พบผลลัพธ์ทั้งหมด 606 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือขอผัดชำระหนี้ถือเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ แม้ไม่ได้ระบุจำนวนเงินที่ชัดเจน ฟ้องไม่ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 ซึ่ง เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดและจำเลยที่2 ซึ่ง เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1 ในฐานะ ผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท รับผิดใช้ เงินตาม เช็ค ต่อมา ส. ในฐานะ หุ้นส่วนซึ่ง เป็นบุตรของจำเลยที่ 2 ผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1 คนใหม่ได้ ทำหนังสือถึง โจทก์มีใจความว่า "เรียนคุณหมอ สุชาติ ที่นับถือ ตาม ที่คุณหมอให้ผมติดต่อ กับคุณพ่อผม (จำเลยที่ 2) นั้น ผมได้ ถาม แล้ว แก บอกให้ผมเรียนคุณหมอ ว่าแก ไม่มีเจตนาจะคิดโกงแต่ อย่างใด แต่เป็นเพราะว่าในปีนี้ทั้งปีชักหน้าไม่ถึงหลังตลอด เวลา อยากจะขอความกรุณาคุณ หมอ ช่วย ผ่อนผันให้จนกว่าจะส่งงาน เพราะในขณะนี้ แก ไม่มีเงินจริง ๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดผมขอยืนยันว่าเป็นความจริง หวังว่าคงจะได้ รับความกรุณาจากคุณหมอ เช่นเคย" ท้ายข้อความเป็น คำลงท้ายของหนังสือและลงลายมือชื่อของ ส. ส่วนตอนต้น ข้อความลงวันเดือน ปีที่ทำหนังสือไว้ด้วย ดังนี้ เอกสารดังกล่าวเป็นหนังสือ ขอผัดชำระหนี้ของห้างจำเลยที่ 1 เพราะมีข้อความที่กล่าวถึง ระยะเวลา ที่ขอให้โจทก์ผ่อนผันให้ชำระหนี้ดังกล่าวได้จนกว่าจะส่งมอบงาน ซึ่ง เป็นกิจการของห้างจำเลยที่ 1 เอกสารดังกล่าวจึงเป็น หนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยที่ 1 แม้มิได้ระบุว่ามีหนี้จำนวนเท่าใด แต่ เมื่ออ่านข้อความทั้งหมด พอเข้าใจได้ ว่าจำเลยที่ 1 ยอมรับ ว่าเป็นหนี้โจทก์ตาม จำนวนที่โจทก์แจ้งไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ แม้ถูกยิงก่อน แต่การตอบโต้ต้องอยู่ในขอบเขตที่สมเหตุสมผล
ผู้ตายมีอาการเมาสุรา เข้าไปก่อ เหตุ ด่า ว่าจำเลยถึง ในบ้านจำเลยด้วย ถ้อยคำหยาบคายและใช้ อาวุธปืนลูกซองยาวยิงจำเลยก่อน1 นัด แล้วต่าง ยื้อแย่งอาวุธปืนสั้น จำเลยใช้ อาวุธปืนที่แย่งได้ ยิงผู้ตายซึ่ง ไม่มีอาวุธใด อยู่ในมือ ขณะนั้นแม้ไม่มีภยันตรายซึ่ง เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงต่อ จำเลยอันจะทำให้จำเลยอ้างเหตุป้องกันตน โดย ชอบ ด้วยกฎหมายได้ แต่ จำเลยยิงผู้ตายเพราะเหตุผู้ตายกระทำการอันถือ ได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วย เหตุอันไม่ เป็นธรรมและจำเลยยิงผู้ตายในเวลาต่อเนื่องกัน ดังนี้ เป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา 72.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความแตกต่างของเครื่องหมายการค้าและการเกิดความสับสน: การพิจารณาความเหมือน/คล้าย และการประเมินผลกระทบต่อสาธารณชน
เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นอักษรโรมันว่า "LACOVO"อ่านออกเสียงว่า "ลาโคโว" ส่วนเครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นอักษรโรมันว่า "TACOLAVO" อ่านออกเสียงว่า "ทาโคลาโว"เครื่องหมายการค้าของโจทก์อ่านออกเสียง 3 พยางค์ ส่วนเครื่องหมายการค้าของจำเลยอ่านออกเสียง 4 พยางค์ พยางค์หน้าของเครื่องหมายการค้าของโจทก์อ่านว่า "ลา" เป็นเสียงอักษร "ล"ส่วนพยางค์หน้าของเครื่องหมายการค้าของจำเลยอ่านว่า "ทา"เป็นเสียงอักษร "ท" สำหรับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไม่มีเสียงอักษร "ท" เลย แม้เครื่องหมายการค้าของโจทก์และของจำเลยอ่านออกเสียงเหมือนกันอยู่ 3 พยางค์ คือลา โค และโว แต่ทั้งสามพยางค์นั้นเครื่องหมายการค้าของโจทก์มิได้อยู่ในตำแหน่งเดียวกับเครื่องหมายการค้าของจำเลย ยกเว้นเสียงโวเท่านั้นที่เป็นพยางค์สุดท้ายเช่นเดียวกัน ดังนี้ เครื่องหมายการค้าของโจทก์กับจำเลยมีข้อแตกต่างกันมาก ไม่อาจกล่าวได้ว่าเหมือนหรือคล้ายกันถึงขนาดทำให้สาธารณชนเกิดความสับสนหลงผิดว่าสินค้าของจำเลยคือสินค้าของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความแตกต่างของเครื่องหมายการค้า: พิจารณาความคล้ายคลึงจนทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดได้หรือไม่
เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นอักษรโรมันว่า "LACOVO"อ่านออกเสียงว่า "ลาโคโว" ส่วนเครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นอักษรโรมันว่า "TACOLAVO" อ่านออกเสียงว่า "ทาโคลาโว"เครื่องหมายการค้าของโจทก์อ่านออกเสียง 3 พยางค์ ส่วนเครื่องหมายการค้าของจำเลยอ่านออกเสียง 4 พยางค์ พยางค์ หน้าของเครื่องหมายการค้าของโจทก์อ่านว่า "ลา" เป็นเสียงอักษร "ล"ส่วนพยางค์ หน้าของเครื่องหมายการค้าของจำเลยอ่านว่า "ทา" เป็นเสียงอักษร "ท" สำหรับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไม่มีเสียงอักษร "ท" เลย แม้เครื่องหมายการค้าของโจทก์และของจำเลยอ่านออกเสียงเหมือนกันอยู่ 3 พยางค์ คือ ลาโคและโว แต่ ทั้งสามพยางค์นั้น เครื่องหมายการค้าของโจทก์มิได้อยู่ในตำแหน่ง เดียว กับเครื่องหมายการค้าของจำเลย ยกเว้นเสียงโว เท่านั้นที่เป็นพยางค์ สุดท้ายเช่นเดียว กัน ดังนี้ เครื่องหมายการค้าของโจทก์กับของจำเลยมีข้อแตกต่างกันมากไม่อาจกล่าวได้ ว่าเหมือนหรือคล้ายกันถึง ขนาดทำให้สาธารณชนเกิดความสับสนหลงผิดว่าสินค้าของจำเลยคือสินค้าของโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามพาหญิงออกนอกประเทศเพื่อค้าประเวณี ขั้นตอนการกระทำและความใกล้ชิดต่อความสำเร็จ
จำเลยกับพวกประสงค์จะหาผู้เสียหายทั้งสองออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม แต่ จำเลยถูก จับกุมเสียก่อนที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ ในขณะที่จำเลยกำลังเข้าแถวขอรับบัตรเลขที่นั่งในเครื่องบินสำหรับจำเลยและผู้เสียหายทั้งสองการกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าว เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการพาผู้เสียหายทั้งสองออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม เป็นการกระทำที่ใกล้ชิดต่อ ความผิดสำเร็จที่จะเกิดขึ้น จึงต้อง ถือ ว่าการกระทำของจำเลยกับพวกพ้นขั้นตระเตรียมการเข้าสู่การลงมือกระทำความผิดแล้ว หากแต่ ยังไม่สำเร็จเพราะมีเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้เสียก่อน เช่นนี้ ย่อมเป็นความผิดฐาน พยายามพาหญิงออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม ตามฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามพาหญิงออกนอกประเทศเพื่อค้าบริการทางเพศ: ขั้นตอนสุดท้ายของการกระทำความผิด
จำเลยพาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงเดินทางจากที่พักไปยัง ท่าอากาศยานกรุงเทพ โดยจำเลยประสงค์จะพาผู้เสียหายออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม แต่จำเลยถูกจับกุมเสียก่อนที่ท่าอากาศยานกรุงเทพในขณะที่จำเลยกำลังเข้าแถวขอรับบัตรเลขที่นั่งเครื่องบินสำหรับจำเลยและผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการพาผู้เสียหายออกไปจากประเทศ ไทย และใกล้ชิดต่อความผิดสำเร็จที่จะเกิดขึ้นพ้นขั้นตระเตรียมการแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามพาหญิงออกไปจากประเทศไทย เพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ. 2471 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามพาหญิงออกนอกประเทศเพื่อค้าเมถุน: การกระทำที่เกินขั้นเตรียมการ
จำเลยพาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงเดินทางจากที่พักไปยังท่าอากาศยานกรุงเทพโดยจำเลยประสงค์จะพาผู้เสียหายออกไปจากประเทศไทยเพื่อรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม แต่จำเลยถูกจับกุมเสียก่อนที่ท่าอากาศยานกรุงเทพในขณะที่จำเลยกำลังเข้าแถวขอรับบัตรเลขที่นั่งเครื่องบินสำหรับจำเลยและผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการพาผู้เสียหายออกไปจากประเทศไทยและใกล้ชิดต่อความผิดสำเร็จที่จะเกิดขึ้น พ้นขั้นตระเตรียมการแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามพาหญิงออกไปจากประเทศไทยเพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ. 2471 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามพาหญิงออกนอกประเทศเพื่อการค้าประเวณี: ขั้นตอนสุดท้ายของการกระทำความผิด
จำเลยพาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงเดินทางจากที่พักไปยัง ท่าอากาศยานกรุงเทพ โดยจำเลยประสงค์จะพาผู้เสียหายออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม แต่จำเลยถูกจับกุมเสียก่อนที่ ท่าอากาศยานกรุงเทพ ในขณะที่จำเลยกำลังเข้าแถวขอรับบัตรเลขที่นั่งเครื่องบินสำหรับจำเลยและผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการพาผู้เสียหายออกไปจากประเทศ ไทย และใกล้ชิดต่อความผิดสำเร็จที่จะเกิดขึ้น พ้นขั้นตระเตรียมการแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามพาหญิงออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ. 2471 มาตรา 4ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์ที่ส่งศาลต้องเกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีโดยตรง การแจ้งหายสมุดฝากเพื่อเบิกเงินไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 185
คำว่า "ทรัพย์หรือเอกสารใด" ที่ได้ส่งไว้ต่อศาล หรือที่ศาลให้รักษาไว้ในการพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 185 นั้นหมายถึงสิ่งที่จะต้องส่งหรือรักษาไว้เพื่อวินิจฉัยประเด็นในการพิจารณาคดีเท่านั้น สมุดฝากเงินออมสินที่จำเลยได้นำไปมอบให้ศาลยึดไว้เป็นหลักทรัพย์ประกันตัวจำเลยอื่นในคดีอาญา มิใช่เป็นทรัพย์หรือเอกสารที่จะเป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลย จึงไม่เป็นทรัพย์หรือเอกสารที่ได้ส่งศาล หรือที่ศาลให้รักษาไว้ในการพิจารณาคดตามบทกฎหมายดังกล่าว การที่จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานว่าสมุดฝากเงินออมสินดังกล่าวสูญหายไป แล้วนำหลักฐานการแจ้งหายไปเบิกเงินปิดบัญชีสมุดหายเลิกฝากและได้เงินตามจำนวนที่ฝากไป