คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พนม พ่วงภิญโญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 459 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3050/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง แม้ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ
ข้อความที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาคดีอาญาเรื่องความผิดอันเกี่ยวกับการใช้เช็คว่า จำเลยทั้งสองจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ 30,000 บาทในวันที่ 15 เดือนหน้าซึ่งโจทก์ยอมตามนี้เป็นเพียงความตกลงในการที่จำเลยทั้งสองจะนำเงินตามเช็คมาชำระให้โจทก์ในภายหลัง มิได้มีข้อตกลงที่โจทก์ยอมผ่อนผันให้แก่จำเลยทั้งสองเพื่อระงับข้อพิพาท จึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความแต่ข้อตกลงดังกล่าวนั้นจำเลยทั้งสองยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์ตามเช็คจำนวน 30,000 บาท จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ ดังนี้ ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3050/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้และการสะดุดหยุดของอายุความ
ข้อความที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่า จำเลยทั้งสองจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ 30,000 บาท ในวันที่ 15 เดือนหน้าซึ่งโจทก์ยอมตามนี้ เป็นเพียงความตกลงในการที่จำเลยทั้งสองจะนำเงินตามเช็คมาชำระให้โจทก์ในภายหลัง มิได้มีข้อตกลงที่โจทก์ยอมผ่อนผันให้แก่จำเลยทั้งสองเพื่อระงับข้อพิพาท จึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ จำเลยทั้งสองได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยรับสภาพหนี้เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงได้ เมื่อมีการรับสภาพหนี้ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงแล้ว ต้องเริ่มนับใหม่ตั้งแต่เวลาเมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้นสิ้นสุดเป็นต้นไป ในกรณีนี้คือต้องเริ่มนับใหม่ตั้งแต่วันที่จำเลยทั้งสองรับสภาพหนี้ต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3050/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้ทำให้ อายุความสะดุดหยุดลง และเริ่มนับใหม่จากวันที่รับสภาพหนี้
ข้อความที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่า จำเลยทั้งสองจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ 30,000 บาท ในวันที่ 15 เดือนหน้าซึ่งโจทก์ยอมตามนี้ เป็นเพียงความตกลงในการที่จำเลยทั้งสองจะนำเงินตามเช็คมาชำระให้โจทก์ในภายหลัง มิได้มีข้อตกลงที่โจทก์ยอมผ่อนผันให้แก่จำเลยทั้งสองเพื่อระงับข้อพิพาท จึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่เป็นหนังสือรับสภาพหนี้
จำเลยทั้งสองได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยรับสภาพหนี้เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงได้
เมื่อมีการรับสภาพหนี้ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงแล้ว ต้องเริ่มนับใหม่ตั้งแต่เวลาเมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้นสิ้นสุดเป็นต้นไป ในกรณีนี้คือต้องเริ่มนับใหม่ตั้งแต่วันที่จำเลยทั้งสองรับสภาพหนี้ต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรและการเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูหลังหย่า โดยพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละฝ่าย
โจทก์จำเลยต่าง สามารถเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ แต่การให้บุตรผู้เยาว์อยู่กับโจทก์เป็นการไม่สะดวก เพราะโจทก์กลับบ้านได้เฉพาะ วันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนการให้บุตรผู้เยาว์อยู่กับมารดาได้ รับความอบอุ่นมากกว่าเพราะอยู่ใกล้ชิดตลอด เวลา จึงสมควรให้จำเลยเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์ และแม้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จะตก แก่จำเลยก็ตาม โจทก์มีสิทธิจะติดต่อ กับบุตรผู้เยาว์ได้ตาม สมควรแล้วแต่ พฤติการณ์ คดีก่อนถึง ที่สุดโดย ศาลยังมิได้วินิจฉัยประเด็นเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้งโจทก์ในนี้ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ อีก ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรและการเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดู: พิจารณาความเหมาะสมของผู้เลี้ยงดูและความเป็นอยู่ที่ดีของบุตร
โจทก์จำเลยต่างสามารถเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ แต่การให้บุตรผู้เยาว์อยู่กับโจทก์เป็นการไม่สะดวก เพราะโจทก์กลับบ้านได้เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนการให้บุตรผู้เยาว์อยู่กับมารดาได้รับความอบอุ่นมากกว่าเพราะอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา จึงสมควรให้จำเลยเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์ และแม้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จะตกแก่จำเลยก็ตาม โจทก์มีสิทธิจะติดต่อกับบุตรผู้เยาว์ได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์
คดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลยังมิได้วินิจฉัยประเด็นเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้งโจทก์ในนี้ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้อีก ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรและความเหมาะสมในการเลี้ยงดู พิจารณาจากความอบอุ่นและการดูแลใกล้ชิดจากมารดา ค่าอุปการะเลี้ยงดูไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อทั้งโจทก์จำเลยต่างสามารถเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ส่วนการให้บุตรผู้เยาว์อยู่กับมารดาได้รับความอบอุ่นมากกว่า จึงสมควรให้จำเลยเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์และแม้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จะตก แก่จำเลยก็ตาม โจทก์มีสิทธิจะติดต่อกับบุตรผู้เยาว์ได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์ คดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลยังมิได้วินิจฉัยประเด็นเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้งโจทก์ในคดีนี้ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้อีกไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3021/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางที่เป็นวัตถุระเบิดผิดกฎหมาย แม้ศาลล่างไม่ได้สั่งริบ ศาลฎีกามีอำนาจสั่งริบได้
วัตถุระเบิดของกลางเป็นวัตถุระเบิดนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ฉบับที่ 11(พ.ศ. 2522) ซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองได้ วัตถุระเบิดของกลางดังกล่าวจึงเป็นของที่มีไว้เป็นความผิดอยู่ในตัว จำเลยมีไว้ในครอบครองต้องมีความผิด ซึ่งตาม ป.อ. มาตรา 32 บัญญัติไว้ว่าให้ริบเสียทั้งสิ้น การที่ศาลไม่สั่งริบของกลางตามคำขอของโจทก์เป็นการไม่ชอบด้วย ป.อ. มาตรา 32 ประกอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 186(9) แม้โจทก์ไม่ยกขึ้นว่ากันในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจทำคำวินิจฉัยในเรื่องของกลางได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2593/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรหลังหย่า: พิจารณาพฤติการณ์แย่งบุตร, ความรักความห่วงใย และการดูแลการศึกษา
การที่โจทก์จำเลยตกลงหย่าขาดจากกัน แต่ตกลงเกี่ยวกับการปกครองบุตรชายผู้เยาว์ซึ่งอายุ 3 ปีไม่ได้ บุตรจึงอยู่ในความดูแล ของจำเลยต่อมาจำเลยสมรสใหม่ โจทก์จึงมาฟ้องขอให้ศาลถอนอำนาจปกครองบุตรจากจำเลยโดยให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียว จำเลยฟ้องแย้งขอให้ถอนอำนาจปกครองบุตรจากโจทก์ ให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวนั้น เมื่อเหตุที่โจทก์ออกจากบ้านจำเลยไปก็โดยมีสาเหตุเกิดทะเลาะวิวาทกับจำเลย และก็ได้นำบุตรผู้เยาว์ไปด้วย หากแต่จำเลยเป็นฝ่ายไปเอาตัวผู้เยาว์กลับคืนมาเองโดยมีพฤติการณ์ในทำนองแย่งตัวผู้เยาว์กันอยู่ไปมาเช่นนี้ จะถือว่าโจทก์ทอดทิ้งผู้เยาว์ไปหาได้ไม่ ทั้งพฤติการณ์ที่โจทก์ติดต่อหาโรงเรียนมีชื่อ ให้ผู้เยาว์เข้าศึกษาเล่าเรียนได้ก็แสดงให้เห็นถึงความรักและห่วงใยในตัวผู้เยาว์ของโจทก์เป็นอย่างดี จึงยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้ายแต่อย่างใด กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ.มาตรา 1582 ที่จะถอนอำนาจปกครองผู้เยาว์ของโจทก์ได้ จึงให้บุตรผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของโจทก์และจำเลย โดยต่างปกครองช่วงระยะเวลาต่างวาระกัน โดยทุกช่วงภาคการศึกษาประจำปีภาคแรก ให้อยู่ในความปกครองของโจทก์ ช่วงภาคการศึกษา ประจำภาคหลัง ให้อยู่ในความปกครองของจำเลยสลับกันไปเช่นนี้จนกว่าบุตรผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2556/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อผิดนัดชำระหลายงวดต่อเนื่อง ยึดทรัพย์ได้ แม้โจทก์เคยผ่อนผัน
แม้สัญญาเช่าซื้อระบุชัดแจ้งว่า ผู้เช่าซื้อจะต้อง ชำระเงินตาม ที่กำหนดไว้ในรายการ แต่ ปรากฏว่าเมื่อจำเลยผู้เช่าซื้อได้ชำระค่าเช่าซื้อเกินกำหนดเวลาทุกงวด โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อ ก็ยอมรับโดย มิได้ทักท้วงและออกใบเสร็จรับเงินระบุเป็นการ ชำระ ค่าเช่าซื้องวดที่ค้างชำระ จึงถือ ได้ ว่าคู่สัญญามิได้ ถือ เอากำหนดเวลาชำระเป็นสำคัญแต่ ถือ เอา การชำระตาม งวดเป็น ข้อสำคัญ แต่ จำเลยมิได้ชำระค่างวด 5 งวดติดต่อ กัน จึงเป็น การ ค้าง ชำระติดต่อ กันเกิน 2 งวดแล้ว อันเป็นการผิดสัญญาใน ข้อสำคัญ โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2484/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการกู้ยืมเงิน: ลายมือชื่อผู้กู้เพียงผู้เดียวก็ฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามกฎหมาย
การกู้ยืมเงินเกินกว่าห้าสิบบาท กฎหมายเพียงแต่บังคับให้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้กู้ จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ โดยมิได้บังคับผู้ให้กู้ต้องลงลายมือชื่อด้วยแม้สัญญากู้เงินจะเป็นนิติกรรมสองฝ่าย แต่ก็เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม เมื่อจำเลยลงลายมือชื่อผู้กู้แล้วก็ชอบฟ้องร้องบังคับคดีได้ตาม ป.พ.พ. 653.
of 46