คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พนม พ่วงภิญโญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 459 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5665/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยตัวแทนไม่เปิดเผยชื่อ สิทธิของบุคคลภายนอกที่ซื้อโดยสุจริต
การที่โจทก์ยอมให้ใส่ชื่อจำเลยที่ 1 ใน น.ส. 3 แทนตน เป็นเรื่องที่โจทก์ซึ่งเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อยอมให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นตัวแทนทำการออกหน้าเป็นตัวการว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินดังกล่าว โจทก์จึงหาอาจทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่มีต่อจำเลยที่ 1 ผู้เป็นตัวแทนและขวนขวายได้สิทธิมาก่อนที่จะรู้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของโจทก์ได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5665/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิในที่ดินโดยตัวแทนที่ไม่เปิดเผยชื่อ: สิทธิของบุคคลภายนอกที่สุจริต
การที่โจทก์ยอมให้ใส่ชื่อจำเลยที่ 1 ใน น.ส. 3 แทนตน เป็นเรื่องที่โจทก์ซึ่งเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อยอมให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นตัวแทนทำการออกหน้าเป็นตัวการว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินดังกล่าว โจทก์จึงหาอาจทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่มีต่อจำเลยที่ 1 ผู้เป็นตัวแทนและขวนขวายได้สิทธิมาก่อนที่จะรู้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของโจทก์ได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5647/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนโดยชอบธรรม: ชุลมุนแย่งมีดและแทงตอบโต้เพื่อหยุดยั้งการทำร้าย
จำเลยอายุ 17 ปี ต้อนฝูงโคไปตามทาง ผู้ตายอายุ 43 ปีรูปร่างใหญ่กว่าจำเลย ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปไม่ได้เพราะฝูงโคเดินเกะกะ จึงด่าและหาว่าจำเลยกลั่นแกล้ง ผู้ตายจอดรถจักรยานยนต์แล้วเข้ามาตบหน้าจำเลย 4 ที จำเลยถอยหนี ผู้ตายเข้ามาจะตบซ้ำ จำเลยจึงชักมีดปลายแหลมออกมาและพูดห้ามอย่าเข้ามาแต่ผู้ตายยังเข้ามาเตะจำเลยที่ลำตัว 2 ที กับเข้าแย่งมีดได้แล้วแทงจำเลยที่บริเวณหน้าอกซ้าย 1 ที ถือเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย จำเลยแย่งมีดจากผู้ตายคืนมาแล้วแทงผู้ตายหลายที แต่มิได้เลือกว่ามีดจะถูกบริเวณใดของร่างกายและแทงไปเพื่อหยุดยั้งการทำร้ายของผู้ตาย เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5647/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้มีดป้องกันการทำร้ายร่างกายจากผู้มีรูปร่างใหญ่กว่า
จำเลยอายุ 17 ปี ต้อนฝูงโคไปตามทาง ผู้ตายอายุ 43 ปีรูปร่างใหญ่กว่าจำเลย ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปไม่ได้เพราะฝูงโคเดินเกะกะ จึงด่าและหาว่าจำเลยกลั่นแกล้ง ผู้ตายจอดรถจักรยานยนต์แล้วเข้ามาตบหน้าจำเลย 4 ที จำเลยถอยหนี ผู้ตายเข้ามาจะตบซ้ำ จำเลยจึงชักมีดปลายแหลมออกมาและพูดห้ามอย่าเข้ามาแต่ผู้ตายยังเข้ามาเตะจำเลยที่ลำตัว 2 ที กับเข้าแย่งมีดได้แล้วแทงจำเลยที่บริเวณหน้าอกซ้าย 1 ที ถือเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย จำเลยแย่งมีดจากผู้ตายคืนมาแล้วแทงผู้ตายหลายที แต่มิได้เลือกว่ามีดจะถูกบริเวณใดของร่างกายและแทงไปเพื่อหยุดยั้งการทำร้ายของผู้ตาย เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5640/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแทงทำร้ายร่างกายในเหตุทะเลาะวิวาท: เจตนาฆ่าและการป้องกันสิทธิ
ภริยาจำเลยกับผู้เสียหายสมัครใจทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันมิใช่เป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย จำเลยจึงไม่อาจอ้างได้ว่า การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของภริยาจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 68 ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน มีดปลายแหลมที่จำเลยใช้ยาวทั้งด้าม ถึง 1 ฟุต อาจใช้แทงประทุษร้ายถึงตาย ได้ จำเลยเลือกแทงตรงอวัยวะสำคัญและแทงโดยแรง ผู้เสียหายได้รับบาดแผลยาว 2 เซนติเมตรกว้าง 1 เซนติเมตร ลึกทะลุเยื่อบุ ช่องท้องอาจทำให้ถึงตาย ได้จำเลยจะแทงซ้ำอีก แต่มีผู้วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุเสียก่อน จำเลยจึงวิ่งหนีไป เช่นนี้ ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5640/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิภริยาและการมีเจตนาฆ่า: การใช้มีดแทงในเหตุวิวาท