โดยที่ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องก็ยังไม่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาประกันอันจะถือว่ามีข้อพิพาทกันอีกส่วนหนึ่งในคดีเช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 185 คำรับสารภาพของจำเลยในคดีอาญาเป็นเพียงรับว่าได้กระทำการตามที่โจทก์ฟ้องเท่านั้น การกระทำตามฟ้องจะเป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณา เมื่อเห็นว่าการกระทำของจำเลยในข้อหาใดไม่เป็นความผิดแล้ว แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้องในข้อหาดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราว ไม่ใช่ทรัพย์ที่ศาลรักษาไว้เพื่อวินิจฉัยคดี จึงไม่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 185
คำว่า "ทรัพย์หรือเอกสารใด" ที่ได้ส่งไว้ต่อศาล หรือที่ศาลให้รักษาไว้ในการพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 185 นั้นหมายถึงสิ่งที่จะต้องส่งหรือรักษาไว้เพื่อวินิจฉัยประเด็นในการพิจารณาคดีเท่านั้น
สมุดฝากเงินออมสินที่จำเลยได้นำไปมอบให้ศาลยึดไว้เป็นหลักทรัพย์ประกันตัวจำเลยอื่นในคดีอาญา มิใช่เป็นทรัพย์หรือเอกสารที่จะเป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลย จึงไม่เป็นทรัพย์หรือเอกสารที่ได้ส่งศาล หรือที่ศาลให้รักษาไว้ในการพิจารณาคดตามบทกฎหมายดังกล่าว การที่จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานว่าสมุดฝากเงินออมสินดังกล่าวสูญหายไป แล้วนำหลักฐานการแจ้งหายไปเบิกเงินปิดบัญชีสมุดหายเลิกฝากและได้เงินตามจำนวนที่ฝากไป โดยที่ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องก็ยังไม่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาประกันอันจะถือว่ามีข้อพิพาทกันอีกส่วนหนึ่งในคดีเช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 185
คำรับสารภาพของจำเลยในคดีอาญาเป็นเพียงรับว่าได้กระทำการตามที่โจทก์ฟ้องเท่านั้น การกระทำตามฟ้องจะเป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณา เมื่อเห็นว่าการกระทำของจำเลยในข้อหาใดไม่เป็นความผิดแล้ว แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้องในข้อหาดังกล่าว
สมุดฝากเงินออมสินที่จำเลยได้นำไปมอบให้ศาลยึดไว้เป็นหลักทรัพย์ประกันตัวจำเลยอื่นในคดีอาญา มิใช่เป็นทรัพย์หรือเอกสารที่จะเป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลย จึงไม่เป็นทรัพย์หรือเอกสารที่ได้ส่งศาล หรือที่ศาลให้รักษาไว้ในการพิจารณาคดตามบทกฎหมายดังกล่าว การที่จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานว่าสมุดฝากเงินออมสินดังกล่าวสูญหายไป แล้วนำหลักฐานการแจ้งหายไปเบิกเงินปิดบัญชีสมุดหายเลิกฝากและได้เงินตามจำนวนที่ฝากไป โดยที่ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องก็ยังไม่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาประกันอันจะถือว่ามีข้อพิพาทกันอีกส่วนหนึ่งในคดีเช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 185
คำรับสารภาพของจำเลยในคดีอาญาเป็นเพียงรับว่าได้กระทำการตามที่โจทก์ฟ้องเท่านั้น การกระทำตามฟ้องจะเป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณา เมื่อเห็นว่าการกระทำของจำเลยในข้อหาใดไม่เป็นความผิดแล้ว แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้องในข้อหาดังกล่าว