พบผลลัพธ์ทั้งหมด 606 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 เป็นการกระทำกรรมเดียวกับความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามมาตรา 318 วรรคสาม ให้ลงโทษตามมาตรา 318 วรรคสามอันเป็นบทหนัก ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงกำหนดโทษไม่ได้ เพียงแต่ปรับบทลงโทษและระบุวรรคให้ถูกต้อง อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อย แม้ศาลล่างทั้งสองจะมิได้กำหนดโทษในความผิดตามมาตรา 310 วรรคแรกไว้ แต่ความผิดฐานนี้มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ศาลจะกำหนดโทษเกิน 3 ปี ย่อมไม่ได้ ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่ามิได้กระทำความผิดตามฟ้องอันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยที่ 1 เฉพาะในความผิดข้อหานี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3833/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการแก้ไขข้อบกพร่องเรื่องความสามารถในการฟ้องคดี ก่อนพิพากษายกฟ้อง
การที่โจทก์ฟ้องคดีโดยมิได้รับความยินยอมจากคู่สมรสเป็นข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถในการฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรคสอง ซึ่งศาลมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจว่าสมควรจะให้แก้ไขข้อบกพร่องก่อนหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3833/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการแก้ไขข้อบกพร่องเรื่องความสามารถในการฟ้องคดี และผลต่อการยกฟ้อง
การที่โจทก์ฟ้องคดีโดยมิได้รับความยินยอมจากคู่สมรสเป็นข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถในการฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรคสองซึ่งศาลมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจว่าสมควรจะให้แก้ไขข้อบกพร่องก่อนหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3766/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ แม้จะครอบครองนานก็ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์ การออกโฉนดทับที่สาธารณะไม่ชอบ
ที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การที่จำเลยได้ที่ดินพิพาทมาอยู่ในโฉนดที่ทำขึ้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยชอบหรือมิชอบของโจทก์หรือเจ้าพนักงานผู้ที่เกี่ยวข้อง และแม้จำเลยจะได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวเป็นเวลานานเท่าใด เมื่อมิใช่เป็นการได้มาโดยอำนาจแห่งกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305 แล้วจำเลยก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ ทั้งไม่อาจอ้างสิทธิใด ๆ ขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ผู้ดูแลรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดินได้ไม่ว่าในทางใด การออกโฉนดของจำเลยส่วนที่ทับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินจึงเป็นการออกไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3766/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สาธารณสมบัติของแผ่นดิน: โฉนดที่ดินออกไม่ชอบหากทับที่สาธารณะ แม้ครอบครองนานก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์
ที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การที่จำเลยได้ที่ดินพิพาทมาอยู่ในโฉนดที่ทำขึ้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยชอบหรือมิชอบของโจทก์ หรือเจ้าพนักงานผู้ที่เกี่ยวข้องก็ตามและแม้จำเลยจะได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวเป็นเวลานานเท่าใด เมื่อมิใช่เป็นการได้มาโดยอำนาจแห่งกฎหมายเฉพาะ หรือพระราชกฤษฎีกาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305 แล้ว จำเลยก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ ทั้งไม่อาจอ้างสิทธิใด ๆ ขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ผู้ดูแลรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดินได้ ไม่ว่าในทางใด การออกโฉนดของจำเลยส่วนที่ทับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินจึงเป็นการออกไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3749/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์สั่งคุ้มครองประโยชน์ระหว่างการพิจารณาคดีและการจัดการผลประโยชน์จากที่ดินพิพาท
คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อาจมีคำสั่งตามคำขอของคู่ความที่ขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้โดยไม่จำต้องไต่สวนก่อน เพราะการสั่งในกรณีเช่นนี้กฎหมายเพียงแต่บัญญัติให้ศาลมีอำนาจทำการไต่สวนได้ตามที่เห็นสมควรก่อนมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 21(4) ประกอบมาตรา 264 เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งที่ดินพิพาท1 ใน 8 ส่วน การที่โจทก์มีคำขอและศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจให้มีผู้จัดเก็บผลประโยชน์รายได้ในที่ดินเป็นดอกผลมาวางต่อศาลชั้นต้นเป็นรายเดือนจนกว่าศาลอุทธรณ์พิพากษานั้น ย่อมเป็นการสมควร เพราะหากศาลชี้ขาดตัดสินให้โจทก์ชนะคดีในที่สุดโจทก์ย่อมจะได้รับแบ่งที่ดินรวมทั้งดอกผลในทรัพย์สินส่วนที่เป็นของโจทก์ตามที่ขอบังคับมาในฟ้องด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3518/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องคดีเช็ค: รายละเอียดการรับเช็คเป็นเรื่องที่นำสืบในชั้นพิจารณา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คแล้วมีผู้มีชื่อนำมาชำระหนี้โจทก์ โจทก์ลงวันที่ในเช็คนำไปเรียกเก็บเงินแต่เรียกเก็บไม่ได้ และได้บอกกล่าวทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คแล้วจำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหาย ดังนี้ ฟ้องของโจทก์แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาคำบังคับ กับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วไม่จำเป็นจะต้องบรรยายว่ารับเช็คพิพาทมาจากใครชื่อใด ในฐานะอะไร ชำระหนี้ค่าอะไร เพราะเป็นรายละเอียดที่พึงจะนำสืบในชั้นพิจารณาฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3268/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: ร่วมกันตัดรถบรรทุกที่ได้จากการปล้นเพื่อจำหน่าย
พฤติการณ์ที่จำเลยกับพวกใช้รถยนต์ปิคอัพ ของจำเลยบรรทุกเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับตัดรถยนต์บรรทุกสิบล้อออกเป็นชิ้นส่วนย่อย ๆ ได้ เข้าไปในไร่อ้อยอันเป็นสถานที่ซึ่งคนร้ายนำรถยนต์บรรทุกสิบล้อของผู้เสียหายไปซ่อนไว้ และหลบหนีไปจากบริเวณสถานที่ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจพบรถยนต์บรรทุกสิบล้อดังกล่าวเมื่อพบเห็นเจ้าพนักงานตำรวจ แสดงว่าจำเลยร่วมกับพวกร่วมกันรับรถยนต์บรรทุกสิบล้อดังกล่าวไว้สำหรับตัดออกเป็นชิ้นส่วนย่อย ๆ เพื่อความสะดวกในการจำหน่ายต่อไป โดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำผิดเมื่อการกระทำผิดนั้นเข้าลักษณะปล้นทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3268/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: เจตนาประกอบการตัดรถยนต์ที่ได้จากการปล้นเพื่อจำหน่าย
พฤติการณ์ที่จำเลยกับพวกใช้รถยนต์ปิคอัพ ของจำเลยบรรทุกเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับตัดรถยนต์บรรทุกสิบล้อออกเป็นชิ้นส่วนย่อย ๆ ได้ เข้าไปในไร่อ้อยอันเป็นสถานที่ซึ่งคนร้ายนำรถยนต์บรรทุกสิบล้อของผู้เสียหายไปซ่อนไว้ และหลบหนีไปจากบริเวณสถานที่ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจพบรถยนต์บรรทุกสิบล้อดังกล่าวเมื่อพบเห็นเจ้าพนักงานตำรวจ แสดงว่าจำเลยร่วมกับพวกร่วมกันรับรถยนต์บรรทุกสิบล้อดังกล่าวไว้สำหรับตัดออกเป็นชิ้นส่วนย่อย ๆ เพื่อความสะดวกในการจำหน่ายต่อไป โดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำผิดเมื่อการกระทำผิดนั้นเข้าลักษณะปล้นทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3155/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นในที่ดินแปลงอื่นเมื่อที่ดินถูกล้อม และการกำหนดขนาดทางที่เหมาะสม
ที่ดินของโจทก์ถูกล้อมจนไม่มีทางออกสู่ถนนอันเป็นทางสาธารณะได้ทั้งการออกทางด้านที่ดินของจำเลยตามแนวทางพิพาทจะทำให้จำเลยได้รับความเสียหายน้อยกว่าการออกทางด้านที่ดินของ ส.ดังนั้น การที่โจทก์ขอผ่านตามแนวทางพิพาทในที่ดินของจำเลยจึงเป็นทางที่สะดวกและเหมาะสมกับความจำเป็นกว่าทางอื่นโจทก์จึงชอบที่จะขอให้จำเลยเปิดทางผ่านตามแนวทางพิพาทในที่ดินของจำเลยเป็นทางจำเป็นสำหรับให้โจทก์ใช้เป็นทางออกสู่ทางสาธารณะได้ ตามสภาพการณ์ปัจจุบันรถยนต์เป็นพาหนะที่จำต้องใช้กันโดยทั่วไป และทางพิพาทในที่ดินของจำเลยทุกตอนก็กว้าง 4 เมตรอยู่แล้วจึงเป็นการชอบที่ศาลกำหนดให้จำเลยเปิดทางพิพาทให้โจทก์กว้าง4 เมตร.