พบผลลัพธ์ทั้งหมด 459 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: การผิดสัญญา, การสละสิทธิ, และการเลิกสัญญา
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์ไปจากจำเลย แล้วชำระค่าเช่าซื้อไม่ตรงตามกำหนดเวลาในสัญญา แม้จำเลยจะยอมรับค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระและคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดโดยไม่ถือว่าการไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามกำหนดในสัญญาเป็นการผิดสัญญาก็ตาม แต่ต่อมาจำเลยได้ไปยึดรถยนต์คืนเนื่องจากโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อถึง 9 งวด โจทก์ยินยอมให้จำเลยนำรถยนต์กลับไป และทำบันทึกข้อตกลงกับจำเลยว่าโจทก์จะนำค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดไปชำระแก่จำเลยภายในเวลาที่กำหนด หากพ้นกำหนดถือว่าโจทก์สละสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อ เมื่อโจทก์ไม่ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างแก่จำเลยตามบันทึกข้อตกลง ถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา และโจทก์จำเลยได้เลิกสัญญาเช่าซื้อกันตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอคืนค่าเช่าซื้อที่ชำระไปแล้วและเรียกค่าเสียหายจากจำเลย คงมีสิทธิเรียกราคาตัวถังและดั๊มที่โจทก์ต่อขึ้นจากจำเลยได้เมื่อหักค่าเสื่อมราคาแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัดชำระ ยึดทรัพย์ได้ หากตกลงใหม่แล้วผิดสัญญาอีก ย่อมเลิกสัญญากันได้
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ ไปจากจำเลย แล้วชำระค่าเช่าซื้อไม่ตรงตามกำหนดเวลาในสัญญา แม้จำเลยจะยอมรับค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระและคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดด้วย โดยไม่ถือว่าการไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามกำหนดในสัญญาเป็นการผิดสัญญาก็ตาม แต่ต่อมาจำเลยได้ไปยึดรถคืนเนื่องจากโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อถึง 9 งวดโจทก์ยินยอมให้จำเลยนำรถกลับไป และทำบันทึกข้อตกลงกับจำเลยว่าโจทก์จะนำค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดไปชำระแก่จำเลยภายในเวลาที่กำหนด หากพ้นกำหนดถือว่าโจทก์สละสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อ เมื่อโจทก์ไม่ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างแก่จำเลยตามบันทึกข้อตกลงถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา และโจทก์จำเลยได้เลิกสัญญาเช่าซื้อกันตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวโจทก์จึงไม่มีสิทธิขอคืนค่าเช่าซื้อที่ชำระไปจากจำเลยและเรียกค่าเสียหาย คงมีสิทธิเรียกราคาตัวถังและดั๊มที่โจทก์ต่อ ขึ้นจากจำเลยได้เมื่อหักค่าเสื่อมราคาแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คและการไม่ระงับหนี้เดิมแม้มีการออกเช็คใหม่
จำเลยที่ 1 ซื้อวัสดุก่อสร้างจากโจทก์โดยชำระด้วยเงินสดบางส่วน ที่เหลือชำระด้วยเช็คผู้ถือซึ่งจำเลยที่ 2 ลงชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้ค่าหมูที่จำเลยที่ 2 ซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ลงชื่อสลักหลังเช็คดังกล่าวด้วย แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 2 จึงออกเช็คผู้ถืออีก 2 ฉบับให้โจทก์แทนเช็คฉบับเดิม โดยจำเลยที่ 1 มิได้ลงชื่อสลักหลังธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับ ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 เอาเช็คของจำเลยที่ 2 มาชำระหนี้ให้โจทก์ เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับเงินตามเช็คเพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินหนี้จึงไม่ระงับไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321แม้จำเลยที่ 2 จะออกเช็คใหม่ 2 ฉบับพร้อมทั้งให้ดอกเบี้ยด้วยและเอาเช็คเก่าคืนไปโดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงชื่อสลักหลังก็ตามก็ถือไม่ได้ว่ามีการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับอีก จำเลยที่ 1 ยังคงต้องรับผิดในหนี้ตามสัญญาซื้อขายส่วนจำเลยที่ 2 รับผิดตามเช็ค.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คและการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ กรณีเช็คไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้
การที่จำเลยที่ 1 เอาเช็คซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นผู้สั่งจ่ายมาชำระหนี้ให้โจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ลงชื่อสลักหลังเช็คดังกล่าวด้วย เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับเงินตามเช็คเพราะธนาคารปฎิเสธ การจ่ายเงิน หนี้จึงไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา321 แม้จำเลยที่ 2 จะออกเช็คใหม่ 2 ฉบับ พร้อมทั้งให้ดอกเบี้ยด้วยและเอาเช็คเก่าคืนไป โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงชื่อสลักหลังก็ตามก็ถือไม่ได้ว่ามีการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับอีก จำเลยที่ 1 ยังคงต้องรับผิดในหนี้ตามสัญญาซื้อขาย ส่วนจำเลยที่ 2 รับผิดตามเช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คของผู้ถือและการไม่ถือเป็นการแปลงหนี้
