พบผลลัพธ์ทั้งหมด 459 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องรับรองบุตรและการเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูโดยเด็กผู้เยาว์
ป.พ.พ. มาตรา 1556 วรรคสอง ให้อำนาจเด็กฟ้องคดีให้รับรองเด็กเป็นบุตรได้เองโดยเฉพาะ ขณะยื่นฟ้องเด็กซึ่งเป็นโจทก์ก็ยังไม่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย คดีของโจทก์จึงไม่เป็นคดีอุทลุมไม่ต้องห้ามมิให้ฟ้องคดีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1562 ส่วนฟ้องของโจทก์ในเรื่องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู ซึ่งเป็นผลหลังจากที่มีการรับรองความเป็นบุตรของโจทก์แล้ว และเป็นเรื่องต่อเนื่องจากการรับรองบุตร โจทก์จึงไม่ต้องห้ามมิให้ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเด็กฟ้องรับรองบุตรและเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู แม้ยังไม่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ผู้มีอายุ 16 ปีเศษ ซึ่งฟ้องขอให้จำเลยผู้เป็นบิดารับรองโจทก์เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายนั้น มีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากจำเลยในคดีเดียวกันนี้ได้ เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1556 วรรคสอง ให้อำนาจเด็กที่มีอายุสิบห้าปีบริบูรณ์ฟ้องคดีให้รับรองเด็กเป็นบุตรได้เองโดยเฉพาะ อีกทั้งขณะยื่นฟ้องโจทก์ก็ยังไม่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย คดีของโจทก์จึงไม่เป็นคดีอุทลุม ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1562 และการฟ้องของโจทก์ในเรื่องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู เป็นผลหลังจากที่มีการรับรองความเป็นบุตรของโจทก์แล้ว และเป็นเรื่องต่อเนื่องจากการรับรองบุตรนั่นเอง โจทก์จึงไม่ต้องห้ามมิให้ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากจำเลย การที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยไปจดทะเบียนรับรองบุตรภายใน30 วัน ถ้าไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยนั้นเป็นการไม่ชอบเพราะตามพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัวพ.ศ. 2478 มาตรา 20 บัญญัติให้ผู้มีส่วนได้เสียเพียงแต่ยื่นสำเนาคำพิพากษาอันถึงที่สุดซึ่งรับรองถูกต้องแล้ว เพื่อให้บันทึกในทะเบียนเท่านั้น ประกอบกับโจทก์มิได้มีคำขอบังคับดังกล่าวมาในคำฟ้องจึงเป็นกรณีที่พิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2197/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน: การครอบครองที่ไม่สุจริตและไม่สงบระหว่างคดีความ
เมื่อโจทก์เข้าทำนาในที่พิพาทก็ถูก จำเลยฟ้องเป็นคดีอาญาข้อหาบุกรุกที่พิพาท ดังนี้ การที่โจทก์ครอบครองที่พิพาทในระหว่างเป็นคดีความไม่ถือ ว่าครอบครองโดย สุจริตและโดย สงบตามป.พ.พ. มาตรา 1370.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2174/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวไปฝึกอบรมในศาลคดีเด็กและเยาวชน: ข้อจำกัดในการฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 4 ปี แต่ เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางมีกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำ 2 ปีและขั้นสูง 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน การเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมดังกล่าว มิใช่เป็นการลงโทษจำคุก จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก ประกอบกับ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลคดีเด็กฯมาตรา 29.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2063/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สัญชาติไทยของผู้เกิดและเติบโตในต่างประเทศ: หลักฐานที่ไม่เพียงพอ
ผู้ร้องกับบิดาเดินทางไปประเทศ จีน ขณะที่ผู้ร้องอายุเพียง3 ขวบ เมื่อไปถึง ประเทศ จีน ได้ 2 เดือน บิดาผู้ร้องถึงแก่กรรมผู้ร้องจึงอยู่กับย่า คนเดียวในประเทศ จีน ผู้ร้องไม่น่าจะจำได้ ว่ามีญาติพี่น้องชื่อ อะไรที่อยู่ในประเทศ ไทย ทั้งวันเดือน ปีเกิดและสถานที่เกิดในหนังสือเดินทางของผู้ร้องไม่ตรง กับสูติบัตรและทะเบียนบ้าน ในประเทศ ไทย จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเกิดในประเทศ ไทย .
