คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พัลลภ พิสิษฐ์สังฆการ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 606 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกกล่าวเรียกประชุมผู้ถือหุ้น: การเลื่อนวันประชุมไม่ทำให้การบอกกล่าวเป็นโมฆะ หากการบอกกล่าวครั้งแรกถูกต้องตามกฎหมาย
หนังสือบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นที่ได้ออกในคราวแรกได้กำหนดระเบียบวาระการประชุม วันเวลาและสถานที่ประชุมโดยได้แจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้าเกินกว่า 7 วัน นับถึงวันนัดประชุมถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทแล้ว แม้ต่อมาจะได้มีการเลื่อนวันประชุมออกไปจากกำหนดเดิม โดยวันที่ออกหนังสือแจ้งกำหนดเปลี่ยนแปลงวันประชุม และวันที่ผู้ถือหุ้นได้รับหนังสือดังกล่าวจะมีเวลาน้อยกว่า 7 วัน นับถึงวันนัดประชุมใหม่ที่เลื่อนออกไปก็ตาม ก็ต้องถือว่าการบอกกล่าวเรียกประชุมครั้งนี้ได้มีการแจ้งถึงผู้ถือหุ้นตั้งแต่คราวแรกแล้ว หนังสือแจ้งกำหนดเปลี่ยนแปลงวันเวลาประชุมดังกล่าวเป็นแต่เพียงการแจ้งเปลี่ยนแปลงวันเวลาประชุมตามหนังสือที่แจ้งเดิมเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเปลี่ยนแปลงวันประชุมผู้ถือหุ้นต้องยึดการแจ้งครั้งแรก แม้การแจ้งเปลี่ยนแปลงมีระยะเวลาน้อยกว่าที่กำหนด
หนังสือบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นที่ได้ออกในคราวแรกนั้น ได้กำหนดระเบียบวาระการประชุม วันเวลาและสถานที่ประชุมโดยได้แจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้าเกินกว่า 7 วัน นับถึงวันนัดประชุมถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทแล้วแม้ต่อมาจะได้มีการเลื่อนวันประชุมออกไปจากกำหนดเดิม โดยวันที่ออกหนังสือแจ้งกำหนดเปลี่ยนแปลงวันประชุม และวันที่ผู้ถือหุ้นได้รับหนังสือดังกล่าวจะมีเวลาน้อยกว่า 7 วัน นับถึงวันนัดประชุมใหม่ที่เลื่อนออกไปก็ตาม ก็ต้องถือว่าการบอกกล่าวเรียกประชุมครั้งนี้ได้มีการแจ้งถึงผู้ถือหุ้น ตั้งแต่คราวแรกแล้ว หนังสือแจ้งกำหนดเปลี่ยนแปลงวันเวลาประชุมดังกล่าวเป็นแต่เพียงการแจ้งเปลี่ยนแปลงวันเวลาประชุมตามหนังสือที่แจ้งเดิมเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเปลี่ยนแปลงวันประชุมผู้ถือหุ้น: การแจ้งครั้งแรกมีผล แม้การแจ้งเปลี่ยนแปลงมีระยะเวลาน้อยกว่าที่กำหนด
หนังสือบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นที่ได้ออกในคราวแรกนั้น ได้กำหนดระเบียบวาระการประชุม วันเวลาและสถานที่ประชุมโดยได้แจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้าเกินกว่า 7 วัน นับถึงวันนัดประชุมถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทแล้วแม้ต่อมาจะได้มีการเลื่อนวันประชุมออกไปจากกำหนดเดิม โดยวันที่ออกหนังสือแจ้งกำหนดเปลี่ยนแปลงวันประชุม และวันที่ผู้ถือหุ้นได้รับหนังสือดังกล่าวจะมีเวลาน้อยกว่า 7 วัน นับถึงวันนัดประชุมใหม่ที่เลื่อนออกไปก็ตาม ก็ต้องถือว่าการบอกกล่าวเรียกประชุมครั้งนี้ได้มีการแจ้งถึงผู้ถือหุ้น ตั้งแต่คราวแรกแล้ว หนังสือแจ้งกำหนดเปลี่ยนแปลงวันเวลาประชุมดังกล่าวเป็นแต่เพียงการแจ้งเปลี่ยนแปลงวันเวลาประชุมตามหนังสือที่แจ้งเดิมเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกกล่าวการประชุมผู้ถือหุ้น: การเลื่อนนัดประชุมไม่กระทบการบอกกล่าวครั้งแรกที่ครบถ้วนตามกำหนด
กรรมการบริษัทผู้คัดค้านมีหนังสือถึงผู้ถือหุ้น ขอเชิญประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 7 มิถุนายน 2529 เวลา 10 นาฬิกาที่ห้องประชุมโรงงานฯ ต่อมาวันที่ 3 มิถุนายน 2529 เลขานุการของบริษัทผู้คัดค้านมีหนังสือถึงผู้ถือหุ้นแจ้งขอเลื่อนการประชุมดังกล่าวไปเป็นวันที่ 9 มิถุนายน 2529 เวลา 14.30 นาฬิกา โดยส่งหนังสือดังกล่าวให้ผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ในวันที่ 7 มิถุนายน 2529ก่อนวันนัดประชุมเพียง 2 วัน ดังนี้ เมื่อได้มีการบอกกล่าวเรียกประชุมครั้งแรกในวันที่ 29 พฤษภาคม 2529 แล้ว การบอกกล่าวเลื่อนการประชุมเป็นแต่เพียงการแจ้งเปลี่ยนแปลงวันเวลาประชุมใหญ่ตามหนังสือที่แจ้งเดิมเท่านั้น จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของบริษัทข้อ 9 ที่กำหนดว่า "คำบอกกล่าวเรียกประชุมทุกคราวต้องแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังผู้ถือหุ้นทุกคนก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า7 วัน" ทั้งไม่ปรากฏว่ามติที่ประชุมใหญ่นั้นเสียไปด้วยเหตุใดดังนี้ ศาลไม่เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ในวันดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2428/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดชอบตามเช็คของผู้สั่งจ่าย แม้มีการแลกเงินสด และประเด็นดอกเบี้ยเกินอัตรา