จำเลยที่ 1 ซื้อวัสดุก่อสร้างจากโจทก์โดยชำระด้วยเงินสดบางส่วน ที่เหลือชำระด้วยเช็คผู้ถือซึ่งจำเลยที่ 2 ลงชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้ค่าหมูที่จำเลยที่ 2 ซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ลงชื่อสลักหลังเช็คดังกล่าวด้วย แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 2 จึงออกเช็คผู้ถืออีก 2 ฉบับให้โจทก์แทนเช็คฉบับเดิม โดยจำเลยที่ 1 มิได้ลงชื่อสลักหลังธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับ ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 เอาเช็คของจำเลยที่ 2 มาชำระหนี้ให้โจทก์ เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับเงินตามเช็คเพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินหนี้จึงไม่ระงับไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 แม้จำเลยที่ 2 จะออกเช็คใหม่ 2 ฉบับพร้อมทั้งให้ดอกเบี้ยด้วยและเอาเช็คเก่าคืนไปโดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงชื่อสลักหลังก็ตามก็ถือไม่ได้ว่ามีการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับอีก จำเลยที่ 1 ยังคงต้องรับผิดในหนี้ตามสัญญาซื้อขายส่วนจำเลยที่ 2 รับผิดตามเช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2073/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานผลิตและมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติด เมทแอมเฟตามีน เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ชนิดเม็ด จำนวน 9,300 เม็ด ที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายนั้น เป็นจำนวนเดียวกัน ส่วนเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงจำนวน 7 ถุงนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ชนิดเม็ดผลิตโดยใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์อัดเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงให้เป็นเม็ด ขณะเจ้าพนักงานเข้าทำการจับกุมปรากฏว่าเครื่องจักรผลิตยากำลังทำงานอยู่ ดังนั้น เมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงดังกล่าว จำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อผลิตเป็นชนิดเม็ดเพื่อขายนั่นเอง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2073/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกรรมเดียวฐานผลิตและมีไว้เพื่อขายยาเสพติด เมทแอมเฟตามีน
เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ชนิดเม็ด จำนวน 9,300 เม็ดที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายนั้นเป็นจำนวนเดียวกัน ส่วนเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงจำนวน7 ถุงนั้นโจทก์บรรยายฟ้องว่า เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ชนิดเม็ดผลิตโดยใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์อัดเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงให้เป็นเม็ดขณะเจ้าพนักงานเข้าทำการจับกุมปรากฏว่าเครื่องจักรผลิตยากำลังทำงานอยู่ดังนั้น เมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงดังกล่าว จำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อผลิตเป็นชนิดเม็ดเพื่อขายนั่นเอง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุทำให้เกิดความผิดฐานทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
ผู้ตายมาขอเงินจำเลยซึ่งเป็นภริยาไปซื้อสุราแล้วครั้งหนึ่ง ต่อมาผู้ตายกลับมาขอเงินไปซื้อสุราอีก เมื่อจำเลยบอกว่าไม่มีให้ ผู้ตายก็บีบคอจำเลยและพูดว่า ไม่ให้จะฆ่า จำเลยหายใจไม่ออก จึงดิ้นไปมาและหยิบเอามีดโต้ซึ่งวางอยู่แถวหัวนอนฟันผู้ตาย เพื่อป้องกันขัดขวางไม่ให้ผู้ตายบีบคอจำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัว แต่การที่จำเลยใช้มีดโต้ขนาดใหญ่ฟันผู้ตายที่ศีรษะ 4 แผล กะโหลกศีรษะแตกและถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตนเกินกว่าเหตุ: การใช้กำลังทำร้ายจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายมาขอเงินจำเลยซึ่งเป็นภริยาไปซื้อสุราแล้วครั้งหนึ่ง ต่อมาผู้ตายกลับมาขอเงินจำเลยไปซื้อสุราอีกจำเลยบอกว่าไม่มี ผู้ตายก็บีบคอจำเลยและพูดว่าไม่ให้จะฆ่า จำเลยหายใจไม่ออก จึงดิ้นไปมาแล้วหยิบเอามีดโต้ซึ่งวางอยู่แถวหัวนอนฟันผู้ตาย เพื่อป้องกันขัดขวางไม่ให้ผู้ตายบีบคอจำเลยแต่การที่จำเลยใช้มีดโต้ขนาดใหญ่ฟันผู้ตายที่ศีรษะ 4 แผล กระโหลกศีรษะแตกและถึงแก่ความตายดังนี้ เป็นการกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวเกินเหตุทำร้ายถึงแก่ความตาย มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายมาขอเงินจำเลยซึ่งเป็นภริยาไปซื้อสุราแล้วครั้งหนึ่งต่อมาผู้ตายกลับมาขอเงินไปซื้อสุราอีก เมื่อจำเลยบอกว่าไม่มีให้ผู้ตายก็บีบคอจำเลยและพูดว่า ไม่ให้จะฆ่า จำเลยหายใจไม่ออกจึงดิ้นไปมาและหยิบเอามีดโต้ซึ่งวางอยู่แถวหัวนอนฟันผู้ตาย เพื่อป้องกันขัดขวางไม่ให้ผู้ตายบีบคอจำเลยการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัว แต่การที่จำเลยใช้มีดโต้ขนาดใหญ่ฟันผู้ตายที่ศีรษะ 4 แผล กะโหลกศีรษะแตกและถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69