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1919/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความรับผิดทางอาญา: พยานหลักฐานไม่เพียงพอรับฟังว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถชน
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยขับรถยนต์ ชนผู้ตายนาย อ. และนาย จ. เห็นเหตุการณ์หลังจากรถยนต์ ชนผู้ตายแล้วจำได้ เพียงว่าเป็นรถยนต์ นั่งสีเทาบรอนซ์ หมายเลขทะเบียนเท่าไรจังหวัดใด ยี่ห้อใด ไม่มีใครรู้เห็นและจำได้ นาย จ. เห็นจำเลยขับรถยนต์ คันนี้ผ่านไปผ่านมาหลายครั้ง แต่ คืนเกิดเหตุก็มิได้ตาม ไปบ้านจำเลย และมิได้บอกบิดาผู้ตายในคืนเกิดเหตุว่ารถยนต์ ของจำเลยชนคนตาย แม้จะปรากฏรอยฉีก ที่ยางกันชนด้านหน้าขวาของ รถ จำเลยเป็นรอยเกิดขึ้นใหม่ ๆ และมีรอยโลหิตเป็นจุดอยู่ใกล้กับ ดวงไฟรถด้านขวาก็ตาม แต่ ผู้ชำนาญการพิเศษได้ ตรวจ พิสูจน์แล้ว ปรากฏว่า คราบโลหิตดังกล่าวเป็นโลหิตคนละหมู่กับโลหิตผู้ตาย เช่นนี้ พยานโจทก์ไม่พอฟังว่ารถยนต์ ของจำเลยชนผู้ตายโดย จำเลยเป็น คนขับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1380/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานรับของโจร: การซื้อขายรถยนต์ที่ถูกลักมา โดยผู้ซื้อทราบถึงความผิด
จำเลยได้ รับซื้อ และขายรถของกลางโดย รู้อยู่แล้วว่าเป็นรถที่ถูก คนร้ายลักมา ถึง แม้จำเลยได้ ทำในนามของบริษัท จ.จำกัดหรือบริษัท อ. จำกัด ในฐานะ ที่จำเลยเป็นลูกจ้างก็ตาม ถือ ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการรับซื้อ ไว้และช่วย จำหน่ายซึ่ง ทรัพย์อันได้ มาโดย การกระทำผิดฐาน ลักทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิด ฐานรับของโจร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361-1363/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีเช็คหลังประนีประนอมยอมความ: ความผิดใหม่เกิดขึ้นเมื่อเช็คใหม่ถูกปฏิเสธ
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ระหว่างออกหมายจับจำเลยตกลงผ่อนชำระหนี้โดยชำระเงินสดส่วนหนึ่ง และสั่งจ่ายเช็คชำระส่วนหนึ่ง โจทก์จึงถอนฟ้อง ต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวดังนี้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเฉพาะคดีเดิมเท่านั้น เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คที่ออกใหม่วันใด ก็เป็นความผิดที่เกิดขึ้นใหม่วันนั้น โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ในเช็คดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอม ความผิดเกิดขึ้นใหม่เมื่อเช็คไม่สามารถใช้ได้ สิทธิฟ้องยังคงมี
จำเลยออกเช็ค ให้แก่โจทก์เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีเดิม ซึ่ง โจทก์ถอนฟ้องไปแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเฉพาะ คดีเดิม เท่านั้น เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตาม เช็ค ที่ออกใหม่วันใด ก็เป็นความผิดที่เกิดขึ้นใหม่วันนั้น โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1287/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจไปกับจำเลย และจำเลยมีเจตนาที่จะอยู่กินฉันสามีภริยา
ก่อนเกิดเหตุจำเลยมีภริยาอยู่แล้ว และยังไม่ได้เลิกกับภริยาเมื่อพาผู้เสียหายไปร่วมประเวณีโดย ไม่มีเจตนาที่จะอยู่กินเลี้ยงดูผู้เสียหายฉัน สามีภริยาแล้ว ต่อมารู้ตัวว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิด จึงให้มารดาและพวกพาไปขอขมาและนำเงินไปชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ร่วมเพื่อมิให้ดำเนิน คดีแก่จำเลยอีกต่อไปดังนั้น แม้จะฟังว่าผู้เสียหายสมัครใจไปกับจำเลย และได้ร่วมประเวณีกับจำเลยก็ตาม การกระทำของจำเลยถือ ได้ ว่าเป็นการพรากผู้เสียหายซึ่ง เป็นผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารอันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 319 วรรคแรก.