ภริยาจำเลยกับผู้เสียหายสมัครใจทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน มิใช่เป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย จำเลยจึงไม่อาจอ้างได้ว่า การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของภริยาจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน มีดปลายแหลมที่จำเลยใช้ทั้งด้ามยาวถึง 1 ฟุต อาจใช้แทงประทุษร้ายถึงตายได้ จำเลยเลือกแทงตรงอวัยวะสำคัญและแทงโดยแรง ผู้เสียหายได้รับบาดแผลยาว 2 เซนติเมตรกว้าง 1 เซนติเมตร ลึกทะลุเยื่อบุ ช่องท้องอาจทำให้ถึงตายได้จำเลยจะแทงซ้ำอีก แต่มีผู้วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุเสียก่อนจำเลยจึงวิ่งหนีไป เช่นนี้ ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5640/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธอันตราย การป้องกันสิทธิผู้อื่น และเจตนาฆ่า
ภริยาจำเลยกับผู้เสียหายสมัครใจทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน มิใช่เป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย จำเลยจึงไม่อาจอ้างได้ว่า การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของภริยาจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน มีดปลายแหลมที่จำเลยใช้ทั้งด้ามยาวถึง 1 ฟุต อาจใช้แทงประทุษร้ายถึงตายได้ จำเลยเลือกแทงตรงอวัยวะสำคัญและแทงโดยแรง ผู้เสียหายได้รับบาดแผลยาว 2 เซนติเมตรกว้าง 1 เซนติเมตร ลึกทะลุเยื่อบุ ช่องท้องอาจทำให้ถึงตายได้จำเลยจะแทงซ้ำอีก แต่มีผู้วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุเสียก่อนจำเลยจึงวิ่งหนีไป เช่นนี้ ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5592/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิงปืนเข้าบ้าน แม้ไม่ถูกตัวผู้เสียหาย
การที่จำเลยใช้ปืนอันเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงเข้าไปในบ้านผู้เสียหายในยามวิกาล ซึ่งวิญญูชนทั่วไปย่อมรู้ดีว่าต้องมีบุคคลหลับนอนหรือพักอาศัยอยู่ในบ้าน แม้กระสุนปืนที่จำเลยยิงเข้าไปในบ้านจะไม่ถูกผู้เสียหายหรือผู้ใดที่อยู่ในบ้าน แต่เมื่อตำแหน่งที่ถูกกระสุนปืนนัดหนึ่งห่างจากผู้เสียหายเพียง 1 เมตร อีกนัดหนึ่งถูกใต้ขอบหน้าต่างบ้าน ดังนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5592/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากพฤติการณ์ยิงปืนเข้าบ้านผู้เสียหาย แม้ไม่ถูกตัว
การที่จำเลยใช้ปืนอันเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงเข้าไปในบ้านผู้เสียหายในยามวิกาล ซึ่งวิญญูชนทั่วไปย่อมรู้ดีว่าต้องมีบุคคลหลับนอนหรือพักอาศัยอยู่ในบ้าน แม้กระสุนปืนที่จำเลยยิงเข้าไปในบ้านจะไม่ถูกผู้เสียหายหรือผู้ใดที่อยู่ในบ้าน แต่เมื่อตำแหน่งที่ถูกกระสุนปืนนัดหนึ่งห่างจากผู้เสียหายเพียง 1 เมตร อีกนัดหนึ่งถูกใต้ขอบหน้าต่างบ้าน ดังนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5496/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเรื่องค่าขึ้นศาล และผลของการใช้คำสั่งระหว่างพิจารณา
เดิมศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้องขัดทรัพย์โดยให้ผู้ร้องเสียค่าธรรมเนียมตามทุนทรัพย์ที่ผู้ร้องอ้างว่าเป็นราคาที่เจ้าพนักงานที่ดินประเมินไว้ก่อน ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มโดยให้คำนวณทุนทรัพย์ตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตีราคาไว้ภายในกำหนด 20 วัน ผู้ร้องทราบคำสั่งโดยชอบแล้วไม่ปฏิบัติตาม ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่รับคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องไว้ และจำหน่ายคดีของผู้ร้องคำสั่งดังกล่าวหาใช่คำสั่งที่ไม่รับหรือให้คืนคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 วรรคสุดท้าย เนื่องจากมิใช่คำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1) ผู้ร้องต้องทำคำคัดค้านโต้แย้งไว้เพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) เมื่อผู้ร้องไม่นำเงินค่าขึ้นศาลที่ต้องเสียเพิ่มมาชำระภายในเวลาที่ศาลกำหนดถือว่าผู้ร้องเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้ เป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) แม้ปรากฏว่าศาลชั้นต้นใช้คำว่า "สั่งไม่รับคำร้องขัดทรัพย์"รวมอยู่ในคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้รับคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องด้วย แต่ก็ได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความไว้ด้วยถือว่าเป็นการใช้ถ้อยคำคลาดเคลื่อน ซึ่งมีผลเป็นว่าให้จำหน่ายคดีด้วยเหตุที่ผู้ร้องทิ้งคำร้องนั่นเอง.
of 46