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทมอบให้จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 3 นำมาแลกเงินสดจากโจทก์ จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดใช้เงินตามเนื้อความในเช็คตาม ป.พ.พ. มาตรา 900,914,989ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 3 นำเช็คพิพาทและเงินสดจากโจทก์ไปโดยโจทก์หักเป็นค่าดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ก็ตามก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 จะอ้างมาเพื่อไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่ ดังนี้ เมื่อโจทก์ผู้ทรงเรียกเก็บเงินตามเช็คพิพาทไม่ได้ จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คให้โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2394/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีของภรรยา: ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามีหากไม่ใช่คดีเกี่ยวกับสินสมรส
เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องเกี่ยวกับสินสมรสที่โจทก์กับสามีต้องจัดการร่วมกัน จึงไม่มีประเด็นข้อโต้เถียงว่าทรัพย์สินที่โจทก์ฟ้องเป็นสินสมรสหรือไม่ โจทก์ย่อมฟ้องคดีได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามีก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2394/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของหญิงมีสามี: ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี เว้นแต่ฟ้องคดีเกี่ยวกับสินสมรส
การที่หญิงมีสามีฟ้องคดีนั้นหาจำต้องได้รับอนุญาตจากสามีเสียก่อนทุกกรณีไม่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดฟ้องคดีต้องได้รับอนุญาตจากอีกฝ่ายหนึ่งก็เฉพาะการฟ้องคดีเกี่ยวกับสินสมรสซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ทั้งสองฝ่ายต้องจัดการร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1476 เท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่า โจทก์ฟ้องคดีเป็นการฟ้องเกี่ยวกับสินสมรสที่โจทก์กับสามีต้องจัดการร่วมกันจึงไม่มีประเด็นข้อโต้เถียงว่าทรัพย์สินที่โจทก์ฟ้องเป็นสินสมรสหรือไม่ โจทก์ย่อมฟ้องได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามีก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2394/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของภรรยา: ไม่ต้องขอความยินยอมสามีกรณีฟ้องเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนตัว
การที่หญิงมีสามีฟ้องคดีนั้นหาจำต้องได้รับอนุญาตจากสามีเสียก่อนทุกกรณีไม่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดฟ้องคดีต้องได้รับอนุญาตจากอีกฝ่ายหนึ่งก็เฉพาะการฟ้องคดีเกี่ยวกับสินสมรสซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ทั้งสองฝ่ายต้องจัดการร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1476 เท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่า โจทก์ฟ้องคดีเป็นการฟ้องเกี่ยวกับสินสมรสที่โจทก์กับสามีต้องจัดการร่วมกันจึงไม่มีประเด็นข้อโต้เถียงว่าทรัพย์สินที่โจทก์ฟ้องเป็นสินสมรสหรือไม่ โจทก์ย่อมฟ้องได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามีก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2345/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความรับผิดของนายจ้างต่อลูกจ้างในคดีละเมิด โจทก์ต้องพิสูจน์ความสัมพันธ์และขอบเขตการจ้างงาน
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 ถึง ที่ 4 ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ซึ่ง รับช่วง สิทธิของ ผู้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ โดย อ้างว่าคนขับรถยนต์ คันหมายเลข ทะเบียน80-1145 เป็นลูกจ้างของจำเลยทั้งสี่ได้ กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยทั้งสี่ เป็นเหตุให้รถยนต์ คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายเมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่า คนขับรถคันหมายเลขทะเบียน 80-1145 เป็นลูกจ้างและได้ กระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ถึง ที่ 4 ดัง ฟ้อง แม้จำเลย ที่ 1ถึง ที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา และจำเลย ที่ 4ขาดนัดพิจารณาก็ตาม แต่ โจทก์จะชนะคดีได้ ก็ต่อเมื่อศาล เห็นว่าข้ออ้างของโจทก์เช่นว่านั้นมีมูลและไม่ขัดต่อ กฎหมาย เมื่อโจทก์นำสืบไม่สมฟ้อง จำเลยที่ 1 ถึง ที่ 4 ไม่ต้องรับผิดต่อ โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2339/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีละเมิด: การรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยต้องอยู่ภายใต้กรอบอายุความของผู้เอาประกันภัย
โจทก์เข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัย สิทธิของโจทก์จึงต้องถูกจำกัดไม่เกินสิทธิทั้งหลายบรรดาที่ผู้เอาประกันภัยมีอยู่โดยมูลหนี้ เมื่อผู้เอาประกันภัยรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในการกระทำละเมิดตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2523 แล้ว โจทก์มาฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2524 เกินกำหนด 1 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ.
of 61