี้นั้นตามคำร้องของพนักงานสอบสวนที่ขอฝากขังจำเลยในขณะที่เป็นผู้ต้องหาได้ระบุสถานที่เกิดเหตุที่บริษัทดังกล่าวว่า อยู่ที่ตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดงจังหวัดสมุทรปราการ และจำเลยได้รับสำเนาคำร้องฉบับนี้ไปแล้วจำเลยย่อมจะเข้าใจได้ดีว่าเหตุคดีนี้เกิดที่ใดจึงได้ให้การรับสารภาพ ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมจำหน่ายยาเสพติด: พฤติการณ์สนับสนุนการกระทำความผิดตั้งแต่ต้นจนจบ
การที่จำเลยที่ 2 ทำหน้าที่ขับรถยนต์ ซึ่งมีเฮโรอีนและฝิ่นของกลางใส่มากับรถ แล้วเอายาเสพติดให้โทษของกลางไปซุกซ่อน ไว้ในป่าละเมาะข้างทางเพื่อรอจำเลยที่ 1 พาผู้ซื้อมาเอาไป ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 1 พาผู้ซื้อมาแล้ว จำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็พาจำเลยที่ 1เข้าไปเอาของกลางที่ซ่อน ไว้ และเดิน ไปส่งของนั้นที่รถยนต์ซึ่งผู้ซื้อรออยู่ และจำเลยที่ 2 ยังรออยู่ที่นั้นเพื่อให้จำเลยที่ 1รับเงินมาแบ่งกัน พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ถือได้ว่า จำเลยที่ 2ได้กระทำการอันเป็นส่วนหนึ่งแห่งการจำหน่ายเฮโรอีนและฝิ่นของกลางให้แก่ผู้ซื้อด้วย จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นตัวการ ตาม ป.อ.มาตรา 83. จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ลดโทษโดยอ้างว่า มีบิดามารดาซึ่งป่วยเป็นอัมพาตและมีบุตรจะต้องเลี้ยงดูนั้น ก็มิใช่เหตุบรรเทาโทษตามป.อ. มาตรา 78.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ-รู้เห็นเป็นใจ: ผู้ให้เช่าซื้อไม่สุจริต ขอคืนรถไม่ได้ แม้เกิดความเสียหาย
สัญญาเช่าซื้อระบุว่า ตั้งแต่วันที่ผู้เช่าซื้อได้รับมอบทรัพย์สินที่เช่าซื้อเป็นต้นไป หากเกิดความเสียหายใด ๆ แก่ทรัพย์สินที่เช่าซื้อในระหว่างอายุสัญญาเช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อยินยอมรับผิดชดใช้เงินค่าเช่าซื้อที่ยังค้างชำระอยู่ทั้งสิ้น ข้อสัญญาดังกล่าวแสดงวัตถุประสงค์อยู่ในตัวว่าผู้ให้เช่าซื้อต้องการราคาค่าเช่าซื้อเป็นสำคัญ เมื่อผู้ให้เช่าซื้อทราบว่ารถจักรยานยนต์ของกลางถูกยึดแล้ว ผู้ให้เช่าซื้อก็ยังคงรับค่าเช่าซื้อต่อมาอีกไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อหรือติดตามเอารถจักรยานยนต์คืน ทั้งผู้ให้เช่าซื้อไม่เคยไปขอรับรถจักรยานยนต์ของกลางคืนจากพนักงานสอบสวนการที่ผู้ให้เช่าซื้อขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางจึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ถือได้ว่าผู้ให้เช่าซื้อรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ผู้ให้เช่าซื้อจึงไม่มีสิทธิร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง