พบผลลัพธ์ทั้งหมด 606 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2516/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในเช็คพิพาท: ผลของการชำระหนี้บางส่วนและการขาดมูลหนี้
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเพื่อชำระต้นเงิน30,000 บาทแก่โจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เป็นผู้สลักหลังซึ่งเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1รับผิดต่อโจทก์ตามเนื้อความในเช็คนั้น แต่เมื่อโจทก์แถลงรับในคำแก้ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 และทนายจำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินให้โจทก์บ้างแล้ว จำเลยที่ 1 ยังค้างชำระหนี้ตามเช็คพิพาทเป็นเงิน3,500 บาท จำเลยทั้งสี่จึงต้องร่วมกันรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทต่อโจทก์เป็นเงินเพียง 3,500 บาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2516/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: การรับผิดร่วมกันของผู้อ้างสลักหลัง และผลกระทบจากการชำระหนี้บางส่วน
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเพื่อชำระต้นเงิน30,000 บาทแก่โจทก์ โดยมีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เป็นผู้สลักหลังซึ่งเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1รับผิดต่อโจทก์ตามเนื้อความในเช็คนั้น แต่เมื่อโจทก์แถลงรับในคำแก้ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 และทนายจำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินให้โจทก์บ้างแล้ว จำเลยที่ 1 ยังค้างชำระหนี้ตามเช็คพิพาทเป็นเงิน 3,500 บาทจำเลยทั้งสี่จึงต้องร่วมกันรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทต่อโจทก์เป็นเงินเพียง 3,500 บาท และแม้จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ทั้งมิได้อุทธรณ์ฎีกา แต่รูปคดีเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ได้รับผลตามคำพิพากษานี้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 2451 และ 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2516/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: การลดจำนวนหนี้ตามเช็คจากยอดเดิมเนื่องจากมีการชำระหนี้บางส่วน และเช็คอีกฉบับเป็นเพียงหลักประกัน
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเพื่อชำระต้นเงิน30,000 บาทแก่โจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เป็นผู้สลักหลังซึ่งเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์ตามเนื้อความในเช็คนั้น แต่เมื่อโจทก์แถลงรับในคำแก้ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 และทนายจำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินให้โจทก์บ้างแล้ว จำเลยที่ 1 ยังค้างชำระหนี้ตามเช็คพิพาทเป็นเงิน3,500 บาท จำเลยทั้งสี่จึงต้องร่วมกันรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทต่อโจทก์เป็นเงินเพียง 3,500 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2491/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็น: กำหนดความกว้างของทางผ่านให้เหมาะสมกับความจำเป็นและสภาพการณ์
ที่ดินโจทก์มีบ้านปลูกอยู่หลายหลัง โจทก์และบุคคลอื่นในที่ดินไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ได้แต่อาศัยเดินผ่านบ้านคนรู้จักในที่ดินจำเลย โจทก์กับบริวารจึงมีสิทธิจะผ่านที่ดินจำเลยออกสู่ทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคแรก ที่ดินตามแนวที่โจทก์ขอผ่านเป็นทางจำเป็นนั้นเป็นทางที่ใกล้ถนนสาธารณะที่สุด และเกิดความเสียหายแก่ที่ดินจำเลยน้อยที่สุดตามเจตนารมณ์ของกฎหมายในเรื่องทางจำเป็นนั้น ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิจะผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้ มิได้จำกัดเฉพาะให้ใช้เฉพาะทางเดินด้วยเท้าแต่อย่างเดียว และตามสภาพการณ์ ความเจริญของบ้านเมืองทุกวันนี้รถยนต์เป็นพาหนะที่จำเป็น สมควรกำหนดให้ทางจำเป็นกว้าง 4 เมตร ตามแนวที่โจทก์ขอผ่านนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2491/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นในที่ดินของผู้อื่น โดยคำนึงถึงความเสียหายที่น้อยที่สุดและประโยชน์ใช้สอยที่เหมาะสม
ที่ดินโจทก์มีบ้านปลูกอยู่หลายหลัง โจทก์และบุคคลอื่นในที่ดินไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ได้แต่อาศัยเดินผ่านบ้านคนรู้จักในที่ดินจำเลยโจทก์กับบริวารจึงมีสิทธิจะผ่านที่ดินจำเลยออกสู่ทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคแรก ที่ดินตามแนวที่โจทก์ขอผ่านเป็นทางจำเป็นนั้นเป็นทางที่ใกล้ถนนสาธารณะที่สุด และเกิดความเสียหายแก่ที่ดินจำเลยน้อยที่สุดตามเจตนารมณ์ของกฎหมายในเรื่องทางจำเป็นนั้น ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิจะผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้ มิได้จำกัดเฉพาะให้ใช้เฉพาะทางเดินด้วยเท้าแต่อย่างเดียว และตามสภาพการณ์ความเจริญของบ้านเมืองทุกวันนี้รถยนต์เป็นพาหนะที่จำเป็น สมควรกำหนดให้ทางจำเป็นกว้าง 4 เมตร ตามแนวที่โจทก์ขอผ่านนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2491/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็น: กำหนดความกว้างของทางผ่านตามความจำเป็นและสภาพการณ์
ที่ดินโจทก์มีบ้านปลูกอยู่หลายหลัง โจทก์และบุคคลอื่นในที่ดินไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ได้แต่อาศัยเดินผ่านบ้านคนรู้จักในที่ดินจำเลย โจทก์กับบริวารจึงมีสิทธิจะผ่านที่ดินจำเลยออกสู่ทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคแรก
ที่ดินตามแนวที่โจทก์ขอผ่านเป็นทางจำเป็นนั้นเป็นทางที่ใกล้ถนนสาธารณะที่สุด และเกิดความเสียหายแก่ที่ดินจำเลยน้อยที่สุดตามเจตนารมณ์ของกฎหมายในเรื่องทางจำเป็นนั้น ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิจะผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้ มิได้จำกัดเฉพาะให้ใช้เฉพาะทางเดินด้วยเท้าแต่อย่างเดียว และตามสภาพการณ์ ความเจริญของบ้านเมืองทุกวันนี้รถยนต์เป็นพาหนะที่จำเป็น สมควรกำหนดให้ทางจำเป็นกว้าง 4 เมตร ตามแนวที่โจทก์ขอผ่านนั้น.
