พบผลลัพธ์ทั้งหมด 606 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3136/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้สั่งจ่ายเช็คต้องรับผิดตามกฎหมายลักษณะตั๋วเงิน แม้มีสัญญาขายลดเช็ค
โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามกฎหมายลักษณะตั๋วเงินในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คที่มีผู้นำไปทำสัญญาขายลดเช็คให้แก่โจทก์เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 จะนำบทบัญญัติเกี่ยวกับเอกเทศสัญญาอื่นมาใช้บังคับแก่จำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3136/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้สั่งจ่ายเช็คเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามกฎหมายลักษณะตั๋วเงิน
โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามกฎหมายลักษณะตั๋วเงินในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คที่มีผู้นำไปทำสัญญาขายลดเช็คให้แก่โจทก์เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 จะนำบทบัญญัติเกี่ยวกับเอกเทศสัญญาอื่นมาใช้บังคับแก่จำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3120/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำพิพากษาขับไล่และห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดิน: การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินและบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ได้ให้จำเลยอยู่อาศัย และมีคำขอท้ายฟ้องให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ ให้ส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ ทั้งได้ขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องอีกด้วย ดังนี้ เมื่อศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ก็ย่อมมีความหมายว่าจำเลยจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกไม่ได้ ทรัพย์สินใด ๆของจำเลยที่อยู่ในที่พิพาทจำเลยต้องเอาออกไปให้พ้นที่พิพาทด้วยดังนั้น เมื่อบ้านเป็นของจำเลย การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านดังกล่าวออกไปจากที่พิพาทจึงไม่เป็นการพิพากษาเกินกว่าคำขอหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องแต่ประการใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3120/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำพิพากษาขับไล่และห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดิน: การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินและบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ได้ให้จำเลยอยู่อาศัย และมีคำขอท้ายฟ้องให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ ให้ส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ ทั้งได้ขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องอีกด้วย ดังนี้ เมื่อศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ก็ย่อมมีความหมายว่าจำเลยจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกไม่ได้ ทรัพย์สินใด ๆของจำเลยที่อยู่ในที่พิพาทจำเลยต้องเอาออกไปให้พ้นที่พิพาทด้วยดังนั้น เมื่อบ้านเป็นของจำเลย การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านดังกล่าวออกไปจากที่พิพาทจึงไม่เป็นการพิพากษาเกินกว่าคำขอหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3106/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า vs. ทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากพฤติการณ์แทงสุ่มและบาดแผล
จำเลยกับผู้เสียหายทะเลาะวิวาทกันก่อนเกิดเหตุประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วจำเลยถือมีดปลายแหลมตามไปจะทำร้ายผู้เสียหายผู้เสียหายได้ใช้โช้กอัพ รถจักรยานยนต์ตีจำเลยแต่ไม่ถูก จำเลยจึงเข้าประชิดตัวและใช้มีดแทงผู้เสียหาย 2 ครั้ง ถูกที่ต้นแขนขวาและที่ชายโครงขวาทะลุเข้าทรวงอกมีบาดแผลขนาด 12x3x2 เซนติเมตรและ 6x2x3 เซ็นติเมตร ตามลำดับ เป็นการแทงโดยกะทันหันในเวลากลางคืนโดยจำเลยแทงสุ่ม ไปไม่มีโอกาสเลือกได้ว่าจะแทงส่วนไหนของร่างกายพฤติการณ์ดังกล่าวประกอบบาดแผลยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3106/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส: ศาลฎีกาพิจารณาเจตนาของผู้กระทำ
