คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พัลลภ พิสิษฐ์สังฆการ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 606 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำต้องห้าม & ละเมิดจากการขัดขวางการขายที่ดิน
คดีเดิม ศาลได้ วินิจฉัยถึงที่สุดแล้วว่า รูปแผนที่แบ่งแยกตามที่ช่างแผนที่สำนักงานที่ดินทำมาถูกต้อง ตรง ตาม ข้อตกลงของโจทก์จำเลยในชั้น บังคับคดีแล้ว ให้จำเลยจัดการแบ่งแยกโฉนด ที่ดินเลขที่๑๔๘๘ ให้แก่โจทก์ไปตาม รูปแผนที่นั้น ซึ่ง ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินก็ได้ จัดการแบ่งแยกออกเป็นโฉนด เลขที่ ๑๗๓๖๔ ให้แก่โจทก์ไปแล้วคดีนี้จำเลยซึ่ง เป็นคู่ความเดียวกับคดีก่อนได้ ยกข้อต่อสู้และฟ้องแย้งว่า รูปแผนที่ในที่ดินโฉนด เลขที่ ๑๗๓๖๔ ไม่ถูกต้องขึ้นมาอีก เป็นเรื่องจำเลยรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดย อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘
โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔ ร้องขอแบ่งแยกที่ดินตาม โฉนด เลขที่ ๑๗๓๖๔เพื่อขายให้แก่ บ. กับพวก จำเลยทราบแล้วยังไปคัดค้านการรังวัดแบ่งแยกต่อ เจ้าพนักงานที่ดินโดย รู้อยู่แล้วว่าโฉนด ดังกล่าวออกมาโดยชอบ เป็นการจงใจกระทำโดย ผิด กฎหมายให้โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔เสียหายแก่สิทธิที่จะขายที่ดิน และได้รับเงินจาก บ. กับพวกผู้ซื้อ จึงเป็นละเมิดต่อ โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔ เมื่อการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔ ไม่ได้รับเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือจาก บ. กับพวก ซึ่ง ถ้า โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔ นำไปฝากธนาคารจะได้ดอกเบี้ย ร้อยละ ๑๒ ต่อปี จำเลยจึงต้อง รับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำต้องห้ามตามกฎหมาย และละเมิดจากการขัดขวางการขายที่ดิน
คดีเดิม ศาลได้ วินิจฉัยถึงที่สุดแล้วว่า รูปแผนที่แบ่งแยกตามที่ช่างแผนที่สำนักงานที่ดินทำมาถูกต้อง ตรง ตาม ข้อตกลงของโจทก์จำเลยในชั้น บังคับคดีแล้ว ให้จำเลยจัดการแบ่งแยกโฉนด ที่ดินเลขที่1488 ให้แก่โจทก์ไปตาม รูปแผนที่นั้น ซึ่ง ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินก็ได้ จัดการแบ่งแยกออกเป็นโฉนด เลขที่ 17364 ให้แก่โจทก์ไปแล้วคดีนี้จำเลยซึ่ง เป็นคู่ความเดียวกับคดีก่อนได้ ยกข้อต่อสู้และฟ้องแย้งว่า รูปแผนที่ในที่ดินโฉนด เลขที่ 17364 ไม่ถูกต้องขึ้นมาอีก เป็นเรื่องจำเลยรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดย อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 โจทก์ที่ 1 และที่ 4 ร้องขอแบ่งแยกที่ดินตาม โฉนด เลขที่ 17364เพื่อขายให้แก่ บ. กับพวก จำเลยทราบแล้วยังไปคัดค้านการรังวัดแบ่งแยกต่อ เจ้าพนักงานที่ดินโดย รู้อยู่แล้วว่าโฉนด ดังกล่าวออกมาโดยชอบ เป็นการจงใจกระทำโดย ผิด กฎหมายให้โจทก์ที่ 1 และที่ 4เสียหายแก่สิทธิที่จะขายที่ดิน และได้รับเงินจาก บ. กับพวกผู้ซื้อ จึงเป็นละเมิดต่อ โจทก์ที่ 1 และที่ 4 เมื่อการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ที่ 1 และที่ 4 ไม่ได้รับเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือจาก บ. กับพวก ซึ่ง ถ้า โจทก์ที่ 1 และที่ 4 นำไปฝากธนาคารจะได้ดอกเบี้ย ร้อยละ 12 ต่อปี จำเลยจึงต้อง รับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกันภัย: ตัวการที่มิได้เปิดเผยชื่อ และผลผูกพันสัญญา
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์คันที่เอาประกันภัยมาใช้ในกิจการของโจทก์โดยมอบหมายให้ พ.ผู้ถือหุ้นของบริษัทโจทก์เป็นผู้ดำเนินกิจการทุกอย่างเกี่ยวกับรถยนต์ของโจทก์ พ.นำรถยนต์คันดังกล่าวไปทำประกันภัยไว้กับจำเลยแทนโจทก์ และโจทก์เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยเช่นนี้ ถือว่าโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัย เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์ในรถยนต์คันที่เอาประกันภัยซึ่งโจทก์เช่าซื้อมา โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในเหตุที่เอาประกันภัยไว้ สัญญาประกันภัยย่อมมีผลสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 863 กรณีเช่นนี้โจทก์เป็นตัวการมิได้เปิดเผยชื่อ การตั้ง พ. เป็นตัวแทนจึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามมาตรา 798 และโจทก์ตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อย่อมแสดงตนให้ปรากฏและเข้ารับเอาสัญญาประกันภัยที่ พ. ตัวแทนทำไว้กับจำเลยแทนตนได้ตามมาตรา 806

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนประกันภัย - ผู้ครอบครองรถยนต์มีสิทธิทำสัญญาประกันภัยได้ แม้ไม่ได้เปิดเผยชื่อตัวการ
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์คันที่เอาประกันภัยมาใช้ในกิจการของโจทก์โดยมอบหมายให้ พ. ผู้ถือหุ้นของบริษัทโจทก์เป็นผู้ดำเนินกิจการทุกอย่างเกี่ยวกับรถยนต์ของโจทก์ พ. นำรถยนต์คันดังกล่าวไปทำประกันภัยไว้กับจำเลยแทนโจทก์และโจทก์เป็นผู้ชำระเบี้ยประกัน เช่นนี้ ถือว่าโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์ในรถยนต์คันที่เอาประกันภัยโจทก์เช่าซื้อมา โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในเหตุที่เอาประกันภัยไว้ สัญญาประกันภัยย่อมมีผลสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา863 กรณีเช่นนี้ โจทก์เป็นตัวการมิได้เปิดเผยชื่อ การตั้ง พ.เป็นตัวแทนจึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามมาตรา 798และโจทก์ตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อย่อมแสดงตนให้ปรากฎและเข้ารับเอาสัญญาประกันภัยที่ พ. ตัวแทนทำไว้กับจำเลยแทนได้ตามมาตรา 806 และแม้ พ. จะละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงที่ว่ารถยนต์คันที่เอาประกันภัยโจทก์เป็นผู้ครองครองใช้ประโยชน์ซึ่งอาจจะได้จูงใจจำเลยให้เรียกเบี้ยประกันสูงขึ้นอีกหรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญา ก็เพียงแต่ทำให้สัญญาประกันภัยตกเป็นโมฆียะตามมาตรา 865 เท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ใช้สิทธิบอกล้างสัญญาดังกล่าว จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นความรับผิดในสัญญาประกันภัยค้ำจุน: การใช้รถยนต์ผิดเงื่อนไข (รับจ้าง/ให้เช่า) ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ให้รับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนระหว่างจำเลยที่ 2 กับที่ 3 ความรับผิดของจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยที่มีต่อโจทก์จึงต้องเป็นไปตามที่ระบุไว้ในสัญญาดังกล่าว ฉะนั้น จำเลยที่ 3 ย่อมยกข้อยกเว้นความรับผิดต่อบุคคลภายนอกตามสัญญาขึ้นต่อสู้กับโจทก์ได้ เว้นแต่ข้อยกเว้นนั้นจะขัดต่อกฎหมาย
ข้อยกเว้นความรับผิดต่อบุคคลภายนอกตามกรมธรรม์กำหนดว่าจำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดกรณีการใช้รถยนต์ตามที่ระบุคือห้ามรับจ้างหรือให้เช่านั้น ไม่ขัดต่อกฎหมายเพราะเป็นเพียงเงื่อนไขที่กำหนดไว้เพื่อไม่ให้จำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยใช้รถยนต์คันเกิดเหตุไปรับจ้างหรือให้เช่า ซึ่งเป็นการใช้มากไปกว่าการใช้บรรทุกส่วนบุคคลอันจะทำให้จำเลยที่ 3ต้องเสี่ยงภัยมากขึ้น ข้อยกเว้นความรับผิดต่อบุคคลภายนอกดังกล่าวจึงใช้บังคับได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นกรมธรรม์ประกันภัยค้ำจุน: การยกเว้นความรับผิดเมื่อใช้รถรับจ้าง
จำเลยที่ 2 นำรถยนต์คันเกิดเหตุไปประกันภัยค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัย มีข้อยกเว้นความรับผิดต่อบุคคลภายนอกในกรณีการใช้รถยนต์คันดังกล่าว คือ ห้ามรับจ้างหรือให้เช่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ใช้รถยนต์คันดังกล่าวไปรับจ้างบรรทุกของโดยให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่ แล้วจำเลยที่ 1 ไปทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัย เช่นนี้ความรับผิดของจำเลยที่ 3 ที่มีต่อโจทก์ต้องเป็นไปตามที่ระบุไว้ในสัญญาประกันภัยค้ำจุนดังกล่าว ข้อยกเว้นความรับผิดต่อบุคคลภายนอกตามกรมธรรม์ประกันภัยมีผลใช้บังคับได้ จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 2 ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย และมีสิทธิยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้ จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทมาตรา 362 ประกอบมาตรา 365 กรณีความผิดทางอาญา ศาลต้องปรับบทให้ถูกต้อง
จำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2)(3)ประกอบด้วยมาตรา 362 การที่ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 โดยมิได้ปรับบทมาตรา 362 ด้วยนั้นย่อมไม่ถูกต้องเพราะมาตรา 365 มิได้บัญญัติความผิดไว้ชัดแจ้งในตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกและทำให้เสียหายซึ่งอสังหาริมทรัพย์: การปรับบทมาตรา 362 เพื่อใช้กับมาตรา 365
จำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2)(3) ประกอบด้วยมาตรา 362 เช่นนี้ ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 โดยมิได้ปรับบทมาตรา 362 มาด้วยย่อมไม่ถูกต้องเพราะมาตรา 365 มิได้บัญญัติความผิดไว้ชัดแจ้งในตัว.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 146/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าซ่อมรถยนต์หลังตกลงค่าเสียหายส่วนบุคคล: ศาลยืนตามอุทธรณ์
แม้ข้อตกลงระหว่าง ส. กับจำเลยตามรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันมีใจความว่า ส.ได้เรียกร้องค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลตัวเองและของภรรยาเป็นเงินรวม 27,500 บาท และไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายอื่นใดอีกต่อไปทั้งทางแพ่งและอาญาก็ตามแต่ยังมีข้อความอีกว่า สำหรับรถยนต์ของ ส. นั้น คู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะไปทำการเจรจากันในภายหลังต่อไปแสดงว่าคู่กรณีเจตนาแยกการเรียกค่าเสียหายจากการซ่อมแซมรถยนต์ออกจากค่าเสียหายจำนวน 27,500 บาทส.จึงไม่สูญสิทธิที่จะเรียกร้องค่าซ่อมแซมรถยนต์ในภายหลังเมื่อโจทก์ผู้รับประกันภัยรถยนต์ของ ส. ได้นำรถยนต์ดังกล่าวไปซ่อมแซมและชำระค่าซ่อมแซมแล้ว โจทก์ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของ ส.ในอันที่จะเรียกร้องเงินค่าซ่อมแซมรถยนต์จากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 70/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: เจตนาเพิ่มเติมในการกระทำความผิด
จำเลยกับพวกมีเจตนาร่วมกันมาใช้ อาวุธปืนยิงนักศึกษา วิทยาลัยเทคนิคยะลา เพราะเหตุเคยมีเรื่องวิวาททำร้ายกับนักเรียนโรงเรียนซึ่ง จำเลยกับพวกเรียนอยู่ เมื่อพบผู้ตายกับผู้เสียหายต่าง แต่งกาย ชุด วิทยาลัยเทคนิคยะลา และยืนอยู่ใกล้กันจึงยิงคนทั้งสองในเวลาต่อเนื่องกัน เมื่อไม่ปรากฏว่าพวกจำเลยที่ยิงมีเจตนายิงเฉพาะ ผู้ตายแต่ เพิ่มเจตนายิงผู้เสียหายอีกคนหนึ่งในภายหลังเป็นพิเศษแล้ว ก็ต้อง ฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่าจำเลยกับพวกร่วมกระทำผิดกรรมเดียวผิดต่อ กฎหมายหลายบท มิใช่สองกรรมสองกระทง.
of 61