ที่ดินตามแนวที่โจทก์ขอผ่านเป็นทางจำเป็นนั้นเป็นทางที่ใกล้ถนนสาธารณะที่สุด และเกิดความเสียหายแก่ที่ดินจำเลยน้อยที่สุดตามเจตนารมณ์ของกฎหมายในเรื่องทางจำเป็นนั้น ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิจะผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้ มิได้จำกัดเฉพาะให้ใช้เฉพาะทางเดินด้วยเท้าแต่อย่างเดียว และตามสภาพการณ์ ความเจริญของบ้านเมืองทุกวันนี้รถยนต์เป็นพาหนะที่จำเป็น สมควรกำหนดให้ทางจำเป็นกว้าง 4 เมตร ตามแนวที่โจทก์ขอผ่านนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฉ้อโกงต้องมีการหลอกลวงให้ได้ทรัพย์สิน การผิดสัญญาเล่นแชร์ไม่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง
ความผิดฐานฉ้อโกงเป็นความผิดที่มีผลเกิดขึ้นต่างหากจากการกระทำ คือต้องเป็นการได้ไปซึ่งทรัพย์สินโดยการหลอกลวงการที่จำเลยได้ทรัพย์สินจากผู้เสียหายโดยการเล่นแชร์ ซึ่งเล่นกันจำนวน 90 มือ มีการประมูลแชร์และเก็บเงินจากผู้เล่นให้แก่ผู้ประมูลได้ถึง 57 มือแล้ว ต่อมาจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าวงผิดนัดไม่เก็บเงินจากผู้เล่นแชร์และไม่ดำเนินการประมูลแชร์ต่อไปตามหน้าที่ จึงเป็นการผิดสัญญาเล่นแชร์ซึ่งเป็นความผูกพันทางแพ่งการกระทำของจำเลยหาเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉ้อโกงต้องได้ทรัพย์สินมาโดยการหลอกลวง การผิดสัญญาแชร์ไม่ถือเป็นฉ้อโกง
ความผิดฐานฉ้อโกงเป็นความผิดที่มีผลเกิดขึ้นต่างหากจากการกระทำ คือต้องเป็นการได้ไปซึ่งทรัพย์สินโดยการหลอกลวง ดังนี้ การที่จำเลยได้ทรัพย์สินจากผู้เสียหายโดยการเล่นแชร์ ซึ่งเล่นกันจำนวน 90 มือ มีการประมูลแชร์และเก็บเงินจากผู้เล่นให้แก่ผู้ประมูลได้ถึง 57มือแล้ว ต่อมาจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าวงผิดนัด ไม่เก็บเงินจากผู้เล่นแชร์และไม่ดำเนินการประมูลแชร์ต่อไปตามหน้าที่ จึงเป็นการผิดสัญญาเล่นแชร์ซึ่งเป็นความผูกพันทางแพ่ง การกระทำของจำเลยหาเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2402/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจฟ้องคดี: ความสมบูรณ์ของหนังสือมอบอำนาจและการลงลายมือชื่อของกรรมการบริษัท
หนังสือมอบอำนาจระบุว่าบริษัทโจทก์โดย ว. และ ณ.กรรมการเป็นผู้มอบอำนาจให้ฟ้อง แต่ตอนท้ายของหนังสือมอบอำนาจกลับปรากฏว่า ว.ร่วมกับอ. กรรมการอีกคนหนึ่งของโจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้ฟ้อง เมื่อตามหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครระบุว่า กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อแทนโจทก์คือ ว. ลงลายมือชื่อร่วมกับ ก.หรือคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการอีกคนหนึ่งและต้องประทับตราสำคัญของโจทก์ ดังนั้นการที่ ว. ลงลายมือชื่อร่วมกับ อ. กรรมการอีกคนหนึ่งของโจทก์และประทับตราสำคัญของโจทก์จึงถือได้ว่าการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์สมบูรณ์แล้ว แม้ ณ.จะไม่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2402/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจสมบูรณ์เมื่อลงลายมือชื่อตามอำนาจกรรมการที่สำนักงานทะเบียนระบุ แม้กรรมการบางคนไม่ได้ลงชื่อ
หนังสือมอบอำนาจระบุว่า บริษัทโจทก์โดย ว. และ ณ.กรรมการเป็นผู้มอบอำนาจให้ฟ้อง แต่ ตอนท้ายของหนังสือมอบอำนาจกลับปรากฏว่า ว. ร่วมกับ อ. กรรมการอีกคนหนึ่งของโจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้ฟ้อง เมื่อตาม หนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครระบุว่า กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อแทนโจทก์คือ ว. ลงลายมือชื่อร่วมกับ ก.หรือคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการอีกคนหนึ่งและต้อง ประทับตราสำคัญของโจทก์ ดังนั้นการที่ ว. ลงลายมือชื่อร่วมกับ อ. กรรมการอีกคนหนึ่งของโจทก์และประทับตราสำคัญของโจทก์ จึงถือได้ว่าการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์สมบูรณ์แล้วแม้ ณ. จะไม่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจก็ตาม.