จำเลยกับผู้เสียหายทะเลาะวิวาทกันก่อนเกิดเหตุประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วจำเลยถือมีดปลายแหลมตามไปจะทำร้ายผู้เสียหายผู้เสียหายได้ใช้โช้กอัพรถจักรยานยนต์ตีจำเลยแต่ไม่ถูก จำเลยจึงเข้าประชิดตัวและใช้มีดแทงผู้เสียหาย 2 ครั้ง ถูกที่ต้นแขนขวาและที่ชายโครงขวาทะลุเข้าทรวงอกมีบาดแผลขนาด 12x3x2 เซนติเมตร และ6x2x3 เซนติเมตร ตามลำดับ เป็นการแทงโดยกะทันหันในเวลากลางคืน โดยจำเลยแทงสุ่มไปไม่มีโอกาสเลือกได้ว่า จะแทงส่วนไหนของร่างกายพฤติการณ์ดังกล่าวประกอบบาดแผลยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3106/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกาย: การแทงสุ่มโดยไม่มีโอกาสเลือกเป้าหมาย ไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า
จำเลยกับผู้เสียหายทะเลาะวิวาทกันก่อนเกิดเหตุประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วจำเลยถือมีดปลายแหลมตามไปจะทำร้ายผู้เสียหายผู้เสียหายได้ใช้โช้กอัพ รถจักรยานยนต์ตีจำเลยแต่ไม่ถูก จำเลยจึงเข้าประชิดตัวและใช้มีดแทงผู้เสียหาย 2 ครั้ง ถูกที่ต้นแขนขวาและที่ชายโครงขวาทะลุเข้าทรวงอกมีบาดแผลขนาด 12x3x2 เซนติเมตรและ 6x2x3 เซ็นติเมตร ตามลำดับ เป็นการแทงโดยกะทันหันในเวลากลางคืนโดยจำเลยแทงสุ่ม ไปไม่มีโอกาสเลือกได้ว่าจะแทงส่วนไหนของร่างกายพฤติการณ์ดังกล่าวประกอบบาดแผลยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คโดยสุจริตและการต่อสู้เรื่องการฉ้อฉล จำเลยไม่มีสิทธิสืบพยานหากไม่ได้กล่าวอ้างเรื่องการคบคิดฉ้อฉล
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คจำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ผู้มีชื่อเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมซึ่งมี ดอกเบี้ย เกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าเช็คพิพาทตกไปอยู่ในมือของโจทก์ได้อย่างไรโดยจำเลยมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกับผู้หนึ่งผู้ใดฉ้อฉลจำเลย ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาโดยสุจริต การที่จำเลยไม่ทราบว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาอย่างไร ไม่เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยจะใช้ยันโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 905 และมาตรา 916จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: การโอนเช็คโดยสุจริต ผู้สั่งจ่ายไม่อาจต่อสู้ได้ และเช็คสมบูรณ์ตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ผู้มีชื่อเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมซึ่งมีดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าเช็คพิพาทตกไปอยู่ในมือของโจทก์ได้อย่างไร โดยจำเลยมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกับผู้หนึ่งผู้ใดฉ้อฉลจำเลย ดังนี้ต้องถือว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาโดยสุจริต การที่จำเลยไม่ทราบว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาอย่างไร ไม่เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยจะใช้ยันโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 905,และมาตรา 916 จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ จำเลยให้การต่อสู้ว่า ลายมือที่ลงปีที่สั่งจ่ายในเช็คพิพาทจะเป็นลายมือของจำเลยหรือไม่จำเลยไม่รับรองนั้น แม้จะรับฟังได้ว่าจำเลยไม่ได้ลงปีที่สั่งจ่ายในเช็คพิพาท ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดทำการโดยสุจริตจะจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910 วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา 989 ดังนั้น เช็คพิพาทจึงเป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมายศาลชั้นต้นไม่ต้องกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ และไม่จำเป็นจะต้องสืบพยานในประเด็นดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คโดยสุจริต ผู้สั่งจ่ายไม่สามารถต่อสู้ได้หากไม่ได้กล่าวอ้างถึงการฉ้อฉล
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คจำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ผู้มีชื่อเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมซึ่งมี ดอกเบี้ย เกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าเช็คพิพาทตกไปอยู่ในมือของโจทก์ได้อย่างไรโดยจำเลยมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกับผู้หนึ่งผู้ใดฉ้อฉลจำเลย ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาโดยสุจริต การที่จำเลยไม่ทราบว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาอย่างไร ไม่เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยจะใช้ยันโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 905 และมาตรา 916จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้